วันอาทิตย์, 8 มิถุนายน 2568

กระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งผลิตสินค้า GI ส้มจุกจะนะ

27 พ.ย. 2567
35

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งผลิตสินค้า GI ส้มจุกจะนะ พร้อมผลักดันสินค้า GI ส้มจุกจะนะให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ขยายช่องทางการตลาด ช่วยลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าให้เกษตกรมีรายได้เพิ่มขึ้นแบบครบวงจร

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่เยี่ยมชมสวนส้มจุกของผู้ใหญ่นี นายดนกอนี เหลาะหมาน เกษตรกรต้นแบบ หมู่ที่ 7 โดยมี คณะผู้บริหารและคณะทำงานกระทรวงพาณิชย์ นายอำเภอจะนะ ส่วนราชการ และส่วนท้องถิ่นใน อ.จะนะ ร่วมลงพื้นที่ และให้การต้อนรับ

ในการนี้ นายดนกอนี เหลาะหมาน เจ้าของสวนส้มจุกผู้ใหญ่นี ได้เล่าถึงความเป็นมาของการปลูกส้มจุกต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่าได้ปลูกส้มจุกจะนะพันธุ์พื้นเมือง ในเนื้อที่รวม 7 ไร่ กว่า 400 ต้น มีความตั้งใจที่จะพลิกฟื้นส้มจุกจะนะพันธุ์พื้นเมือง โดยในปี 2544 ได้เริ่มขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งและเพาะขยายพันธุ์มาเรื่อยๆ จากนั้นได้ทดลองปลูกเริ่มแรก จำนวน 50 ต้น แต่ระยะแรกผลผลิตออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากส้มจุกเป็นพืชที่ดูแลยากกว่าส้มชนิดอื่น ต้องคอยเฝ้าระวังศัตรูทำลายส้ม เช่น แมลงวันทอง หนอนเขียว หากปล่อยปละละเลยจะได้ผลผลิตไม่มีคุณภาพ ต่อมาในปี 2560 ส้มจุกจะนะ เริ่มได้รับความนิยมและมีกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคมีมาก ผลผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ถึงขนาดที่ต้องสั่งจองล่วงหน้า นอกจากจะจำหน่ายผลสุกแล้ว ยังจำหน่ายกิ่งพันธุ์ส้มจุกพื้นเมืองด้วย เพื่อเป็นการอนุรักษ์ผลไม้ประจำถิ่นเอาไว้ไม่ให้สูญหาย ซึ่งสวนส้มจุกแห่งนี้เป็นสวนที่ปราศจากสารเคมี มีการดูแลโดยวิธีธรรมชาติและได้ผลผลิตดีมีคุณภาพมีการควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ส่งจำหน่ายในราคาสูง โดยคุณภาพเกรด A จะจำหน่ายในกิโลกรัมละ 200 บาท เกรด B 180 บาท และเกรด C 150 บาท

โดยลักษณะของภูมิศาสตร์ในพื้นที่ทำให้ส้มจุกจะนะจะมีลักษณะที่แตกต่างจากส้มพันธุ์ทั่วๆ ไป คือ ตรงบริเวณขั้วของผลจะมีเปลือกนูนสูงคล้ายจุก จึงถูกเรียกว่าส้มจุก ด้วยรสชาติที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว รสหวานอมเปรี้ยว ไม่หวานจัด ผิวส้มมีกลิ่นหอมและได้รับฉายาว่าเป็น “ส้มหอมหมื่นลี้”

ปัจจุบันเกษตรกรได้รวมตัวกันปลูกส้มจุกในลักษณะแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสมาชิกที่ให้ผลผลิตแล้วจำนวน 32 ราย ในเนื้อที่ประมาณ 280 ไร่ โดยมี สนง.เกษตร อ.จะนะ สนง.เกษตร จ.สงขลารวมถึงสนง.พาณิชย์ จ.สงขลา ได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมเกษตรกรมาโดยตลอด ทั้งการตลาด บรรจุภัณฑ์ การอบรมเรื่องทำตลาดออนไลน์ และการเจรจาธุรกิจ เป็นต้น ในปี 2561 ได้ยื่นขอจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ชนิดที่สองของจังหวัดสงขลา ในปี 2564