วันพฤหัสบดี, 21 สิงหาคม 2568

กิจกรรมกองทุนหมู่บ้านมั่นคงชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ปี 2567

17 ส.ค. 2024
57

วันที่ (17 สิงหาคม 2567) นางสาวจิราพร สินธุไพร รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เปิดกิจกรรม “กองทุนหมู่บ้านมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” และการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองภาคใต้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมี นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางซูซาน่า วาแม รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ประธานกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองภาคใต้ หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้แทนคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง, ผู้แทนเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระดับอำเภอ, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ, ผู้แทนหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกว่า 1,000 คน

นางสาวจิราพร สินธุไพร กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านฯ เป็นนโยบายที่ริเริ่มเมื่อ 23 ปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยเข้มแข็ง พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีโอกาสสร้างงานสร้างรายได้ในระยะยาว ตลอดจนแก้ไขความเหลื่อมล้ำของสังคม ทั้งมิติเศรษฐกิจ และมิติสังคม และเป็นโครงการต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลในชุดนี้ ที่ต้องการจะยกระดับ พัฒนาให้กองทุนหมู่บ้านตอบโจทย์พี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยการจัดงานในครั้งนี้ มีกิจกรรมการเสวนาการให้ความรู้ในเรื่องหนี้นอกระบบ และกิจกรรม Workshop ที่เปิดโอกาสตัวแทนเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน กรรมการกองทุนหมู่บ้าน ได้มีส่วนในการให้ความเห็น ข้อเสนอแนะ ในการยกระดับพัฒนากองทุนหมู่บ้านร่วมกันอีกด้วย

ในส่วนของปัญหาหนี้นอกระบบ “นางสาวจิราพรฯ”กล่าวว่าถือเป็นปัญหาที่เรื้อรัง ที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้พี่น้องประชาชนหมุนเงินไม่ทัน เมื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ต้องไปพึ่งหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง จนทำให้เกิดปัญหาสังคม สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยกองทุนหมู่บ้านในอดีตมีการให้ทุนประเดิม 1 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำสำหรับให้พี่น้องประชาชนสามารถกู้ได้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ถือว่าเป็นแหล่งเงินชั้นดีที่ให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ในการหมุนเวียน มีโอกาสสร้างอาชีพ ทั้งนี้หากมีการสานต่อได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าสามารถลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และแก้ไขหนี้นอกระบบได้ในระยะยาวด้วย