วันนี้ (3 สิงหาคม 2567) ที่วัดพะโคะ ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีมอบเกียรติบัตรและพิธีลาสิกขาโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในการนี้ ได้รับความเมตตาจากพระเทพวชิรสุตาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระครูปุญญาพิศาล เจ้าคณะอำเภอสทิงพระ นายปารเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระ นายวินิจ เทพนิต นายอำเภอควนเนียง นางเลขา สุวรรณชาตรี วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา นางสาวสุภาพร เกตุสุริยงค์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา ตลอดจนคณะสงฆ์ และหัวหน้าส่วนราชการ/ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

สำหรับโครงการบรรพชาอุปสมบท เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้ดำเนินกิจกรรมมาตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 112 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งส่งเสริมให้ประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน ได้มีส่วนร่วมในโครงการบรรพชาอุปสมบท เฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งยังได้รับความรู้ในเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรมจริยธรรมและศีลธรรม นำมาใช้เป็นหลักประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติงานอันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติสืบไป ทั้งนี้ยังมีพระสงฆ์ที่ประสงค์จะจำพรรษาต่อเนื่อง จำนวน 20 รูป

ช่วงเช้าวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ณ วัดศาลาหลวงบน ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา พระธรรมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการประกอบพิธีสมโภชน์และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเมตตามหามุนี (หลวงพ่อหลาหลวง) โดย นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการและกล่าวอนุโมทนาในนามชาวจังหวัดสงขลา มี นางมณีรัตน์ พรหมเขียว นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ดร.วินัย วรฉัตรวิทยา ประธานการจัดงาน นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายวรพันธ์ สุวรรณยุหะ นายอำเภอระโนด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีด้วยความศรัทธา

นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตามที่ ดร.วินัย วรฉัตรวิทยา ในฐานะคณะกรรมการจัดงาน ได้มีจิตศรัทธาจัดสร้างพระพุทธรูปจากหินแกรนิตสีขาวเทา น้ำหนัก 50 ตัน เพื่อประดิษฐาน ณ วัดศาลาหลวงบน ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา และได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ทรงประทานนามว่า “พระพุทธเมตตามหามุนี” (หลวงพ่อหลาหลวง) และในวันนี้ได้กำหนดพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระเกตุมาลาของพระพุทธเมตตามหามุนี ณ วัดศาลาหลวงบน โดยได้รับความเมตตาจากพระธรรมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในการบรรจุพระพระบรมสารีริกธาตุ ในวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคลกับชาวอำเภอระโนดและชาวจังหวัดสงขลาเป็นอย่างยิ่ง ในโอกาสนี้ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตลอดจนประชาชนที่ได้มาร่วมพิธีพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในวันนี้

วันนี้ (18 ก.ค.67) ณ ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประกอบพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการนี้มีเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร แพทย์และพยาบาล ร่วมนำพวงมาลาถวายราชสักการะหน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวคำอาศิรวาทราชสดุดี เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 18 กรกฎาคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทยอันหาที่สุดมิได้

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระนามเดิมว่า สังวาล ตะละภัฎ พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พุทธศักราช 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ในพระชนกชูและพระชนนีคำ พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีพระนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงมีต่อชาวไทย และประเทศชาตินั้นใหญ่หลวงมาก เพราะตั้งแต่ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ทรงมีพระอุตสาหะวิริยะสูงในการทรงงาน เพื่อประโยชน์สุขของชาวไทยทุกหมู่เหล่า ตั้งแต่เหนือจรดใต้สุด ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) มูลนิธิขาเทียม มูลนิธิถันยรักษ์ ทรงบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียนกว่า 185 โรงเรียน และทรงรับเอาโครงการของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไว้ในพระราชูปถัมภ์ ทรงสร้างพระตำหนักดอยตุง ทรงพัฒนาดอยตุงและส่งเสริมงานให้ชาวเขา จัดตั้งศูนย์บำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่บ้านผาหมี ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พระองค์จึงทรงได้รับขนานนามว่า “สมเด็จย่าแม่ฟ้าหลวง”

ในวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พุทธศักราช 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงได้เสด็จสวรรคต แต่พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปรารถนาให้ชาวไทยมีความสุข ยังคงสถิตถาวรอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรทั่วไทยตลอดกาล

วันนี้ (3 มิถุนายน 2567) 19.19 น. ที่หอประชุมจังหวัดสงขลา ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะวางพานพุ่มและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2567 โดยมี นางมณีรัตน์ พรหมเขียว นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา / ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพสกนิกรชาวจังหวัดสงขลาเข้าร่วมในพิธี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

วันนี้ (25 เมษายน 2567) ที่ หอประชุมจังหวัดสงขลา ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2567 โดยมี นางวราภรณ์ สาราบรรณ์ รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา ผู้แทนประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอภิชาติ สาราบรรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ ทหาร ศาล ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียงเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย

ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้วางพานพวงมาล ถวายราชสักการะหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ จุดธูป เทียน เครื่องทองน้อย และกล่าวถวายราชสดุดี มีใจความตอนหนึ่งว่า “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระราชสมภพ ณ พระราชวังจันทร์ เมื่อปีพุทธศักราช 2098 พระองค์ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างล้ำเลิศ มีพระอัจฉริยภาพ และมีพระหัตถ์ในทางการรบและเชี่ยวชาญในอาวุธทุกชนิด ทรงตรากตรำพระวรกายในการทำศึกสงครามตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์โดยมิได้ว่างเว้น ในปีพุทธศักราช 2133 สมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ปีพุทธศักราช 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาจนได้รับชัยชนะทำให้พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาลไปทั่วปฐพี ปีพุทธศักราช 2138 และ 2142 ทรงกรีฑาทัพไปตีเมืองหงสาวดี ได้เมืองเมาะลำเลิง แล้วทรงยกทัพไปถึงเมืองหงสาวดีและเมืองตองอู จนหัวเมืองไทยใหญ่ทั้งปวงยอมขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา ในปีพุทธศักราช 2198 พระเจ้าอังวะมีอำนาจขึ้นจึงขยายอาณาเขตเข้ามาทรงแคว้นไทยใหญ่ สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปยังเมืองห้างหลวง และประชวรหนักจนเสด็จสวรรคตเมื่อเดือน 6 ขึ้น 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พุทธศักราช 2148 พระชนมายุ 50 พรรษาอยู่ในราชสมบัติ 15 ปี จากวันนั้น ถึงวันนี้แม้พระองค์จะได้เสด็จสวรรคตมานานกว่า 419 ปี แล้วก็ตาม พสกนิกรชาวไทยทั้งมวลต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระเกียรติคุณของพระองค์ท่านที่ทรงพระปรีชาสามารถ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยวขับไล่อริราชศัตรูตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย และเป็นมหาวีรกรรมที่เลื่องลือปรากฎอยู่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยตราบจนทุกวันนี้”

เช้าวันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 07.30 น. ที่วัดโพธิ์ปฐมาวาส พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันที่ระลึก “พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” ประจำปี 2567 พร้อมอ่านคำถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติเบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐและสร้างคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทยนานัปการ โดยมี นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ตำรวจ ทหาร สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพุทธศาสนิกชนชาวสงขลาเข้าร่วมในพิธี

ในการนี้ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นวางพานพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ และจุดเครื่องทองน้อยหน้าโต๊ะหมู่บูชาหน้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมกล่าวคำกล่าวถวายราชสดุดี เนื่องในวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีใจความตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระอัจฉริยภาพในศิลปกรรมหลายสาขา ทั้งด้านกวีนิพนธ์ วรรณกรรม ประติมากรรม และดนตรีไทย นับว่าในรัชสมัยของพระองค์ เป็นยุคสมัยที่ศิลปวัฒนธรรมไทยรุ่งเรืองที่สุด โดยเฉพาะด้านละคร นอกจากนี้ยังทรงฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตกอีกครั้ง หลังจากได้ลดความสัมพันธ์ ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมีพระบรมราชานุญาตให้ชาวโปรตุเกส เข้ามาตั้งสถานทูตได้เป็นชาติแรก”

ต่อจากนั้นได้เข้าสู่พิธีสวดพระพุทธมนต์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานในพิธี พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ถวายเครื่องไทยธรรม ถวายจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์ ประธานในพิธี ทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ประธานในพิธีกรวดน้ำ ก่อนพระโสภณวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ปฐมาวาส พระอารามหลวง จังหวัดสงขลา นำพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ออกรับบิณฑบาต เป็นอันเสร็จพิธีฯ

เช้าวันนี้ (18 ม.ค. 67) นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ พิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันยุทธหัตถี หรือวันกองทัพไทย เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีนายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ศาล ทหาร ตำรวจและประชาชนชาวสงขลาเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ณ วัดโพธิ์ปฐมาวาส พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา

โดยเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เดินทางถึงบริเวณพิธี พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายความเคารพ และนำผู้เข้าร่วมประกอบพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ จากนั้น จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อจำลองสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ เสร็จแล้วประกอบพิธีถวายเครื่องไทยธรรม และทอดผ้าไตร จำนวน 10 ไตร ต่อจากนั้นประธานสงฆ์ นำพระภิกษุสงฆ์ และสามเณร จำนวน 20 รูป รับบิณฑบาต เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

สำหรับวันยุทธหัตถี และวันกองทัพไทย ตรงวันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า นับเป็นยุทธหัตถีทางบกครั้งยิ่งใหญ่ ชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และได้รับการยกย่องสรรเสริญไปทั่วทั้งทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป อีกทั้งยังเป็นวันที่มีความสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย เป็นวันที่คนไทยพึงตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณด้วยความภาคภูมิใจ เกิดความรัก และหวงแหนที่ต้องปกป้องบ้านเมืองและร่วมกันสืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ท่าน เพื่อรักษาแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกของลูกหลาน

วันนี้ 13 ต.ค.66 ที่หอประชุมจังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นำหัวหน้าส่วนราชการร่วมพิธีวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2566 โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนภาคเอกชน ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่ทรงมีต่อเหล่าปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้น

จากนั้น นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี แห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปวงพสกนิกรใต้ร่มพระบารมีทั่วราชอาณาจักร ต่างประจักษ์ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาที่ได้ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกายและกำลังพระสติปัญญา ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงพสกนิกร โครงการในพระราชดำริน้อยใหญ่ จำนวน 4,741 โครงการ ก่อให้เกิดประโยชน์ อย่างอเนกอนันต์แก่ประเทศชาติ ทั้งได้พระราชทานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นแนวทางให้อาณาประชาราษฎร์ได้ดำเนินชีวิต โดยใช้ความรู้และสติปัญญาเป็นภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนของประเทศต่าง ๆ ที่ได้น้อมนำแนวทางพระราชทานไปปฏิบัติ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาลขจรขจายไปทั่วทิศานุทิศ“