วันที่ (21 มิถุนายน 2567) ที่วัดท่าหิน ตำบลท่าหิน อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ร่วมกับ โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.จังหวัดสงขลา ตามที่จังหวัดสงขลา ได้จัดทำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ฯ ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยบูรณาการร่วมกับส่วนราชการหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน นำหน่วยบริการไปให้บริการให้กับประชาชน เป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนในเชิงรุก โดยมี นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ ปลัดจังหวัดสงขลา นายปารเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระ ตลอดจนผู้บริหารระดับจังหวัด ระดับอำเภอ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา ผู้นำท้องที่ เข้าร่วม
นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” จังหวัดสงขลา ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เพื่อนำหน่วยบริการทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน มาให้บริการกับพี่น้องประชาชน เป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งเป็นการสงเคราะห์ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก การมอบทุนการศึกษาจากกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การมอบอาหาร เครื่องดื่มและอุปกรณ์การเรียนให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ และการมอบถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังเป็นการมารับทราบปัญหาในเชิงพื้นที่ของพี่น้องประชาชนอีกด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวต่อว่า “อำเภอสทิงพระ” มักประสบปัญหาอุทกภัย เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนได้ร่วมกับอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินการทำฝนหลวง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงทำให้น้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งปรากฏว่าไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นพื้นที่แคบและทิศทางลมไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตามได้มีการประชุมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นชลประธาน ปภ. อบจ. นายอำเภอ ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่นและภาคประชาชน ร่วมหารือนำน้ำเติมคลองอาทิตย์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้สำหรับภาคเกษตรและอื่น ๆ โดยได้ทำการใช้เครื่องสูบน้ำของสำนักงานชลประทานที่ 16 และเครื่องสูบน้ำระยะไกลของปภ. เร่งสูบน้ำจากคลองโรง คลองโรง ตำบลโรง อำเภอกระแสสินธุ์ ลงมาตำบลเชิงแส อำเภอกระแสสินธุ์ เข้าสู่อำเภอสทิงพระและสิงหนคร เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอต่อการทำภาคเกษตรของพี่น้องประชาชน
