วันนี้ (25 ก.ค. 2566) คณะเอกอัครราชทูต และอุปทูต 10 ประเทศ เยือนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จ.ยะลา เพื่อรับทราบปัญหา ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ การบริหารราชการ และการพัฒนา จชต. โดยในห้วงของการพบปะมีการสอบถามประเด็นปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เหตุผลที่แท้จริงที่กลุ่มเห็นต่างจากรัฐใช้ในการก่อเหตุการณ์ และแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ให้สัมภาษณ์ถึงข้อซักถามดังกล่าวว่า ปัญหาที่ส่งผลนำไปสู่การใช้ความรุนแรง มี 2 ด้านหลักๆ คือ ปัญหาด้านคุณภาพชีวิต ด้านการศึกษา สาธารณสุข เศรษฐกิจ รายได้ของประชาชน ซึ่งยอมรับว่า เป็นความจริง ที่คุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่อาจอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรในประเทศ ส่วนที่ 2 เป็นปัญหาทางด้านสังคมจิตวิทยา เป็นในส่วนของความรู้สึกว่า ไม่ได้รับเสรีภาพในการดำเนินชีวิตอย่างเพียงพอ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในแง่มุมต่างๆ ไม่ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม จึงมีข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ซึ่งรัฐได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าอาจจะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ประชาชนบางกลุ่มพอใจ จึงนำไปสู่การรวมกลุ่มเป็นกลุ่มผู้เห็นต่าง และต้องการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ความรุนแรง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข โดยภาครัฐใช้แนวทางสันติวิธีในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว
เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องการให้คณะทูตและอุปทูตได้สื่อสารกับโลกภายนอก คือ ประเทศไทยได้ดูแลประชาชน จชต. อย่างเต็มที่ เท่าเทียมและเป็นธรรม มีการดำเนินงานในหลายเรื่อง เปิดโอกาสให้ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้เป็นผู้นำพื้นที่ 82 เปอร์เซ็นต์ จาก 267 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีผู้นำที่นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ยังสร้างความเท่าเทียม และเป็นธรรม ในการส่งคนไปประกอบศาสนกิจ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย สำหรับประชาชนนับถือศาสนาอิสลาม และประกอบศาสนกิจ ณ ประเทศอินเดียและเนปาล สำหรับประชาชนชาวพุทธ โดยภาครัฐพยายามสร้างความบาลานซ์ และ สร้างสมดุลในการดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด
