วันที่ 11 พ.ค. 67 เวลา 06.30 น. นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ ร่วมปั่นจักรยาน กินลม ชมวิว Bike with U และพบปะพี่น้องประชาชน ร่วมกับทีมปั่นจักรยาน อำเภอหาดใหญ่ โดยมี กำนันตำบลทุ่งตำเสา ผู้นำท้องที่ และผู้รักในการปั่นจักรยาน ร่วมให้การต้อนรับฯและร่วมปั่นจักรยาน ณ แหล่งท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ซึ่งนายอำเภอหาดใหญ่ ได้ปั่นเยี่ยมชมจุดแลนด์มาร์คสำคัญๆ อาทิ
จุดที่ 1 วัดม่วงค่อม ซึ่งวัดม่วงค่อมนั้นสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ 2300 ในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีโบถสร้างบูรณะภายหลังในครั้งที่3ต่อมาได้รับพระราชานวิสุงคามธสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ 2360 ในด้านการศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัตฎิธรรมแด่พระภิกษุสุสามเณรอีกทั้งได้จัดตั้งโรงเรียนประชาบาลตำบลควนลังจากคำบอกเล่าของพระผู้ใหญ่หลายๆท่านและชาวบ้านได้บอกเล่าสืบต่อกันมาพระอุโบสถของวัดม่วงค่อมนั้นครั้งตอนที่สร้างเป็นหลังแรกตอนสร้างวัดเป็นเพียงเนินดินพูนขึ้นมาใช้ไม้ปักหลักสี่เสาหลังคามุงจากใช้เป็นสัญลักษณะว่าเป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์จนในที่สุดได้ทรุโทรมไปตามกาลเวลาจึงเกิดการบูรณะครั้งใหม่ครั้งที่สอง มีความสวยงามและคงทนมากกว่าเดิมอาคารสร้างด้วยไม้ ลักษณะเป็นการพูนดินขึ้นมาหลังคามุงด้วยสังกะสีสันนิฐานว่าการบูรณะครั้งที่สองนี้ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังจากนั้นเมื่อประมาณ พ.ศ 2467 ในสมัยของเจ้าอาวาสท่านอธิการาม ธมมปาโล ได้มีการบูรณะพระอุโบสถขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม ด้วยการก่ออิฐถือปูนตามสมัยนิยมถึงปัจจุบัน
จุดที่ 2 ควนช้าง เขาลูกนี้มีป่ามากมาย หลากหลายด้วยพืชพรรณให้เก็บกิน ลำธารใสให้ชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงได้ดื่มกิน และมีก้อนหินที่เป็นรูปช้างคอขาด หรือที่ชาวบ้านในพื้นเคารพนับถือกันในชื่อทวดควนช้าง ตามคำชาวบ้านเรียกขาน ก้อนหินรูปช้างคอขาด เล่าต่อกันมาว่า ทหารพม่าตัดคอช้างขาดเป็น 2 ท่อนที่บริเวณนี้) เป็นสิ่งที่ชาวบ้านนับถือ บูชา กราบไหว้ บนบาน กันมานานนม ตั้งอยู่ ณ ควนช้าง ควน หมายถึงภูเขาเตี้ยๆ หมู่ 2 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
จุดที่ 3 ชมทุ่งนา ชมสวนและการเลี้ยงเป็ดของชาวบ้านในพื้นที่ ในพื้นที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถใช้ในการทำมาหากินเพื่อการดำรงชีวิตและยังมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งประชาชนในพื้นที่มีรายได้จากการเกษตร การปลูกข้าว การทำพืชสวน และการเลี้ยงไก่ เป็ด โค สุกร กระบือ เพื่อจำหน่ายและบริโภคในครัวเรือน ซึ่งเป็นการการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้ในครัวเรือน
จุดที่ 4 แวะชิมขนมปำบ้านๆ แสนอร่อย “ขนมปำ” เป็นขนม เป็นของหวานพื้นเมืองของภาคใต้ ซึ่งอาจจะมีหลายรูปแบบ เช่น เวลานึ่งใส่ถาดแล้วเมื่อจะรับประทานนำมาตัดเป็นชิ้น ๆ เวลานึ่งใส่ถ้วยตะไล และถ้วยฟู เมื่อนึ่งเสร็จ รอให้เย็น สามารถแกะออกจากถ้วยตะไลหรือถ้วยฟูได้โดยขนมไม่ติดถ้วย (ถ้วยตะไล ภาษาใต้เรียกว่า”จอก”) เวลารับประทานจิ้มด้วยมะพร้าวขูดคลุก จะอร่อยฟินสุดๆ
จุดที่ 5 แวะร้านเรินข้าว คาเฟ่ 100ปี บรรยากาศร้านสบาย ๆ ตกแต่งแบบแนวคลาสสิค ของตกแต่งร้านเป็นของใช้สมัยก่อน จุดที่ตั้งของร้านเป็นเรินข้าวเก่า หมายถึงยุ้งฉางที่ใส่ข้าวเปลือกสมัยก่อน เรินข้าวนี้ มีอายุราว 100 ปี บรรยากาศการตกแต่งร้านน่านั่งมาก วัสดุอุปกรณ์เป็นของใช้แต่แรกเพ เจ้าของร้านชอบสะสมของเก่า ก็เลยนำมาตกแต่งร้านให้ดูคลาสสิคไม่เหมือนใคร อาหารขึ้นชื่อของร้านนี้ คือข้าวยำปักษ์ใต้ เครื่องปรุงเครื่องเคียง ผักสมุนไพร พร้าวคั่ว พริกป่น ทำสดใหม่ รสชาติบอกเลยหรอยจังฮู้ ร้านมีมุมขายกาแฟเล็ก ๆ และขนมเค้กมีเมนูน้ำหลากหลายเมนูให้เลือก กาแฟที่นี้คัดวัตถุดิบชั้นดี คนคอกาแฟต้องมาลอง แถมร้านเรินข้าว 100 ปี มีจุดเช็คอินที่เหมาะกับการถ่ายรูปหลายจุดมาก ใครที่ชอบถ่ายรูป บอกเลยห้ามพลาดค่ะ แถม ที่นี้ยังเป็นที่นัดพบของนักปั่นจักรยานในช่วงเช้า ๆ อีกด้วยเพราะถนนสายนั้นบรรยากาศดีอากาศสดชื่นแจ่มใส