วันที่ 9 ธันวาคม 2567 นายทรงพล จังศิริวัฒนธำรง ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา มอบหมาย ดร.ไพโรจน์ ชัยจีระธิกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมจากห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้เข้าร่วม เพื่อรายงานสถานการณ์ความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม
ในรายงานสถานการณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ชี้แจงถึงความรุนแรงของสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนใน 16 อำเภอ 125 ตำบล 949 หมู่บ้าน 267 ชุมชน โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนถึง 267,794 ครัวเรือน หรือประมาณ 767,036 คน และมีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยแล้วจำนวน 10 ราย ซึ่งทางจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมทั้งการจัดการค่าทำศพให้กับผู้เสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร รวมถึงปศุสัตว์และสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จังหวัดสงขลา ได้จัดตั้งศูนย์อพยพผู้ประสบภัยจำนวน 101 แห่ง พร้อมจัดตั้งโรงครัวและโรงครัวพระราชทานเพื่อจัดเตรียมอาหารให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่น้ำท่วมสูงที่ไม่สามารถกลับบ้านได้ รวมถึงการจัดสรรสิ่งของบรรเทาทุกข์และอุปกรณ์จำเป็นให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังได้ส่งทีมกู้ภัยพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่อำเภอระโนดยังคงประสบปัญหาน้ำท่วมขัง จึงได้ดำเนินการเร่งสูบระบายน้ำและเปิดช่องทางระบายน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ พร้อมใช้ EM Ball บำบัดน้ำเน่าเสียและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคและเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุมโดยขอให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม นำงบฉุกเฉินเพิ่มเติมสำหรับจังหวัดที่ประสบอุทกภัย จำนวน 70 ล้านบาท ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเร็วที่สุด พร้อมทั้งย้ำว่ารัฐบาลพร้อมที่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อยู่อาศัยในพื้นที่น้ำท่วม ขอให้คณะกรรมการในระดับอำเภอและจังหวัดพิจารณาหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือ โดยผู้ประสบภัยจะได้รับการช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท