วันที่ 24 ต.ค. 67 เวลา 08.00 น. นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ ร่วมพิธีสมโภช และขบวนแห่อัญเชิญกระถางธูปพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประดิษฐานหน้าเทวรูปเจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าแม่ทับทิม โดยมีนายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีสมโภชกระถางรูปพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปตั้งประดิษฐานเบื้องหน้าเทวรูปเจ้าแม่ทับทิม ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิมไหหลำ สมาคมไหหลำแห่งภาคใต้ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และมีนายอัคนันธ์ กิตนนท์ชนันท์ นายกสมาคมไหหลำแห่งภาคใต้, นายเริงชัย วิริยะกุล นายกกิตติมศักดิ์สมาคมไหหลำแห่งภาคใต้ ประธานจัดงาน กล่าวความเป็นมาของพระถางธูปพระราชทาน พร้อมด้วยพันเอกวาทยุทธ ชูช่วย เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 42 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พันตำรวจเอก ภูมิ บาลทิพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงาน องค์กร สมาคม และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม ณ หอประชุมโรงเรียนศรีนครมูลนิธิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เมื่อเข้าสู่พิธีการรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะ หน้าพระฉายาลักษณ์ฯ และกล่าวถวายราชสดุดี จากนั้นพระสงฆ์ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ปักกิมฮวยคู่ ผูกผ้าแพร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ และประธานในพิธี ผู้ร่วมพิธีร่วมบรรจุมวลสารในกระถางธูปพระราชทานฯ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนขบวนจากโรงเรียนศรีนครมูลนิธิ ไปตามถนนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ มุ่งสู่ศาลเจ้าแม่ทับทิมฯ
สำหรับการจัดพิธีในครั้งนี้ เนื่องในโอกาสมหามงคล วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 70 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2568 โดยสมาคมใหหนำแห่งประเทศไทย ขอพระราชทานพระราชานุญาต จัดสร้างกระถางธูปโลหะทองเหลือง เส้นผ่านศูนย์กลาง 9.3 นิ้ว ลวดลายมังกร ประดับอักษรพระนามาภิไธย “สธ” ลงบนด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมจารึกข้อความ “ซื่อหลินถงกงจู่” (เป็นภาษาจีน) สำหรับไปประดิษฐานเบื้องหน้าเทวรูปเจ้าแม่ทับทิม ณ ศาลเจ้าไหหลำ 12 แห่ง ทั่วประเทศ โดยศาลเจ้าแม่ทับทิมไหหลํา สมาคมไหหลําแห่งภาคใต้ เป็น 1 ใน 12 แห่ง ที่ได้รับการพิจารณาการพระราชทาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ และเปี่ยมด้วยความเป็นสิริมงคล