วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบหมายให้ นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการอบรมโครงการขยายผลวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ประจำท้องถิ่นระดับอำเภอ และระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ครู ข) โดยมี นายวิญญู สิงหเสม ท้องถิ่นจังหวัดสงขลา นายสุรัตน์ ลายจันทร์ นายอำเภอเมืองสงขลา และผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าร่วม ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา ในการนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการฯ พร้อมด้วย พลเรือเอก คณีพล สงเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ด้วย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการอบรมขยายผลวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ประจำท้องถิ่นระดับอำเภอ และระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ครู ข) ซึ่งจัดพร้อมกันทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยการอบรมขยายผลวิทยากรเพื่อทำหน้าที่ผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ประจำท้องถิ่นระดับอำเภอ และระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ครู ข) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้วิทยากรผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยประจำท้องถิ่น (ครู ก) ที่สถาบันดำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จัดฝึกอบรมไปแล้วจำนวน 19 รุ่น ซึ่งมีผู้ผ่านการฝึกอบรมจำนวนทั้งสิ้น 2,118 คน ได้ขยายผลให้กับวิทยากรผู้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย ประจำท้องถิ่นระดับอำเภอ และระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ครู ข) ทั้ง 76 จังหวัด เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เสาหลัก และหลักการดำรงอยู่ได้ของชาติไทย ประวัติศาสตร์ชาติไทย ความเสียสละของบูรพมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ รวมถึงพระราชประวัติ พระราชประวัติ บุญญาธิการ พระอัจฉริยภาพ พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 รวมถึงความรู้เกี่ยวกับหน้าที่พลเมืองและคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนมีการฝึกทักษะการสอนในแต่ละหัวข้อให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งจะทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้รับไปต่อยอดขยายผล พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาเครือข่ายในการปฏิบัติหน้าที่เป็นทีม นำไปสู่การขับเคลื่อนและสร้างกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อพัฒนาพื้นที่ตามบริบทของสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน