วันเสาร์, 7 มิถุนายน 2568

ม.อ. ผนึกกำลัง หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ (สวนโมกข์กรุงเทพ) ขับเคลื่อนพุทธศาสนายุคดิจิทัลด้วย AI

28 มี.ค. 2568
26

“เมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาบรรจบกับปัญญาพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) จึงร่วมกันพัฒนาแนวทางใหม่ในการเผยแผ่หลักธรรมผ่านเทคโนโลยี เพื่อให้เข้าถึงคนยุคดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง”

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) ในการดำเนินโครงการธรรมอาสาบนแพลตฟอร์มพุทธธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เทคโนโลยี AI ในการสกัดและอ่านเอกสารของท่านพุทธทาส นำเข้าสู่แพลตฟอร์มพุทธธรรม เพื่อให้อาสาสมัครเข้ามาร่วมตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์จากผลลัพธ์ของ AI ให้มีความถูกต้องตามเอกสารต้นฉบับ และยังได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ นพ.จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมปาฐกถาพิเศษ “ความสำคัญของพุทธธรรมของท่านพุทธทาส และบทบาทของมหาวิทยาลัย” โดยมีคณะผู้บริหาร สื่อมวลชน และผู้สนใจสืบสานงานท่านพุทธทาสภิกขุ เข้าร่วมในพิธี ณ มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาสอินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568

นพ. บัญชา พงษ์พานิช กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) กล่าวว่า ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นพระมหาเถระที่ได้ฝากผลงานอันทรงคุณค่าไว้มากมาย ทั้งในด้านการเผยแผ่ธรรมะและการสร้างสรรค์วัฒนธรรมทางพุทธศาสนาให้เป็นรูปธรรมและเข้าถึงประชาชนทั่วไป หลักคำสอนของท่านได้รับการจัดเก็บอย่างเป็นระบบในรูปแบบต้นฉบับเอกสารต่าง ๆ โดยมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ซึ่งถือเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และเชิงวิชาการ ประกอบด้วย ชีวประวัติ ข้อคิดคัดสรร การบรรยายธรรม บันทึก งานประพันธ์ งานพิมพ์หนังสือ จดหมาย ไปรษณียบัตร บัตรเชิญ บัตรอวยพร รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับสวนโมกขพลาราม ธรรมทานมูลนิธิ วัดธารน้ำไหล และบทความสำคัญที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก

“วันนี้ถือโอกาสอันสำคัญที่ทั้งสององค์กรจะได้ร่วมกันวางรากฐานในการขับเคลื่อนและเผยแผ่ระพุทธศาสนา รวมถึงแนวคิดและหลักธรรมคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปสู่สังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างสื่อและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมต่อการเข้าถึงและการนำธรรมะไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริง รวมถึงเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้และการสร้างความร่วมมือในชุมชนธรรมอาสา ในการเผยแผ่ความรู้ทางพุทธศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมร่วมสมัย” นพ. บัญชา พงษ์พานิช กล่าว

ศาสตราจารย์ นพ.จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กล่าวปาฐกถาถึงความสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่เยาวชนปัจจุบันใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดคุยกับ Siri เป็นต้น และท่านยังได้ทดลองการใช้งาน ChatGPT 4o เพื่อให้ระบบแนะนำว่า AI สามารถนำมาใช้บนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยนักเรียนและสาธารณชนเรื่องพุทธศาสนา ตามแนวคิดอันลึกซึ้งของท่านพุทธทาสได้อย่างไร ซึ่งได้รับข้อสรุปใน 8 แนวทาง พร้อมการอธิบายแต่ละตัวอย่างโดยลึกซึ้ง ดังนี้

1. ระบบค้นหาอัจฉริยะและการสรุปเนื้อหาจากหนังสือ หรือคำสอนของท่านพุทธทาส (AI-Powered Search)
2. การเรียนรู้ที่ปรับแต่งเนื้อหาตามความสนใจและระดับความเข้าใจของผู้เรียน (Adaptive Learning System)
3. บอทสนทนาอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็น “Dhamma Assistant” หรือ “Virtual Dhamma Guide” ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับคำสอนของท่านพุทธทาส (Conversational AI Chatbot)
4. AI ใช้แปลงข้อความเป็นเสียงเพื่อสร้างหนังสือเสียงธรรมะให้ผู้เรียนสามารถฟังแทนการอ่าน (AI-Generated Audiobooks)
5. สร้างและแปลงเนื้อหาธรรมะเป็นวิดีโอหรือพอดแคสต์โดยอัตโนมัติ (AI-Powered Video & Podcast)
6. ระบบ AI ช่วยเปรียบเทียบแนวคิดทางพุทธศาสนาและสร้างแผนภาพแนวคิด หรือ Concept Mapping (AI-Based Comparative Study)
7. AI ช่วยดูแลและส่งเสริมการสนทนาในฟอรั่มเกี่ยวกับธรรมะ (AI-Moderated Discussions)
8. AI ช่วยนำสมาธิและแนะนำแนวทางการฝึกปฏิบัติสมาธิแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Meditation Guidance)
โดยทั้งหมดนี้เป็นการกล่าวให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า AI สามารถช่วยให้คำสอนของท่านพุทธทาสแพร่หลาย และเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่ผ่านช่องทางต่าง ๆ
“เมื่อเทคโนโลยีและพุทธธรรมมาบรรจบกัน นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อส่งเสริมปัญญามนุษย์ ไม่ใช่เพียงแค่การเผยแผ่ธรรมะแบบเดิม แต่เป็นการทำให้ธรรมะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตดิจิทัลอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ โครงการธรรมอาสาบนแพลตฟอร์มพุทธธรรม ยังคงมุ่งเน้นในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา องค์กร ภาคเอกชน รวมถึงบุคคลทั่วไป เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และทำความเข้าใจในงานธรรมของท่านพุทธทาสภิกขุ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การตรวจการถอดลายลักษณ์จากแพลตฟอร์ม AI การอบรม สัมมนา และแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลดังกล่าวอีกด้วย