วันศุกร์, 20 มิถุนายน 2568

ม.อ. ร่วมเปิดตัวเรือนำเที่ยวไฟฟ้าแบบไฮบริด ช่วยลดต้นทุนประหยัดพลังงานได้ 99,000 บาทต่อปี

28 มี.ค. 2568
18

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำโดย รศ. ดร.พลชาติ โชติการ คณบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนอธิการบดี ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวเรือนำเที่ยวไฟฟ้าแบบไฮบริดใช้พลังงานลมและโซล่าเซลล์เพื่อการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย โดยมี นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รศ. ดร.มนตรี เลื่องชวนนท์ และคณะทีมวิจัยผู้พัฒนาผลงาน พร้อมด้วย นายชาญฤทธิ์ เพิ่มทรัพย์ ประธานชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ณ บุหลัน อันดา บาบ๋า รีสอร์ท ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568

โดยโครงการดังกล่าวนี้ ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เข้าไปมีบทบาทในการช่วยลดการใช้พลังงานน้ำมัน ด้วยการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ พร้อมกังหันลมในการขับเคลื่อนเรือทดแทนการทำงานด้วยเครื่องยนต์ดีเซลให้กับ “เรือหัวโทง” ที่นิยมใช้ในแถบพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อพัฒนาให้เป็นพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เกิดมลพิษทางเสียง ไร้ควัน และนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ในฐานะกระทรวง อว. ที่มีนโยบายสำคัญคือ “วิจัย – นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” โดยเน้นประเด็นสำคัญของประเทศ ซึ่งผลงานครั้งนี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเรือพลังงานไฟฟ้า สามารถตอบโจทย์กระบี่ Go Green ได้ โดยต้องคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและการออกแบบ เพื่อให้ชาวบ้านกลุ่มเรือหางยาวใช้งานได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งกระทรวงฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภายในจังหวัดและองค์กรธุรกิจ ในการสร้างสรรค์ผลงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศต่อไป

ด้าน รศ. ดร.พลชาติ โชติการ คณบดีคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวด้วยว่า มหาวิทยาลัยฯ มุ่งเน้นการสร้างงานวิจัยที่มีผลกระทบต่อสังคม และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งโครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนําองค์ความรู้ไปสู่การใช้งานจริง ที่นอกจากจะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น และช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ถึง 99,000 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดกระบี่ ทั้งยังสามารถนําโมเดลนี้ไปขยายสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้อีกด้วย

นอกจากนั้น รศ. ดร.มนตรี เลื่องชวนนท์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวอีกว่า โครงการนี้เป็นความตั้งใจที่จะพัฒนาพลังงานลมและโซล่าเซลล์ ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟต ซึ่งปัจจุบันมีราคาถูกลงมาก ใช้งานกับเรือไฟฟ้านำเที่ยว (เรือหัวโทงขนาด 23 กง) โดยมีการทำงานแบบทำงานร่วม (Hybrid) กับเครื่องยนต์ดีเซล โดยให้ระบบเครื่องยนต์สันดาปเป็นระบบขับเคลื่อนสำรอง พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานหลัก ในการใช้งานขับเคลื่อนเรือไฟฟ้า ความเร็วสูงสุด 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อใช้งานเป็นเรือไฟฟ้านำเที่ยวในพื้นที่แหลมสัก จังหวัดกระบี่ มีการเก็บข้อมูลการลดการใช้งานพลังงานน้ำมัน การลดเสียงรบกวนจากการเดินเรือ และจะมีการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อไปด้วย