รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เรื่องของไฟใต้ ที่กลับมาโหมเชื้อ ให้ลุกโชน อย่างเต็มที่อีกครั้ง สิ่งที่หายไปหลายปีคือการฆ่าแล้วเผา ที่หายไปจากพื้นที่เป็น 10 ปี ที่กลับมาเกิดขึ้นอีกแล้ว ในพื้นที่ของต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี นี่เป็นศพแรก และอาจจะได้เห็นศพที่สอง และที่สาม เกิดขึ้นหาก พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการ ในการรับมือกับกองกำลังติดอาวุธ ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น เพราะตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา ทุกคนจะเห็นถึงการเพลี่ยงพล้ำ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่การปฏิบัติการ ต่อกองกำลังติดอาวุธ ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา มีแต่เจ้าหน้าที่รัฐ ที่บาดเจ็บ และล้มตาย เกิดขึ้นทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการ คำถามจากคนในพื้นที่และคนในประเทศคือความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นมาจากอะไร ในเมื่อกองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น ก็ไม่ใช่นักรบของพระเจ้า ที่เก่งกาจ มาจากไหน ที่ฝึกอาวุธอย่างเปิดเผย ก็ไม่มี อาวุธยุทโธปกรณ์ ก็ด้อยกว่า แต่ทำไมดูเหมือนทุกสนามการต่อสู้ เจ้าหน้าที่รัฐจึงมีแต่ความสูญเสีย เหมือนกับว่า เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นผู้ที่อ่อนหัด ในการเข้าปฏิบัติการ เช่น กรณีของการปิดล้อมบ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เกิดการสูญเสีย เจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย การเข้าพิสูจน์ทราบ ความเคลื่อนไหว ของกองกำลังติดอาวุธ ที่หลบซ่อนอยู่ในป่ายาง มีการใช้เวลา 4 วัน ในการปฏิบัติการการรุกคืบ และปิดล้อม ที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยกองกำลังติดอาวุธหลบหนีไปได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน เพราะข่าวสาร ที่ถูกเผยแพร่ออกไปโดยสื่อมวลชน เป็นการทำให้ความไม่เชื่อมั่น และความศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่รัฐเสื่อมถอย เพราะในการปฏิบัติการต่อแนวร่วม หรือกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น เหมือนกับว่า เจ้าหน้าที่สู้ไม่ได้ และสูญเสีย มาโดยตลอด และถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปประชาชน ที่ไหนจะกล้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ถามหน่อย
โดยเฉพาะการฆ่าแล้วเผาประชาชน จาก อ.สะเดา จ.สงขลา ในพื้นที่ ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาล ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ต้องเร่งให้ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ปานบุญทอง ผกก.สภ.ปะนาเระ เร่ง สืบสวนสอบ สอบสวน ข้อเท็จจริง ว่าเป็นการกระทำของ กองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น หรือเป็นการกระทำของคนร้าย กลุ่มไหน เรื่องนี้เป็นความกังวล ของคนในพื้นที่ต่อสถานการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สร้างความหวั่นไหว และที่สำคัญไม่มีใครเชื่อน้ำมนต์ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ ประกาศว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ในนโยบายของการดับไฟใต้
ที่นี่เคย บอกกล่าว มาแล้วร่วม 2 ปี ว่า สถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าได้วิเคราะห์ ว่าการก่อเหตุที่ลดลง คือความสำเร็จ ของการดับไฟใต้ แต่การดับไฟใต้จะประสบความสำเร็จ และบอกว่าเดินมาถูกทางแล้ว ต้องดูจากงานการเมือง และการบ่มเพาะ ผู้คนเข้าสู่ขบวนการต้องลดลง การสร้างหมู่บ้านเข้มแข็ง ต้องไม่เกิดขึ้น หรือขยายตัว จากเดิมที่มีอยู่ แต่โดยข้อเท็จจริงวันนี้หมู่บ้านเข้มแข็ง เพิ่มขึ้น การบ่มเพาะการจัดตั้ง การสร้างเครือข่าย และการขับเคลื่อนของปีกทางการเมือง ในภาคประชาชน มีความเข้มแข็ง และขยายตัว งานมวลชน ของบีอาร์เอ็น ในพื้นที่ มีการตอบรับจากมวลชน มากขึ้น นั่นคือความสำเร็จด้านการเมือง หรืองานมวลชน ของบีอาร์เอ็น ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มองข้าม และไม่ให้ความสำคัญ แต่ให้ความสำคัญ กับการก่อเหตุ จึงเป็นเหตุให้หลงกล ต้องยุทธศาสตร์ ของบีอาร์เอ็น มาโดยตลอด
และในเดือนสิงหาคม นี้ ก็มีเรื่องที่ต้องติดตามอยู่ 2 เรื่องกล่าวคือ วันที่ 3 สิงหาคม เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมีการพบปะ เพื่อหารือ กับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งสาระ ในการพบกัน ถ้ามีแต่เรื่อง เศรษฐกิจ และการค้าชายแดน เรื่องการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก แห่งที่ 2 โดยไม่นำเอาเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน ที่ทั้งบีอาร์เอ็น และพูโล ต่างมีฐานที่มั่น อยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมาย ในการก่อการร้าย ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ก็ป่วยการ และเสียเวลา ในการพบปะหารือ เพราะเรื่องใหญ่ที่สุด สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ วันนี้ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ และการค้าชายแดน แต่เป็นเรื่อง การก่อการร้าย ที่หากยังไม่มีทางยุติ ต่อให้มีการสร้างสะพาน เพื่อเชื่อมชายแดนไทย-มาเลเซีย อีกกี่แห่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดีขึ้น
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์