วันเสาร์, 7 มิถุนายน 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 12 ตุลาคม 2566

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม  ชมคนที่ควรชมข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

ที่จังหวัดสงขลา ชาวบ้านอยากเห็น สมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าป้ายแดงของ จ.สงขลา เอาจริงเอาจังกับร้านอาหารที่ใช้ใบอนุญาตผิดประเภท เปิดเป็น ผับ เป็นบาร์ ให้บริการยันสว่าง แถมมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในบางแห่งโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย นับวัน จะมีร้านอาหารประเภทนี้เปิดให้บริการมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตพื้นที่คอหงส์ อ.หาดใหญ่  สั่งการให้นายอำเภอ ปลัดลงตรวจสอบหน่อยน่าจะดีครับ

ส่วนถนนสายหาดใหญ่ – สะเดา จ.สงขลา ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนนร้องกันมาหนาหูว่ามีรถบรรทุกขนาดใหญ่ และ รถบัส ชอบวิ่งเลนขวา เกือบตลอดสาย โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหรือจับ สภ.ใด รับผิดชอบช่วยดำเนินการตามกฎหมายจราจรให้เข้มหน่อยครับ

จับตาความเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อสภาเครือข่ายปัญญาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปค.จชต. ) ออกมาขับเคลื่อน จี้ให้รัฐบาล ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เครือข่ายไทยพุทธยะลา ก็ออกมาเคลื่อนไหว แสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้เหมือนเดิม เพราะ สถานการณ์ในพื้นที่ คนไทยพุทธ ยังถูกคุกคาม ทั้งการเอาชีวิต และการขับไล่ ให้ออกจากพื้นที่ มีการ ยื่นแถลงการณ์ ให้กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชน ผ่านทาง อำพล พงษ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา สถานการณ์อย่างนี้คือสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และถ้าบริหารจัดการมีความโน้มเอียงเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นเรื่องร้าวฉาน ระหว่างกลุ่มคนที่มีความเห็นต่าง ที่สำคัญคือมีเรื่องของชาติพันธุ์ และศาสนาจะถูกลากโยง เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นการเดินเข้าทางปืนขององค์กรชาติตะวันตก ที่ เข้ามาลงหลักปักฐาน เพื่อของร่วมแจม กับปัญหาไฟใต้ อย่างเช่นเจนีวาคอลล์,ไอซีอาร์ซี และ องค์กรต่างๆ จากหลายประเทศจำนวน 30 กว่ากลุ่ม ที่มะรุมมะตุ้ม กับภาคประชาสังคม และเอ็นจีโอ อยู่ในขณะนี้

ดังนั้นการที่จะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงเป็นเรื่องไม่เล็ก ที่สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ กำกับดูแลกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้องมีความรอบคอบ,รอบด้าน ในการรับฟังความคิดเห็น ของคนในพื้นที่ ในการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเอาสัดส่วน ของประชากร และองค์กรมาเป็นตัวตั้งไม่ได้นะ เพราะ ณ วันนี้คนไทยพุทธ ในพื้นที่เหลืออยู่หนึ่งหยิบมือ ไม่ถึง 10% ของคนในพื้นที่ และที่สำคัญไทยพุทธในพื้นที่ ไม่มีการจัดตั้งภาคประชาสังคม ไม่เหมือนกับบีอาร์เอ็น ที่มีการจัดตั้งภาคประชาสังคม เพื่อทำหน้าที่ปีกทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 30 องค์กร

นี่ก็เหมือนกัน โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีปัญหาเรื่องที่ดิน เรื่องใบอนุญาต ที่เปิดดำเนินการอยู่ในพื้นที่ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ที่เจ้าของ บอกว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่วันนี้เครือข่ายเฝ้าระวังการทุจริตส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ได้ยื่นหนังสือให้ เจือ กิ้มอั้น นายกเทศบาลตำบลพะวง อ.เมือง จ.สงขลา ทำการตรวจสอบ ในประเด็นต่างๆ เช่น เอกสารสิทธิที่ดิน และอื่นๆ ถ้ามีการทำผิดจริง เดี๋ยวก็รู้ เพราะวันนี้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม  ท้ายนี้ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องน้ำมันเถื่อนช่วยตรวจสอบ และจับกุมหน่อยที่ชายแดนด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา มีการใช้รถกระบะตู้ทึบและรถกระบะดัดแปลงลักลอบขนน้ำมันเถื่อนจากมาเลเซียเข้ามาในไทยส่งขายกันเป็นจำนวนมาก วันละไม่รู้กี่เที่ยว ทำให้รัฐขาดรายได้จากภาษีน้ำมันเหล่านี้

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา