รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคมชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เรื่องของตากใบ ที่เป็นประเด็นร้อนของจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มที่จะลดความร้อนแรง ลงได้เพียงไม่กี่วัน ก็มีเหตุที่คนร้าย บุกเข้าปลิดชีพนายกอาร์ม วิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อย่างอุกอาจ ในโรงงานผลิตเสื้อของตนเอง คนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม บุกเข้าสังหารในห้องประชุมถึง 19 นัด เป็นการสังหารที่โหดเหี้ยม ที่สำคัญนายกอาร์ม คนดีของสังคม ที่เป็นผู้สร้างผลงาน ทั้งในเรื่องการเมืองท้องถิ่นและการศึกษา เรื่องของกีฬา เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดนราธิวาส ที่ทำหน้าที่อย่างทุ่มเท และโรงงานผลิตเสื้อ ก็เป็นโรงงานที่สร้างงาน สร้างเงิน ให้กับคนในท้องถิ่น การสูญเสีย นักการเมืองท้องถิ่น อย่างนายกอาร์ม จึงเป็นการสูญเสียคนดี ที่ทุกคนใจหาย
ประเด็นสำคัญ สำหรับ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภาค 9 และ พล.ต.ต.ไมตรี สันตยานุกุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส คือการคลี่คลายคดี ต้องหาสาเหตุการปลิดชีพของนายกอาร์ม ครั้งนี้ว่ามาจากสาเหตุอะไร เป็นเรื่องการเมือง หรือเรื่องความมั่นคง เพราะเป็นไปได้ทั้งสองเรื่องการเมือง แม้ว่านายกอาร์ม จะประกาศ ไม่ลงสมัครเป็นนายกเทศบาลรือเสาะ ใน สมัยหน้า ที่จะมีการเลือกตั้งในกลางปี 2568 ก็จริง แต่นายกอาร์ม ประกาศที่จะส่งรองนายกฯ ในทีมของตนเองลงรับไม้ต่อ โดยตนจะเป็นผู้ที่สนับสนุน ดังนั้นในทางคดี ถ้าเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น ต้องสืบสวนสอบสวน ว่าคู่แข่งของรองนายกอาร์ม คือใคร และผู้ที่ให้การสนับสนุนเป็นใคร เข้าถึง แกนนำ ของบีอาร์เอ็นหรือกองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น ในพื้นที่หรือไม่ เพราะความขัดแย้งทางการเมืองในสามจังหวัดและสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา มักจะลงเอยด้วยการใช้ปืนกองกลาง ที่บีอาร์เอ็นใช้ในการสังหารเหยื่อ และการเข้าถึงกองกำลังติดอาวุธ ในพื้นที่ ให้เป็นมือปืนในการสังหารเหยื่อ เพื่อเบี่ยงประเด็น ให้ตำรวจสรุปสำนวน ว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง เช่นเดียวกับคดีสังหารนายกอาร์ม ที่ปลอกกระสุน ซึ่งตกในที่เกิดเหตุ จำนวน 19 ปลอก มีการพิสูจน์ จากกองพิสูจน์หลักฐาน 10 ชัดเจนแล้วว่าเป็นอาวุธปืนสงคราม ที่มีการใช้ก่อเหตุ ปลิดชีพ เจ้าหน้าที่รัฐ ในพื้นที่ จ.นราธิวาสมาแล้ว 23 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 24 ก็ ขอให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวน อย่าได้หลงประเด็นเชื่อเรื่องพยานวัตถุ เพียงอย่างเดียว แล้วสรุปว่าการสังหารนายกอาร์ม เป็นเรื่องของความมั่นคง
แต่ ถ้ามีหลักฐาน ว่าการสังหารนายกอาร์ม มาจากเรื่องความมั่นคง เพราะบีอาร์เอ็น ต้องการกำจัด คนไทยพุทธ ไม่ให้เป็นผู้นำท้องถิ่น และต้องการให้ผู้นำท้องถิ่น เป็นคนของบีอาร์เอ็น ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล ว่าพื้นที่ของไทยพุทธ นับวันจะหดแคบ และจะต้องอพยพ ออกจากพื้นที่มากขึ้น วันนี้ จ.นราธิวาส มีพื้นที่ซึ่งมีไทยพุทธ เป็นผู้นำท้องถิ่น เหลือเพียง 2-3 แห่ง เท่านั้น และ เชื่อว่าหลังสิ้น นายกอาร์ม คนไทยพุทธ ส่วนหนึ่งในรือเสาะ ก็จะอยู่ไม่ได้ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ที่ต้องส่งเจ้าหน้าที่ เข้าใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อลดอิทธิพล ของ บีอาร์เอ็น ให้ได้โดยเร็ว ที่สำคัญมีคนบอกใบ้ ให้รู้ว่าผู้สั่งการสั่งตายนายกอาร์ม เป็นคนโต ในพื้นที่ บ้านยาแลเบาะ และมือปืน ก็อยู่ในพื้นที่บ้านยาแลเบาะที่อีกประเด็น สายโจร ในวันที่เกิดเหตุอยู่ในโรงงานผลิตเสื้อ ถ้าตำรวจใช้การยึดโทรศัพท์ ของคนที่อยู่ในโรงงานมาตรวจสอบก็จะรู้ได้ว่ามีคนงานคนไหนเป็นสายโจร โทร.ไปแจ้งให้มือปืน ทราบว่านายกอาร์มอยู่ในโรงงานการคลี่คลายคดี ต้องใช้เทคโนโลยี สมัยใหม่เข้าช่วย และคดีนี้ถ้าตำรวจ จับมือปืน และผู้บงการไม่ได้ ต้องมีการย้าย ทั้งผู้บัญชาการภาค 9 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ส่วนผกก.สภ.รือเสาะ ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ ก็ต้องตรวจสอบ ข้อบกพร่องของจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ด้วยว่ามีความบกพร่อง อย่างไร จึงปล่อยให้คนร้ายปฏิบัติการได้อย่างเสรี และหลบหนีอย่างลอยนวล ในขณะที่ครอบครัวของนายกอาร์ม ฝากความหวังในการจับคนร้าย ไว้กับ ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และ หวังว่าการรับปาก ไม่เป็นเพียงลมปาก เพื่อปลอบใจ แต่ต้องทำได้จริง
ส่วนที่คนในสังคมคาใจ คือบทบาทของเอ็นจีโอของภาคประชาสังคม และของกลุ่มสิทธิมนุษยชน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เงียบกริบ กับการเสียชีวิตของคนดีๆ ของสังคมที่มีแต่ให้อย่างนายกอาร์ม ไม่เหมือนกับการตายของกองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ ที่กลุ่มคนเหล่านี้ จะออกมาเคลื่อนไหว เพื่อแสดงความเห็นใจ นี่คือสิ่งที่คนในพื้นที่ มองเห็นถึงความต่าง ภายในสังคมของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เห็นได้อย่างเด่นชัด
เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น ทำการซุ่มยิง เสียชีวิต 2 นาย ส่วนอีกรายยิงต่อสู้ จึงเพียงได้รับบาดเจ็บ วันนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงทำได้เพียงการแจ้งเตือน ให้กำลังพล ที่เดินทางจากที่พัก เพื่อไปละหมาด หรือเดินทางจากที่พัก เพื่อกลับบ้าน เพิ่มความระมัดระวังตัว เพราะการซุ่มโจมตี เจ้าหน้าที่ที่ไปละหมาด และกลับบ้าน เป็นยุทธวิธีหนึ่ง ของแนวร่วมที่ได้ผล และต้องปฏิบัติการต่อไป เมื่อการแยกปลาออกจากน้ำ ทำไม่ได้ผล เมื่องานการข่าวยังล้มเหลว วิธีการสุดท้ายคือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนนั่นแล เป็นที่พึ่งแห่งตน เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ นะโยม
ร้องกันมาหนาหูว่า โรงคัดแยกขยะที่ อ.คลองหอยโข่ง ชาวอำเภอใกล้เคียง โวย กลิ่นขยะ ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ลอยไปตามลม ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงโรงคัดแยกขยะได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็น เวลาลมโชยมา แทนที่จะได้อากาศสดชื่น กลับเป็นลมพิษส่งกลิ่นเหม็นเน่า ชาวเกาะโอน และ ประชาชนใน อ.สะเดา บางจุดได้รับผลกระทบอย่างแรงจากกลิ่นเหม็นเน่าจากโรงคัดแยกขยะ รัฐมนตรีรับผิดชอบสิ่งแวดล้อม จะช่วยแก้ไขอย่างไร
น้ำมันเถื่อน ยังคงลักลอบขนกันเป็นล่ำเป็นสันในพื้นที่ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์