วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 16 พฤษภาคม 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

หลังจากการทัวร์นกขมิ้น หลายจังหวัด ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนนิด 2 แล้ว เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็จะเหินฟ้า ทัวร์นกอินทรียังต่างประเทศ เป็นคำรบที่เท่าไหร่ ก็จำไม่ได้นะ เพราะเสี่ยนิด เขามาบริหารบ้านเมืองเพียง 7 เดือน แต่ไปทัวร์นอก เกือบจะรอบโลก แล้วกระมัง ก็ไม่ว่ากัน เพราะการเดินทางไปต่างประเทศ เป็นภาระหน้าที่ของผู้นำประเทศในการแสวงหาพันธมิตร เพื่อการลงทุน ในเรื่องของเศรษฐกิจ การค้า ที่ประเทศไทยโหยหา เพราะ9 ปี ที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ต่างชาติ ที่เข้ามาเพื่อลงทุน หายไปจากประเทศไทย ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เพราะประเทศเหล่านั้นมีเสถียรภาพ ทางการเมือง มากกว่าไทย และที่สำคัญค่าแรงที่ถูกว่า ก็เป็นปัจจัย ของนักลงทุน ในการเลือกประเทศที่จะเข้าไปลงทุน

ก็ต้องติดตามว่า หลังจากโกอินเตอร์ เกือบรอบโลก ใน 7 เดือนของเสี่ยนิด จะมีกลุ่มทุนจากประเทศไหนบ้างที่สนใจ จะมาลงทุนในไทย วันนี้ยังติเรือทั้งโกลน ไม่ได้ เพราะเรื่องการลงทุน ของกลุ่มทุน จากต่างประเทศ ก่อนการเข้ามาเขาต้องหาข้อมูล เขาไม่ได้เชื่อตามที่เสี่ยนิด ไปโฆษณา ให้ฟัง เพียงอย่างเดียวแล้วเขาจะหอบเงิน มาลงทุนในประเทศไทย ภาพการเป็นผู้นำอินเตอร์ เก่งภาษาอังกฤษ, แต่งกายทันสมัย ใส่ถุงเท้าข้างละสี ไม่ใช่เครื่องหมายการันตี ว่าการไปโรดโชว์ จะประสบความสำเร็จเสมอไป สถานการณ์ในประเทศต่างหากที่เป็นปัจจัย สำคัญของนักลงทุน

และแต่ละโครงการที่ไปนำเสนอต้องมีความเป็นไปได้ ต้องมีการทำให้ตกผลึก ในประเทศของตนก่อน การไปโรดโชว์กับต่างประเทศ อย่างเรื่องของแลนด์บริจด์ หรือสะพานบก ข้ามทะเลอันดามัน และทะเลจีนใต้ที่ภายในประเทศยังไม่ตกผลึกยังสับสนอลหม่านทั้งทางวิชาการ และด้านข้อเท็จจริง ที่สุดท้ายแล้ววันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้านักลงทุน ไม่ให้ความสนใจ

ความตกต่ำด้านเศรษฐกิจ ของประเทศในวันนี้ การใช้นโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่แค่กระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะไม่เพียงพอ นโยบายที่ถูกต้องที่ เศรษฐา ทวีสินรวมทั้ง ทีมงานเศรษฐกิจ ต้องทำคือการปฏิรูปเศรษฐกิจ การแจกเงิน ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนคนละ 10,000 บาทเพื่อไปใช้จ่าย น่าจะไม่สามารถ กอบกู้เศรษฐกิจไทยให้ไปรอด เพราะดูทั้งเรื่องการส่งออก เรื่องหนี้ครัวเรือนการใช้งบประมาณ ในปี 2567 ที่ล่าช้าเห็นชัดว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังโคม่า เกินกว่าที่จะใช้คำว่ากระตุ้น แต่ต้องปฏิรูป ถึงไปรอด ก่อนที่จะจอดไม่ต้องแจว

เสียดายนะ กับความคาดหวังว่าการเข้ามาบริหารประเทศ ด้วยการตระบัตสัตย์ และพลิกขั้ว แบบมีเรา มีลุง โดยเป็นการลงทุนที่ทุ่มหมดหน้าตัก ไปสู่ความเสื่อมของเพื่อไทยที่ผลตอบแทนควรจะนำพาประเทศให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่สุดท้ายผ่านไป 7 เดือน สิ่งที่ประชาชน พบเห็นมีแต่เรื่องส่วนตัว เรื่องพรรคเรื่องครอบครัวเจ้าของพรรค มากกว่าเรื่องส่วนรวม

ปัญหาขยะกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งมีขยะวันละร้อยๆ ตัน/วัน การขนขยะไปทิ้งยังบ่อขยะในพื้นที่ของ อ.คลองหอยโข่ง มีปัญหา ชาวบ้านต่อต้านไม่ให้รถขนขยะวิ่งผ่าน อ้างว่ารถขนขยะส่งกลิ่นเหม็น และมีเสียงดังมาก เวลารถขนขยะนับ 100 คัน วิ่งผ่านบนถนนผ่านเส้นทางไปบ่อขยะ จนรถขนขยะไม่สามารถใช้เส้นทางเดิมในการขนขยะไปทิ้งที่บ่อขยะได้ ซึ่งรถขนขยะจะขนขยะไปวิ่งผ่านเส้นทางอื่นเพื่อนำขยะไปทิ้งก็ไม่ได้ ไปทางไหนก็มีชาวบ้านต่อต้านไม่ให้รถขนขยะวิ่งผ่าน ปัญหานี้ นายสัมฤทธิ์ บุญรัตน์ รองนายกเทศมนตรี ทน.หาดใหญ่ ที่รับผิดชอบเรื่องขยะต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหาใหญ่นี้อย่างเร่งด่วน เพราะขยะมีเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน

นี่ก็ใหญ่กว่าคนหน้าเหลี่ยม ผับเถื่อนในเขตพื้นที่คอหงส์ ย่านถนนธรรมนูญวิถี อ.หาดใหญ่ ที่เปิดใกล้วัดและโรงเรียน เส้นใหญ่ไม่ใหญ่ไม่ทราบ แต่นายอำเภอหาดใหญ่ และผู้กำกับ สภ.คอหงส์ ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบหรือจับกุมผับเถื่อนแห่งนี้ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากๆ

ยิ่งในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ยิ่งไปกันใหญ่ มีทั้งผับเถื่อน โรงแรมเถื่อน แถมยังมีตู้เกมส์ไฟฟ้า ตามสถานบริการบางแห่งเปิดให้เล่นการพนัน ตู้ม้า ตู้สลอต อีกด้วย งานนี้ ชาวด่านนอก ก็ได้แต่ขอให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ลองเข้าตรวจสอบดูว่าเรื่องนี้จริงเท็จ อย่างไร

นี่ก็ยังคงจับรถยนต์นักท่องเที่ยว ชาวมาเลเซีย ที่ขับเข้ามาท่องเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ อยู่ทุกวัน ในเขตพื้นที่ สภ.ทุ่งลุง มีตำรวจ 1 ถึง 2 นายบ้าง ขับรถโรงพักจอดริมถนนเปิดไฟแดงวาบๆ จ้องจับรถยนต์นักท่องเที่ยว ก็ไม่ทราบว่าเป็น นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือไม่

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์