รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เริ่มที่เรื่องการเมือง ของประเทศไทย เพราะการเมือง เป็นทุกอย่าง สำหรับทุกคน การเมือง คือลมหายใจของประเทศและประชาชน ถ้าการเมืองดี เป็นการเมืองที่มีเสถียรภาพ ไม่มีความขัดแย้ง ทั้งในรัฐบาล และประชาชน ในประเทศ ใครๆ ก็อยากมาลงทุนในประเทศไทย แต่การที่จะเห็นการเมืองดี มีเสถียรภาพ สิ่งแรกที่ต้องดูคือผู้นำคือ พรรคร่วมรัฐบาล และนโยบายของรัฐบาล
วันนี้ประเทศไทย ได้นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 คือ อุ๊งอิ๊งค์ หรือ แพทองธาร ชินวัตร ที่มาจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นดีเอ็นเอ ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ตัวจริงเสียงจริง ในการกำกับดูแล นโยบายของรัฐบาล ชุดใหม่ ซึ่งมาแทนที่ เศรษฐา ทวีสิน ที่ตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ทั้งที่บริหารประเทศได้เพียง 1 ปี และเป็น 1 ปี ที่ยังไม่ปรากฏผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน และกำลังอยู่ในห้วงของการเป็น ผู้นำขาลง ที่ไม่ใช่ความหวังของคนส่วนใหญ่ ดังจะเห็นว่าการหลุดจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ของเสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน จึงไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ จากคนทั้งประเทศ เหมือนอยู่หรือไป ค่าเท่ากัน
เช่นเดียวกับการที่พรรคร่วมรัฐบาล มีการโหวต เพื่อเลือกอุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี แทน เศรษฐา ทวีสิน คนส่วนใหญ่ในประเทศก็ไม่ได้ตื่นเต้น หรือดีอกดีใจการได้ผู้นำประเทศคนใหม่ ในการนำพาประเทศที่กำลังเข้าตาจน ในเรื่องของเศรษฐกิจ และปากท้องของคนส่วนใหญ่ที่ตกอยู่ในฐานะ จนทั้งแผ่นดิน ที่คนส่วนใหญ่ ต่างมีอารมณ์ร่วมไปในทิศทางเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะเชื่อว่า ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงการเปลี่ยนผู้นำ จากคนหนึ่งไปสู่คนหนึ่ง แต่ผู้ที่กุมบังเหียนเพื่อสั่งการ ให้นายกรัฐมนตรี ซ้ายหันขวาหัน ยังคงเป็น ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย และเป็นผู้นำประเทศตัวจริง ซึ่งเป็นที่คนทั้งประเทศต่างรับรู้ส่วนจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ คนไทยก็จะได้เห็นกันในไม่ช้านี้
แต่การเปลี่ยนแปลง ในทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ ที่ต้องจับตามอง และมองในด้านบวกไว้บ้าง ก็คือประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่การได้ผู้นำยุคใหม่ ในทางการเมือง เพราะนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แพทองธาร ชินวัตร นอกจากเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นสตรี คนที่ 2 ของประเทศแล้ว ยังถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีอายุอานาม เพียง 38 ปี ที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร ในขณะที่ เสี่ยเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็มีอายุอานามที่ไล่เลี่ยกันคืออายุ 37 ปี ถือว่าล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนหนุ่มคนสาวในการนำพาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า ถ้าพรรคร่วมรัฐบาล และบ้านจันทร์ส่องหล้า สามารถทำให้ แพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนเจนใหม่มีความเข้มแข็ง และมีนโยบาย ในการนำพาประเทศ ออกจากจุดอับ ทางด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นเรื่องเปราะบางที่สุดของประเทศในขณะนี้ได้จริง สังคมไทยอาจจะได้เห็นการเมืองใหม่ ที่ไม่ใช่การเมืองน้ำเน่า เกิดขึ้นกับประเทศไทย ก็อาจจะเป็นไปได้ ก็ได้แต่คาดหวัง และอยากให้เกิดนะ
จับตาปรากฏการณ์ ของสังคมไทยพบว่า หลังมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจาก เศรษฐา ทวีสิน เป็น แพทองธาร ชินวัตร เรื่องแรกที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างถามถึงด้วยความกังวลคือเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต ว่าเพื่อไทย ยังจะไปต่อหรือไม่ เพราะเรื่องของดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเรื่องที่เพื่อไทย สร้างความหวังให้กับประชาชนในการที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท เพื่อการใช้จ่าย รวมทั้งมีการให้ผู้ที่มีสิทธิ์ ทำการลงทะเบียนแล้วถึง 30 ล้านคน ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยกเลิก โครงการดิจิทัล วอลเล็ต จริงตามที่เป็นข่าว เชื่อเถอะ ทัวร์ลง ที่อุ๊งอิ๊งค์และที่เพื่อไทย ชัวร์ป้าด เพราะโดยข้อเท็จจริงที่ยากในการปฏิเสธ คือ ดิจิทัล วอลเล็ต ไม่ใช่นโยบายของ เศรษฐา ทวีสิน แต่เป็นนโยบายที่เพื่อไทย ที่ใช้ในการหาเสียงและบุคคลที่ตะโกนบนเวทีหาเสียงในการขายฝัน เรื่องของดิจิทัล วอลเล็ตในทุกเวทีของการปราศรัยกับประชาชน ทั้งประเทศก็คือ แพทองธาร ชินวัตร ที่วันนี้ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งยิ่งต้องปฏิบัติตามสัญญาประชาคม และนี่ก็จะเป็นโจทย์ยาก และเป็นโจทย์หิน สำหรับการก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สำหรับอุ๊งอิ๊งค์ หรือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศ ซึ่งวันนี้คนไทย นำเอาเทปการหาเสียง ของอุ๊งอิ๊งค์ มารีเพลย์ เพื่อเรียกร้องความทรงจำกันทั้งประเทศโดยผ่านโซเชียลมีเดีย
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์