วันศุกร์, 25 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 24 กรกฏาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

เป็นห้วงเวลาที่การเมืองเข้าสู่โหมด ของความระทึก เพราะมีเรื่องที่รัฐบาล ต้องรอลุ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งเรื่องของชั้น 14  และเรื่องของ112  ในเดือนสิงหาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากฟังจาก ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ว่าจะตอบคำถามของนักข่าว จะเห็นถึงความมั่นใจ ว่าจะรอดพ้น ทั้งเรื่องคดีความ ทั้ง ชั้น 14 และ112  โดยเจ้าตัว บอกว่าไม่ได้ทำผิด แต่นั่นเป็นเรื่องความมั่นใจ ของทักษิณ แต่ในมุมของกฎหมาย อาจจะไม่เป็นอย่างมุมมอง ของทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นได้ และหากไม่เป็นอย่างที่ทักษิณ คือ ผลกระทบต้องเกิดขึ้นกับรัฐบาล ที่มีเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพราะเป็นที่รู้กัน ว่า รัฐบาลนี้ มีทักษิณ ชินวัตร เป็น นายกรัฐมนตรี ที่เป็นตัวจริง และการได้ฟัง การแสดงวิสัยทัศน์ ของทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางเนชั่นทีวี และช่อง 9 อสมท. ก็จะให้รู้ว่าการที่ รัฐบาล ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ของประเทศไทย ได้นั้น เนื่องจาก วิสัยทัศน์ ในเรื่องเศรษฐกิจ ของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นวิสัยทัศน์ เดิมๆ และยังมองปัญหาของประเทศไทยเมื่อ 17 ปี ก่อน ที่ตนเองเคยเป็น นายกรัฐมนตรี  ถ้าเปรียบทักษิณ ชินวัตร เป็นยารักษาโรค ก็เป็นยาที่หมดอายุ แล้ว นั้นเอง ดังนั้นถ้ายังให้ทักษิณ ชินวัตร เป็น นายกรัฐมนตรี ตัวจริง ในตำแหน่งเสมียนประเทศตามที่ทักษิณ ชินวัตรแต่งตั้งให้ตนเอง รับรองได้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจ ของประเทศไทย จะไม่มีโอกาสในการฟื้นคืน

วันนี้ประเทศไทยต้องหาทางออก จากวิกฤตเศรษฐกิจโดยต้องอาศัย ผู้นำด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีอยู่มากมาย ในประเทศไทย เพียงแต่ รัฐบาล ไม่นำมาใช้งานรวมทั้งกูรู หรือผู้มีความรู้ เหล่านี้ ไม่ต้องการสังฆกรรม กับรัฐบาล ที่ไม่มีเสถียรภาพ มีแต่เรื่องของความขัดแย้ง และเป็นรัฐบาลผสม  ที่ทุกพรรคการเมือง มีแต่เรื่องของผลประโยชน์ส่วนตน มากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน

ส่วนอนาคตของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี แต่ยังใช้หลักการของศรีธนนชัย ในการเป็นรัฐมนตีกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อที่จะได้อยู่ในครม.ต่อไป  โดยมีความหวัง ในดิวลับ ว่ามีเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย เรื่องคลิปลับ ในการสนทนา กับฮุนเซ็น ในทางที่เป็นคุณ เพื่อที่จะได้นั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อไป นั้น ก็อย่างเพิ่งมั่นใจ และหากศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแน่งนายกรัฐมนตรี ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีวัฒนธรรม รวมทั้งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เช่นเดียวกับเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นปิดเกม ทางการเมืองของคนในตระกูลชินจึงต้องจับตาว่า ทักษิณ ชินวัตร ที่หากหลุดพ้น จาก คดีความ ทั้งเรื่องชั้น 14 และ 112  จะหยิบเอาใคร มาเป็น นอมินี ของตระกูลชิน คนต่อไป

เพราะในสายตา และความรู้สึกของคนไทย จำนวมมาก ต่างมองทักษิณ ชินวัตร ในภาพลบ และยิ่งลบ มากขึ้นจากการออกมาแฉ ของฮุนเซ็นที่เป็นการแฉรายวัน ในเรื่องที่ไม่เป็นมงคล กับทักษิณ ชินวัตร และประชาชน ต่างเชื่อ ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะสังเกตว่าทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้ ว่าเป็นเรื่องไม่จริง เพียงแต่บอกกับสังคมว่าอย่าไปเชื่อ คนอย่างฮุนเซ็น ที่หวังผล ให้เกิดความแตกแยก ของคนไทย

ผู้เขียนเห็นตำรวจทางหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้ด่านชั่งน้ำหนักบ้านทุ่งลุงขยันตั้งด่านตรวจตรงข้ามที่ตั้ง ชาวบ้านฝากถามว่า เวลารถทัวร์ รถสิบล้อ รถพ่วง วิ่งเลนขวา จาก อ.หาดใหญ่ ถึง ชายแดน อ.สะเดา ตำรวจทางหลวงที่นั้นมองเห็นบ้างไหม

นี่ไม่รวมถึงสินค้าหลบหนีภาษีที่วิ่งผ่านจากชายแดน อ.สะเดา เข้าหาดใหญ่นะครับ….ไฟส่องถนนทั้งที่เกาะกลางถนน และถนนเข้าหมู่บ้านที่ติดตั้งไฟส่องถนนกันเต็ม เวลาติดตั้งเห็นขยันติดตั้งเวลาไฟเสียไม่เห็นไปซ่อมแซม ให้ไฟติดสว่างส่องถนน ปล่อยให้โจรไปขโมยหม้อแปลง และตัดสายไฟไปขาย สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก แต่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ปล่อยให้ไฟกลางเกาะจากหน้าวัดแม่ชี – บ้านระตะ ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา และไฟส่องถนนจากบ้านโคกเนียน – เกาะโอน ดับมาเป็นปีๆ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงไปดูแลหรือซ่อมแซมทำเหมือนกับไม่มีกรมทางหลว

นี่ก็ผับเถื่อน โรงแรมเถื่อนเต็มเมืองด่านนอก แถม น้ำมันเถื่อน ก็ยังมีการขนเข้าทางชายแดนด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ก็ได้แต่วอนขอให้เจ้าหน้าที่ ช่วยดำเนินการทำ ผับเถื่อน โรงแรมเถื่อน ให้ถูกต้อง และ ช่วยจับ น้ำมันเถื่อนด้วยครับ

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์