วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 25 กรกฎาคม 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่มตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

การบ้าน การเมือง ประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลผสม ที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นหัวเรือใหญ่ และมีเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายท้ายเรือ ยังคงเดินหน้าฝ่ามรสุม ด้วยความโคลงเคลงมรสุมทางการเมือง คือประเด็นการชี้ชะตาของเสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน จากศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบานเป็นรัฐมนตรี ที่แม้ว่าจากการติดตามความเคลื่อนไหว ของนักกฎหมาย และนักการเมืองการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะมีคุณกับเสี่ยนิด มากกว่ามีโทษ แต่เมื่อเรื่องยังคาราคาซัง อยู่ก็ยังไม่มีอะไรที่ไว้วางใจได้และประเด็นทางการเมือง ที่เป็นมรสุมลูกที่สอง คือเรื่องของพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เป็นวันตัดสิน เพื่อชี้ชะตา ของพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งนักกฎหมาย และนักการเมือง ต่างเชื่อว่ามีโทษ มากกว่ามีคุณ กับพรรคก้าวไกล แม้จะมีรูรอด จากการถูกยุบพรรค และมีคนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ เสียงส่วนใหญ่ เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เลือกที่จะออกประตูนั้นและมรสุมทางการเมือง ทั้งสองลูก ก็ไม่เป็นคุณ กับประเทศไทยและมรสุม ทางการเมืองลูกที่สาม ที่กำลังโหมกระหน่ำ คือความขัดแย้ง ในพรรคร่วมรัฐบาล จากเรื่องการแก้กฎหมาย ให้กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด ที่มองไกลเหมือนไม่มีอะไร แต่ในเบื้องลึก พรรคภูมิใจไทย ไม่ยินยอม มีการเดินเกมต่อรอง และแลกเปลี่ยน เรื่องนี้อย่าประมาท กับเสือยิ้มง่าย อย่างเสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่รั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย การที่จะเอากัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด ไม่ง่ายอย่างที่คิด

รวมทั้งเรื่องปุ๋ยคนละครึ่ง ที่เป็น โครงการเพื่อช่วยเกษตรกร ที่เสนอโดย ร.อ.ธรรมนัสพรหมเผ่า เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่หลายพรรคไม่เห็นด้วย และมองว่าเป็นการ เอื้อนายทุนมากกว่าช่วยชาวนา นี้คือรอยร้าว ที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว หลังที่ รัฐบาลผสมชุดนี้ บริหารประเทศมาเพียง 10 เดือน และ ต่อแต่นี้ไปจะมีเรื่องขัดแย้ง ระหว่างพรรคร่วม ติดตามมาอีกหลายกระบุงโกยและแม้แต่ในพรรคเพื่อไทยเอง วันนี้ก็มีรอยปริร้าว จากคนกันเอง นี่คือเรื่องของสนิมเกิดแต่เนื้อในตน ที่เป็นมรสุม ทางการเมือง ซึ่งหากเศรษฐา ทวีสินรอดพ้นจากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ง่าย ในการนำเรือเพื่อไทย ในการฟันฝ่า พายุ คลื่นลม ที่โหดกระหน่ำ ที่สำคัญวันนี้ชื่อของเสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน ขายไม่ได้ทั้งในเรื่องของการเมือง และเรื่องเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นต่อ เสี่ยนิด กำลังลดน้อยลง ทุกวันๆ ไม่เหมือนกับตอนหาเสียง และตอนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ

เช่นเดียวกับมรสุมด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นเหมือนสึนามิ ลูกใหญ่ ที่โหมกระหน่ำ ที่เรียกว่าวิกฤตฐานราก เช่น หนี้ครัวเรือน 16 ล้านล้าน สินเชื่อทั้งระบบ 13.6 ล้านล้าน หนี้เสีย 1.14 ล้านล้านที่สำคัญ ณ วันนี้ โรงงานในประเทศ ปิดตัวหรือเจ๊งบ๊ง ไปแล้ว 2,000 โรง วิกฤตเศรษฐกิจ ครั้งนี้ใหญ่หลวง ที่เกินกว่าการแจกเงิน ให้ประชาชนคนละ 10,000 บาทตามโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะสามารถปะผุ เรือรั่วลำนี้ได้ และวิกฤตเศรษฐกิจ ครั้งนี้ก็เป็นวิกฤตของรัฐบาล ที่ต้องหาทางออก โดยเร็ว ก่อนที่ เรือลำนี้จะ จมลง

รถใหญ่ขนาด 10 ล้อ และ 22 ล้อ ยังคงวิ่งเลนขวาจาก บ้านพรุ อ.หาดใหญ่-อ.สะเดา ทั้งทางหลวง ตำรวจท้องที่ กลับมองไม่เห็น

เมื่อเจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง ชาวนครหาดใหญ่บางจุด เริ่มเอาสิ่งกีดขวาง เช่น กรวย เก้าอี้ เสาเหล็ก จับจองผิวถนนยึดเป็นที่จอดรถเป็นของตัวเอง ยุคเจ้าหน้าที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ชาวบ้าน และผู้ใช้รถใช้ถนน เหนื่อย ครับ

ผับเถื่อนหลายแห่งในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ยังคงเปิดให้บริการยันสว่าง โดยที่เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ยังทำเป็นมองไม่เห็น เวลาผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่บนหอคอยสอบถามมา ก็จะได้รับคำตอบมานานหลายๆ ปี ว่า ผับเถื่อน ยังอยู่ในระหว่างการทำเรื่องขอให้ถูกต้อง จึงทำให้ ผับเถื่อน ที่เปิดใกล้โรงเรียน และวัด กล้าเปิดยันสว่าง ปล่อยให้เด็กๆ เข้าไปใช้บริการอยู่ที่ย่านถนนธรรมนูญวิถี อ.หาดใหญ่ ได้ตลอดเวลา 24 ชม. งานนี้ ท่าน อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลองส่งคนที่เชื่อใจลงมาตรวจสอบดู น่าจะดี

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์