รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชมข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
ภาพใหญ่ของการเมืองหลังจากกลับจากต่างประเทศ ที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ไปเปิดโลกทัศน์ทางการเมือง มีการพบปะสนทนา กับผู้นำระดับโลก และผู้นำมหาอำนาจ อย่างประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา ก็น่าจะเพิ่มประสบการณ์ ทางการเมืองให้นายกฯอิ๊งค์ มีความแข็งแกร่ง ทางการเมืองมากขึ้นส่วนเรื่องของเสื้อ ผ้า หน้า ผม ก็อย่านำมาเป็นประเด็น ให้มากนัก เพราะ เธอคือ นายกรัฐมนตรี ที่ยังเป็นสาวน้อย ที่อายุอานาม ยังไม่ถึง 40 ปี ที่ต้องรักสวยรักงาม จนอาจจะไม่เข้าใจ ในบริบทของการแต่งกายของการเป็นผู้นำประเทศ ที่ต้องยึดเอาขนบธรรมเนียม มากกว่าการโชว์ความหรูหราของแฟชั่น
กลับมาถึงเมืองไทย เธอก็ได้โชว์เก่ง โชว์กึ๋น ของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำ ทางด้านเศรษฐกิจ ด้วยการบอกกับประชาชน ว่าทางเลือก ทางรอดของประเทศไทย และคนไทย มีด้วยกัน 3 ทาง นั่นคือ 1.โอกาสทางอาหาร 2.โอกาสด้านอุตสาหกรรมสุขภาพ 3.ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งจะเป็นโอกาส ที่เป็นจริง หรือไม่เป็นจริงผู้ฟัง ก็ต้องในขยาย รายละเอียดกันเอง แต่ที่เป็นของจริง ณ วันนี้ของประเทศไทย ที่กลายเป็นกับดัก ทางเศรษฐกิจ คิดเรื่องของหนี้สินครัวเรือนเรื่องของสถาบันการเงินที่ไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจระดับล่าง เรื่องราคาพลังงาน ที่เป็นต้นตอ ให้สินค้าแพง และเรื่องการขึ้นค่าแรง ที่ถูกคัดค้าน จาก กลุ่มทุน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ จะแก้อย่างไร จะเดินหน้าอย่างไร ถ้าถามนายกฯอ๊ิงค์ คำตอบอาจเหมือนอย่างหลายๆ คำถาม เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นอาหญิง จะได้กลับประเทศไทยในห้วงเทศกาลสงกรานต์ จริงหรือ และวันนี้ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเป็นบุคคลที่ถือสองสัญชาติ อยู่หรือไม่ อันนี้ต้องไปถามพ่อ เธอว่างั้น ดังนั้นเรื่องของพ่อ ลูก ที่มีความสัมพันธ์ทางการเมือง อย่างแยกกันไม่ออก ว่าใครใหญ่กว่าใคร และใครคือผู้มีอำนาจที่เป็นตัวจริง ในทางการเมือง ระดับโลก จึงไม่ได้หมายความว่ามาช่วยกันทำงาน เพื่อให้การบริหารประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เป็นเรื่องไร้เสถียรภาพของรัฐบาล เพราะไม่รู้ว่าอำนาจการตัดสินใจ ในแต่ละเรื่อง อยู่ที่ใครระหว่างพ่อ กับ ลูก
แต่เมื่อดูบริบท ของ ทักษิณ ชินวัตร ในบทของผู้ช่วยหาเสียง ให้กับผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทย ก็จะได้เห็นคมเขี้ยว ของทักษิณ ชินวัตร ที่ ทุกคำพูด ทุกนโยบาย ในการหาเสียง ต่างบอกกับประชาชนว่าเป็น คำสั่งของลูก เป็นนโยบาย ของนายกรัฐมนตรี ตนเองมาตามคำสั่ง ของนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงตัวแทนของลูก ที่สั่งให้พ่อมาทำในฐานะของผู้ช่วยหาเสียง ที่มีเบี้ยเลี้ยง วันละ 200 เท่านั้น นี่เป็นหมากการเมืองอีกตา ที่ทักษิณ ชินวัตร เล่นบทเพลย์เซฟ ทั้งตนเอง และบุตรสาว ที่เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนหลังจากที่ทั้งอัยการ และศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับฟ้อง จากผู้ที่ร้องเรียน ในข้อหาทักษิณ ชินวัตรล้มล้างการปกครอง ก็ยังไม่ได้ทำให้ทักษิณ ชินวัตร เป็นพยัคฆ์เสียบปีก แต่อย่างใด เพราะทักษิณ ชินวัตร ยังมีอีกหลายคดี โดยเฉพาะเรื่องของการเป็นนักโทษเทวดาชั้น 14 ที่ยังเป็นปมปัญหา ในการลากโยง ใครต่อใครให้กลายเป็นคนผิด ไปด้วย รวมทั้งการเคลื่อนไหว ในแต่ละบริบท ของทักษิณ ชินวัตร ยังเปิดโอกาสให้นักร้อง สามารถหยิบยก มาเป็นประเด็นของการร้องเรียน ได้ทุกเรื่อง แต่ก็เชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นกลไก ที่สำคัญในการขับเคลื่อน การนำของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยโดยจะเล่นบทหลังฉาก มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย ให้ต่างชาติ สามารถเช่าที่ดิน 99 ปี เรื่องของอินเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หรือบ่อนเสรี และอื่นๆ ที่เป็นเรื่องอภิมหาโปรเจกท์ รวมทั้งเรื่องของการดีลลับ ในการเป็นหัวหอก การสกัดกั้นพรรคประชาชน มิให้เติบโตตามความต้องการของดีลลับ เพราะต้องไม่ลืมว่าการกลับประเทศของทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่การกลับมารับโทษ แต่กลับมาเพราะมีงานให้ทำ และคนที่ทำงานนี้ให้สำเร็จ ก็คืออดีตนักโทษทางการเมืองคนนี้ นี่คือจุดแข็งโป๊กของทักษิณ ชินวัตร
แต่โดยนิสัย ที่แก้ไม่หาย ของทักษิณ ชินวัตร คือเรื่องชอบไต่บันไดลวดที่ชอบเล่นกับกฎหมาย แบบนักกายกรรมที่ไต่ลวด เช่นอยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวที่เป็นนักโทษการเมือง จะกลับบ้านมาฉลองสงกรานต์ ในปี 2568 จนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง ให้ฝ่ายต่อต้าน และฝ่ายที่เหม็นหน้า และศัตรู ของทักษิณ ชินวัตร หยิบเอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นทางการเมือง ที่ร้อนไปถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรม ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนถูกกองทัพนักข่าว ทำการไล่ล่า เพื่อให้ตอบคำถามเรื่องยิ่งลักษณ์ปิ๊กบ้าน ว่าจะมีขั้นตอน แบบเดียวกับที่ทักษิณ ปิ๊กบ้าน ด้วยการเป็นเทวดาชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ หรือไม่ และก็ยังมีเรื่องอีกมากมาย สำหรับรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ และมี พ่อ ลูก เป็นผู้บริหารประเทศ ที่ต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่เป็นคุณ กับรัฐบาล
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์