วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 29 กุมภาพันธ์ 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม  ชมคนที่ควรชมข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

วันที่ เศรษฐา ทวีสิน รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สังคมไทย ก็มีการครหา ว่าเป็นนายกฯนอมินี วันที่ อุ๊งอิ๋ง-แพทองธาร ชินวัตรเธอเลื่อนชั้น จากหัวหน้าครอบครัว มาเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สังคมไทยก็ครหาว่าประเทศนี้มีนายกรัฐมนตรี 2 คน และวันที่มีคนพลัดบ้านพลัดเมือง กลับมารักษาตัวที่ชั้น 14 สังคมไทยก็ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลนี้ มีนายกรัฐมนตรี 3 คน สุดท้ายทั้งหมดคือกับดัก ที่ สร้างความอ่อนแอ และความไม่เชื่อมั่น ต่อผู้นำประเทศ ที่คนไทยด้อยค่า ผู้เป็นผู้นำประเทศที่เป็นไม่ควรจะเกิดขึ้น หากต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

โดยเฉพาะข่าวการเตรียมปรับ ครม. ในปลายเดือน มีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน ที่จะถึงนี้  ทั้งที่รัฐบาลเพิ่งทำงานผ่านไปเพียง 6 เดือน แสดงให้เห็นว่า ผลงานที่ผ่านมา ไม่เข้าตา ผู้ที่มีอำนาจ ที่เป็นตัวจริง ของรัฐบาล ใช่หรือไม่ หรือ แสดงว่า ที่ผ่านมาได้มีการต่างตอบแทน โดยการให้ตำแหน่งรัฐมนตรี กันไปแล้ว และการปรับ ครม. ครั้งนี้ต้องตอบแทน ผู้ที่ยังรอคิว การเป็นรัฐมนตรี อยู่ ใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่ใช่ ก็ แสดงว่า 6 เดือน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี ที่โลกลืมอยู่หลายคน ที่จำเป็นต้องเขี่ยทิ้ง เพราะผลงาน ที่ไม่ผ่านโปร

ข่าวว่าเพื่อไทย ต้องการที่จะได้กระทรวงแรงงาน ที่เป็นโควตา ของภูมิใจไทย กลับมากำกับดูแล เพราะต้องการที่จะขึ้นค่าแรง ตาม นโยบายที่หาเสียงเอาไว้กับประชาชน รวมทั้งอีกหลายกระทรวง ที่อาจจะมีการสลับเก้าอี้ ในการปรับ ครม. ครั้งนี้ ซึ่งก็ต้องติดตามกันแบบเกาะติด ว่าปรับแล้ว ดีกว่า หรือแย่กว่า และ รัฐมนตรี คนไหนบ้างที่ต้องเก็บของกลับบ้าน

ผ่านไปแล้วกับปรากฎการณ์ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง ของนายกฯนิด-เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่นำเอา รัฐมนตรี หลายกระทรวง เดินทางมาตรวจราชการใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พรรคการเมืองที่ ถูกจับตามอง ว่าจะรอดสันดอน ของการถูกยุบพรรค หรือไม่ และยังมีสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็น รัฐมนตรีที่โลกลืม ทั้งที่อยู่กระทรวงสำคัญ ที่มีบทบาท ในการปั๊มเงินให้กับประเทศ เพราะเป็นผู้ดูแลการท่องเที่ยว  แต่บทบาทในการสื่อสารกับสังคม มีน้อยกว่าน้อย การได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งนี้ คงจะได้เห็นไอเดีย การพัฒนาการท่องเที่ยวที่อยู่ท่ามกลางดงระเบิดและควันปืน เพื่อใช้การท่องเที่ยว เพื่อดับไฟใต้ ซึ่งเคยเป็นไอเดีย ของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ อดีตรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ของพรรคภูมิใจไทย ที่เขียนแผนไว้แต่ไม่ได้ทำ เพราะใน รัฐบาลนิดหนึ่ง เสี่ยเกี๊ยะ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ ถูกให้ไปทำหน้าที่ จับกัง 1  คือ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ทำให้ไม่ได้สานต่องานการท่องเที่ยวตามความต้องการ

ขอพูดถึงเรื่องไฟส่องถนนสายบ้านโคกเนียน – บ้านเกาะโอน หมู่ 4 ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งอยู่บนถนนทางหลวงชนบท 4040 สงขลา มีไฟส่องถนนจำนวนกว่า 40 ต้น ที่ดับสนิทไปนานเกือบครึ่งเดือน ก็ได้รับการซ่อมแซมเปิดใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่า ไฟส่องถนนประมาณ 15-17 ต้น ไฟดับสนิท ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ไปซ่อมแซมมาแล้ว แต่ไฟยังดับอยู่ประมาณ 15-17 ต้น ไม่ทราบว่าเป็นการประหยัดไฟฟ้าหรือเปล่า แถมคูระบายน้ำของถนนสายดังกล่าว ไม่มีการขุดลอกคูน้ำปล่อยให้ต้นไม้ยืนต้นและหญ้าขึ้นเต็มกลางคูระบายน้ำ หน่วยงานไหนรับผิดชอบช่วยดำเนินการขุดลอกคูน้ำหน่อยครับจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

วกเข้ามาถึงเขตนครหาดใหญ่ ที่ปล่อยให้ร้านจำหน่ายสุราบางแห่งลักลอบเปิดเป็น ผับเถื่อนมีดนตรี เต้นรำทำเพลง มีพนักงานเสิร์ฟ เปิดเกินเวลา โดยเฉพาะย่านถนนธรรมนูญวิถี อ.หาดใหญ่ ที่เปิดใกล้วัด สถานศึกษา เจ้าหน้าที่มีการจับพอเป็นพิธีเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่งไปปรับ แล้วปล่อยให้เปิด ผับเถื่อนกันต่อไปโดยไม่มีกำหนด ก็ไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับ ผับเถื่อน นั้น จะถือว่าเป็นการละเว้น หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่า และจะเข้า ม.157 ไหม

ผู้ใหญ่ที่ กทม.ช่วยตอบหน่อย เพราะ ผับเถื่อน เปิดเป็นร้อยแห่ง นี่ยังไม่รวมไปถึงที่ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา นะครับ เพราะที่นั้นมีทั้ง ผับเถื่อน โรงแรมเถื่อน ของเถื่อน ด้วย

ร้องกันมาว่าที่ถนนสายกาญจนวนิช มีเจ้าหน้าที่ ตั้งจุดจับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ขับรถยนต์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.สงขลา ทำให้เสียการท่องเที่ยวหรือไม่ และพอรถบรรทุก 10 ล้อ 22 ล้อที่วิ่งเลนขวา ไม่เห็นจะตรวจจับ

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์