วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 3 พฤศจิกายน 2566

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

หลังจากที่นายสมนึกพรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมนายอำเภอหาดใหญ่และตำรวจ สภ.คอหงส์ เข้าจับกุมสถานบันเทิงย่านธรรมนูญวิถี เขตพื้นที่ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ใช้ใบอนุญาตผิดประเภท เปิดเป็น ผับ ยันสว่างส่งดำเนินคดีถึง 2 แห่ง ปรากฏว่า ร้านดังกล่าวยังไม่เกรงกลัวกฎหมาย ให้หลังเพียง 3 วัน ก็เปิดผับ ตามปกติ โดยที่ไม่มีใบอนุญาต ใครจะทำไม ผมแปลกใจอยู่อย่าง จับครั้งที่ผ่านมา มีการตรวจฉี่ นักท่องเที่ยว และตรวจเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือไม่ เพราะในข่าวไม่เห็นแจ้งว่ามีการตรวจสารเสพติด หรือดูว่ามีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการหรือไม่ บางแห่ง ก็มาเปิดผับใกล้วัด ใกล้สถานศึกษา เย้ยกฎหมายอีกทั้งๆที่ไม่จัดอยู่ในเขตโซนนิ่งแต่อย่างใดเส้นใหญ่ไม่ใหญ่ ดูกันเอาเองนะครับ อ้าวท่าน พล.ต.ต.เชาวลิตร เลี้ยงสุพงศ์ ผู้การป้ายแดงสงขลา ลงตรวจสอบหน่อยครับ

น่าอายนะกับการที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกสรรพกำลัง ที่เรียกว่าระดมมือดี ทั้งจาก กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, กองปราบ ทั้งใน ส่วนกลาง และ กอง 6 ในภาคใต้ แต่ก็ยังเอาไม่อยู่เพราะผ่านไปแล้วร่วม 10 วัน ทั้งหมดยังงมโข่งหาตัวของเสี่ยแป้ง หรือเชาวลิตร ทองด้วง นักโทษหนีคุก จาก จ.นครศรีธรรมราชไม่เจอ ทั้งที่สายข่าว ยืนยันว่ายังหลบในพื้นที่ จ.พัทลุง แถมยังต้องเรียกใช้บริการของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ (รองใหม่) อดีต รอง ผบตร. มาเพื่อแกะรอย ติดตามหาตัวเสี่ยแป้ง อีกด้วย….จากการติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดต่างๆ ในพื้นที่ พบว่า ความล่าช้า ในการแกะรอย การหลบหนี ของเสี่ยแป้งครั้งนี้ มาจากการนอนเตียงเดียวกัน แต่ฝันคนละเรื่อง ของ ตำรวจจากภาค 8 และ ภาค 9 ที่ต่างคนต่างทำ และต่างสาย ไม่มีการบูรณาการ ในงานการข่าวประกอบกับคดีนี้เกิดในช่วงการโยกย้าย สับเปลี่ยน ตำแหน่ง ตั้งแต่ ผบช.จนถึง ผบก. และอยู่ระหว่างการทำบัญชี โยกย้ายรอง ผบก. และ ผกก.แต่ละพื้นที่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับการตามล่าเสี่ยแป้ง จึงเป็นไปแบบหน่อมแน้มแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าเป็นการต้มยำทำแกงก็บอกได้ว่าไม่ถึงเกลือไม่ถึงเคย นั่นคือความล้มเหลว ที่เกิดขึ้น ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ต้องติวเข้ม

ที่สำคัญเสี่ยแป้ง แม้จะมีลูกน้อง ใน จ.พัทลุงทุกอำเภอ และมีผู้มีอิทธิพล มีซุ้มมือปืนและนักการเมือง (บางคน ) ให้การช่วยเหลือ แต่เสี่ยแป้ง ก็ไม่ใช่เทวดา ถ้าตำรวจ ที่มีฝีมือ เอาจริง มีหรือจะจับไม่ได้ เพราะซุ้มมือปืน, นักการเมือง ที่ให้ความช่วยเหลือในการนำเสี่ยแป้ง หลบหนี ต่างก็มีสายสัมพันธ์ กับตำรวจ หลายคนในพื้นที่

เรื่องความล้มเหลว ในการไล่ล่าเสี่ยแป้ง มี ชาวบ้าน และ ตำรวจ ด้วยกัน เชื่อว่า ถ้าบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หักพาล ยังอยู่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.(สส) เชื่อว่าไม่เกิน 5 วัน เสี่ยแป้ง ต้องจบเกม แน่นอน เพราะ พัทลุง ฝั่งที่เสี่ยแป้งซ่อนตัวอยู่ มีเพียงไม่กี่อำเภอ ที่เป็นฝั่งภูเขา เช่น พื้นที่ อ.ป่าบอน,กงหรา,ศรีนครินทร์ เขตติดต่อกับ อ.รัตภูมิ จ.สงขลาและ อ.นาโยง จ.ตรัง นั่นแหละ

สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับตั้งแต่นี้จนถึงสิ้นปี 2566 ยังไม่มีอะไรที่ไว้วางใจ เพราะ กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ยังมีการเคลื่อนไหว เพื่อการก่อเหตุ มีการลำเลียงอุปกรณ์ เพื่อผลิตระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อใช้ในการก่อการร้าย และหน่วยงานการข่าว ในพื้นที่ ยังเตือนให้ระวังคาร์บอมบ์ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ.ทหาร.ปกครอง ที่จะต้องมีมาตรการ ในการป้องกันเหตุ ที่น่าสังเกตว่าการก่อเหตุ หลายครั้ง รุกเข้าใกล้ตัวเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจ เช่น การวางระเบิดแสวงเครื่องหน้าร้านทองที่ตลาดตากใบ จ.นราธิวาส การยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ใกล้กับเขตเทศบาลนครยะลา เป็นต้น สำหรับในเขตเมือง ที่เป็นเขตเศรษฐกิจ พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี  ผบช.ภ 9 (ป้ายแดง) ต้อง มีมาตรการให้ตำรวจ มีขีดความสามารถในการป้องกันเหตุ เพื่อลดความสูญเสียให้ได้

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์