วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 5 กันยายน 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

เรื่องปลาหมอคางดำ ที่ยังเป็นเรื่องคาราคาซังผ่านไปแล้วหลายเดือน ที่การแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ใน จ.สงขลา และ นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสองจังหวัดที่พบการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำมีจำนวนมาก โดยเฉพาะ จังหวัดสงขลา ที่แหล่งแพร่พันธุ์ ของปลาหมอคางดำ ส่วนใหญ่ที่ชุกชุม อยู่ในอ.ระโนด  ที่สำคัญวันนี้ใกล้ฤดูฝน ที่ภาคใต้ จะมีน้ำหลาก,น้ำท่วมเกิดขึ้นทุกจังหวัด ถ้ายังไม่มีการกำจัด ปลาหมอคางดำ ให้หมดไป หน้าฝนที่จะมาถึงปลาหมอคางดำ ก็จะแพร่พันธุ์ ไปทั่วทุกหน ที่เป็นพื้นที่น้ำท่วม โดยเฉพาะทะเลสาบสงขลา น่าเป็นห่วงว่า จะกลายเป็นที่แพร่พันธุ์ ของปลาหมอคางดำ  เพราะเป็นพื้นที่น้ำกร่อย ที่ปลาหมอคางดำ แพร่พันธุ์ได้อย่างดียิ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้น ย่อมต้องมีผลกระทบ กับชาวประมงพื้นที่บ้าน ใน 3 จังหวัด ที่มีอาชีพในการทำการประมงในรอบๆ ทะเลสาบสงขลา เรื่องนี้ ประมงจังหวัดสงขลา คิดอ่านอย่างไรก็เร่งดำเนินการเพราะหายนะใกล้เข้ามาแล้ว

วันก่อนเห็นข่าวจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สำนักงาน ปปช.ภาค 9 ที่มีการบินสำรวจผืนป่า ในพื้นที่ 3 จังหวัด ปัตตานี,ยะลา, นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา พบว่าป่าสงวนแห่งชาติ ถูกทำลายไปหลายแสนไร่ เป็นการบุกรุกป่า ด้วยการโค่นไม้ใหญ่ เพื่อการแปรรูป หรือการทำไม้เถื่อน หลังจากนั้นจึงนำที่ดินที่ถูกบุกรุก ขายให้กับนายทุน และชาวบ้าน ในพื้นที่เพื่อการทำการเกษตร เช่น การปลูกยางพารา และพืชอื่นๆ ก็ต้องถามหน่วยงานพิทักษ์ป่า และกำลังของทหารในพื้นที่ ว่าอยู่กันอย่างไร จึงมีการปล่อยปละ ให้มีการการทำลายป่าเป็นแสนๆ ไร่ โดยที่ไม่สามารถปกป้องผืนป่า ที่เป็นเขตอุทยานฯ และป่าสงวนแห่งชาติเอาไว้ได้ โดยเฉพาะกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งนอกจากมีหน้าที่ในการแก้ปัญหาขบวนการแบ่งแยกดินแดน แล้ว ยังมีหน้าที่ในการป้องกันภัยแทรกซ้อน นั้นคือเรื่องป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ และการป้องกันปราบปราบยาเสพติด ซึ่งกำลังจะบอกกับ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ว่า งานด้านภัยแทรกซ้อน ของท่านล้มเหลว ทั้ง 2 เรื่อง ก็ขอฝากไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อไปที่จะมารับไม้ต่อจากแม่ทัพต้น ในอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้าว่า ต้องมีนโยบาย ในการ ป้องกันป่าไม้ที่เป็นทั้งป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติ ซึ่งกำลังย่อยยับ ให้กลับคืนมา

ที่สำคัญ ที่ต้องตั้งเป็นข้อสังเกต คือการเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ พบแต่ต้นไม้ ทั้งที่แปรรูปและที่ยังเป็นท่อนซุง กับผืนป่า ที่ถูกทำลาย รวมทั้งเครื่องมือในการใช้โค่นป่าเช่น รถแทรกเตอร์, รถแบ๊กโฮ แต่ไม่เคยมีผู้ต้องหาติดปลายนวม เพื่อการลงโทษตามกฎหมาย แต่อย่างไร เรื่องนี้ต้องมีการซูเอี๋ย กันเกิดขึ้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ ตำรวจ จะทำการสืบสวนสอบสวน ไม่ถึงตัวของมอดไม้ และผู้บงการ เอ้า พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.ภาค 9 ต้องทำการสังคายนาลูกน้องในพื้นที่ซึ่งมีการตรวจพบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ได้ต้นสายปลายเหตุว่า ทำไมทุกคดี จึงทำได้เพียงรับแจ้งความ แต่ไม่มีการสืบสวนสอบสวน เพื่อเอาคนผิด มาติดคุกติดตะราง ให้มีการเข็ดหลาบ

สำหรับฝ่ายปกครองก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ กับเรื่องของกลุ่มทุน และมอดไม้ ที่ทำลายป่าไม้ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติ นายอำเภอ แต่ละอำเภอ ที่มีคดีความ เรื่องการตัดไม้ทำลายป่าการบุกรุกป่าเพื่อทำการเกษตร ท่านจะไม่ลองถามไถ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในแต่ละพื้นที่เพื่อหาตัวผู้ทำความผิด มาลงโทษ บ้างเลยหรือไร บรรทัดนี้ ก็ฝากไปยังเสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ให้มีการลงแส้ นายอำเภอทุกพื้นที่ ซึ่งมีการตัดไม้ทำลายป่า ด้วยการป้องกันป่าไม้ จึงจะได้ผล

ร้องกันมาว่าที่ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา มีการเปิดบ่อนไพ่ และนายทุนสามารถนำตู้ม้า ตู้สล็อตมาวางเปิดให้เล่นอย่างเสรี ย่านหน้าโรงแรมชื่อดัง แถมกลางเมืองสะเดา เปิดให้มีการพนันกำถั่วถึงสองบ่อนใหญ่ แต่ตำรวจสะเดามองไม่เห็น ต้องรอให้ พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ลงมาตรวจสอบเองว่ามีจริงตามที่เขาร้องกันหรือไม่

ผู้ใช้รถใช้ถนนในนครหาดใหญ่ สบายใจได้ ตามหัวมุมสี่แยก สามแยก จอดรถได้ แถมชาวบ้านสามารถนำกรวย เก้าอี้ เสาปูน มาวางจับจองที่บนถนนไม่ให้รถคนอื่นมาจอดได้ และบางแห่ง ใครจอดหน้าบ้านอาจจะถูกตบตี จนบาดเจ็บได้ นับว่าเป็นเรื่องแปลก ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยไหนรับผิดชอบ ปล่อยให้บ้านเมืองใครทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เหนื่อยแทน

นี่ก็ร้องมาจากชาวคลองแงะ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่าการสร้างถนนกลางเมืองคลองแงะสายกาญจนวนิชเจาะ ขุด ถนน ทำให้บ้านชาวบ้านเกิดรอยร้าว ถนนไม่ได้มาตรฐาน เท็จจริงอย่างไรตรวจสอบดูด้วยครับ

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์