วันพฤหัสบดี, 7 สิงหาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 6 สิงหาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

เรื่องข้อพิพาท ชายแดนด้านตะวันออกของประเทศไทย ระหว่างไทยกับกัมพูชา แม้จะมีการลงนาม เพื่อหยุดยิง และเข้าสู่การเจรจา เพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง โดยการเข้ามาเป็นคนกลาง ของมหาอำนาจ อย่างสหรัฐอเมริกา เข้ามาบีบ ให้รัฐบาลไทย ยอมหยุดยิง ในขณะที่ยุทธการของการต่อสู้ ยังอยู่ระหว่างเข้าด้ายเข้าเข็มเป็นเหตุให้การยึดพื้นที่สำคัญ อย่างปราสาทตาควาย และเนิน 305 ไม่ประสพความสำเร็จ

เหตุที่รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ และมีภูมิธรรม เวชยชัย ที่เป็นคนสนิท ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะของรักษาการนายกรัฐมนตรี  รีบรับปาก กับโดนันด์ ทรัมป์ แบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งอาจจะไม่ได้ปรึกษาพรรคร่วม และอาจจะไม่ได้ปรึกษา ผู้นำเหล่าทัพ ก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่มีข่าวนี้ ปรากฏให้เห็น ซึ่งการที่ รัฐบาล ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในการเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชา เพื่อหยุดยิง แสดงให้เห็นว่า ระหว่างอธิปไตย และการเสียแผ่นดิน กับเรื่องการลดอัตราภาษีเพื่อการส่งออก รัฐบาลชุดนี้ เลือกเรื่องของภาษีการส่งออก โดยยินยอม ที่จะสูญเสียดินแดน ใช่หรือไม่ เรื่องนี้ ยังเป็นเรื่องที่ค้างคาใจ ของคนส่วนใหญ่ ในประเทศ เพราะยุทธภูมิการรบพุ่ง ทั้งที่ภูมะเขือ,ช่องบก,ช่องอานม้า,ปราสาทตามเมือนธม และปราสาทตาควาย เหล่าทหาร,ตำรวจตระเวนชายแดน และ ทหารพราน ต่างเอาเลือดทาแผ่นดิน มีการพลีชีพ และทุพลภาพ ไปกับการรักษาแผ่นดิน ครั้งนี้ จำนวนไม่น้อย  รัฐบาล คิดถึงความเจ็บปวด ของทหาร,ตำรวจ อย่างไร

วันนี้รัฐบาลกำลังเข้าสู่โหมดของการเจรจา ในเรื่องพื้นที่แนวชายแดน ที่มีการอ้างสิทธิ ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นคนกลาง ในการไกล่เกลี่ย ถามว่ารัฐบาล มีนโยบาย ในการเจรจาอย่างไร เพื่อการได้เปรียบ ฝ่ายของกัมพูชา ประเด็นสำคัญ คือการเจรจาภายใต้เอ็มโอยู 43 ที่ไทยยืนยัน การใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 และกัมพูชา ยึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000  ถ้าต่างฝ่ายต่างยืนยัน ในการใช้แผนที่ที่ต่างกัน การเจรจา ไม่มีทางที่จะหาจุดลงตัว สุดท้ายคือล้มเลิก การเจรจา หรือเป็นการเจรจาแบบคาราคาซัง ไม่มีจุดจบ เพื่อให้กัมพูชา มีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อ ปรับขบวนทัพ และยุทโธปกรณ์ เพื่อเปิดศึกกับทหารไทย ครั้งใหม่ เพราะเข็มมุ่ง ของกัมพูชา คือการยุดครอง ปราสาทตาเมือนธม,ภูมะเขือ,และดินแดนบางส่วนของช่องจอม,ช่องบก โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญที่สุด ความขัดแย้งในกรณีพิพาท ดินแดนครั้งนี้ รัฐบาล จะต้องไม่ตีโง่ ให้ประเทศไทย กลายเป็นพื้นที่ ให้มหาอำนาจ อย่างพญาอินทรีย์ และพญามังกรจนประเทศไทย กลายเป็นสงครามตัวแทน

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลกลายเป็นผู้นำประเทศ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ให้ความเชื่อถือ และเห็นว่าคนในตระกูลชิน มีผลประโยชน์ กับตระกูลฮุน และมีความเป็นดอง ของทั้งสองตระกูล กองทัพ จึงต้องเป็นหลัก ให้กับประเทศชาติ ในการรักษาอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน ของประเทศไทย ในด้านตะวันออก ที่ต้องมีความพร้อม ในการรับศึกสงคราม ครั้งใหม่ ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กองทัพ ต้องกล้าที่เห็นแย้ง กับรัฐบาล  ถ้าเห็นว่า นโยบายของรัฐบาล เป็น นโยบาย ที่สุ่มเสี่ยง ต่อความเสียหาย ต่อดินแดน และความมั่นคงของประเทศชาติ ซึ่งวันนี้ กองทัพ มีกฎอัยการศึก เป็นเครื่องมือ ที่จำเป็น ต้องใช้ในการรักษาอธิปไตยของประเทศ โดยไม่ต้องเกรงใจ หากเห็นว่ารัฐบาล

ที่สำคัญ ถ้าวิธีการของกัมพูชา ยังมีเป้าหมาย ในการฆ่าพลเรือนและบ้านเรือน สถานที่ราชการ ในแนวชายแดน  กระทรวงต่างๆ ที่รับผิดชอบ จะต้องมีแผนในการรับมือ ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกัน ความสูญเสีย ทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชน แน่นอนสงคราม ไม่ใช่สิ่งดีงาม ถ้าหลีเลี่ยงได้ต้องหลีกเลี่ยง แต่เมื่อกัมพูชา เป็นผู้กระหายสงคราม และเป็นอันธพาล สิ่งสำคัญ คือแผนในการรับมือ

และอย่างมั่นใจว่าสหรัฐอเมริกา จะสั่งการ กับกัมพูชา ได้ทุกอย่าง เพราะแม้แต่จีน ที่ให้การสนับสนุนต่อกับพูชา อย่างมากมาย สุดท้ายกัมพูชา ยังพยายามที่จะสลัดทิ้ง เพื่อหันมาอยู่ภายใต้อุ้งเท้า ของพญาอินทรีย์ ที่กัมพูชา เคยสลัดทิ้ง ตั้งแต่ปี 2017 และ กลับมาเป็นพันธมิตร อีกครั้ง ทั้งหมดคือสันดานของลูกหลานพระยาละแวก ที่ในอดีตเป็นอย่างไรปัจจุบัน ก็ยังเป็นอย่างนั้น

อีกเรื่องที่ยังค้างคาใจ คือเรื่องเสาสัญญาณอินเตอร์เน็ตและโทรคมนาคม ที่ทหารกัมพูชา ติดตั้งเป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่ภูมะเขือ ก่อนที่ทหารไทยจะได้ยึดได้ เสาสัญญาณโทรคมนาคม เป็นของค่ายมือถือไหน และตัวแทนในพื้นที่ คนไหน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ กสทช. อย่าอ้ำอึ้งอู้อี้ ว่าตรวจไม่พบ หาหลักฐาน ว่าเป็นของใครไม่ได้ และที่สำคัญ วันนี้เสาเถื่อน ในแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา มีอยู่มากน้อย เท่าไหร่ กสทช. มีการสำรวจตรวจสอบ หรือไม่ โดยเฉพาะด้าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่มีบ่อนการพนัน ของกัมพูชา ตั้งอยู่ 2 บ่อน และมีแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่นั้นด้วย ธุรกิจสีเทา เหล่านี้มีการใช้ระบบโทรคมนาคม จากฝั่งไทย หรือไม่

ที่ จ.สงขลา มีอนุสาวรีย์ เสาไฟส่องถนน จำนวนหลายจุด ที่กรมทางหลวงติดตั้งเพื่อให้ส่องแสงสว่างลงบนนถนนที่ติดตั้งเสาไฟส่องถนน แต่หลายจุด เสาไฟที่ติดตั้งกลับใช้ไม่ได้ ทิ้งไว้เป็นอนุสาวรีย์เสาไฟส่องถนนที่ใช้การไม่ได้มานาน ดับสนิท เสียดายงบประมาณที่ติดตั้งแล้วใช้ประโยชน์ไม่ได้ในบางจุด หน่วยงานไหนรับผิดชอบช่วยตรวจสอบว่าเท็จจริงอย่างไร

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์