พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีพระนามปรากฏ ตั้งแต่ยุคแรกของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เดิมเรียกพระนามว่า ปัทมปาณีโพธิสัตว์ ชาวจีนออกพระนามว่ากวนอิม เป็นการออกเสียงตามศัพท์แปลจากคำว่า อวโลกิเตศวร ซึ่งพระอาจารย์กุมารชีพแปลว่า กวนซีอิม แปลว่า ผู้เพ่งเสียงแห่งโลก ต่อมาเนื่องจากคำว่า ซี ไปตรงกับพระนามของพระเจ้าจักรพรรดิถังไท่จง คือ หลีซีหมิง จึงตัดคำว่า ซี ออกเหลือเพียงแต่ กวนอิม ต่อมาพระถังซำจั๋ง (เฮี่ยนจัง) ซึ่งเชี่ยวชาญภาษาสันสกฤตและจีน ได้แปลใหม่เป็น กวนจือไจ๋ แปลว่า ผู้เพ่งโดยอิสระ แต่ทั่วไปยังคงนิยมออกนามว่า กวนอิม อยู่
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มีปรากฎพระนามอยู่ในพระสูตรมหายานจำนวนมาก ในสุขาวดีวยูหสูตรและอมิตายุรธยานสูตรกล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระอมิตาภะพุทธเจ้าแห่งแดนสุขาวดี ในสัทธรรมปุณฑรีกสูตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สมันตมุขปริวรรต กล่าวว่าพระอษัยมติโพธิสัตว์ กราบทูลพระบรมศาสดาถึงเหตุแห่งพระสมัญานาม มหาเมตตามหากรุณา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เพราะพระอวโลกิเตศวร มีความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกเป็นอันมาก สามารถเนรมิตนิรมาณกายไปโปรดสัตว์ยังโลกอื่นๆ อีก เช่น นิรมาณกายเป็นนาคไปโปรดนาคที่โลกนาค นิรมาณกายเป็นเทพไปโปรดเทพยังสวรรค์ เป็นต้น พระโพธิสัตว์สามารถประทานอภัย คือ การช่วยให้พ้นทุกข์ภัย มีโจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย และศัสตราภัย เป็นต้น การขอให้พ้นภัย ก็ไม่ลำบาก เพียงแต่ตั้งใจภาวนาคำว่า นโม ขอนอบน้อมแด่พระกวนอิมโพธิสัตว์ เท่านั้น ท่านก็จะมาโปรดทันที ในอวโลกิเตศวรสมาธิสูตร กล่าวว่าทรงเป็นพระสัทธรรมประภาสตถาคตผู้ทรงตรัสรู้แล้วในอดีต แต่ทรงสรสารเหล่าสัตว์จึงทรงดำรงอยู่ในโพธิสัตว์กายเพื่อโปรดสัตว์
รูปปฏิมาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มีกล่าวไว้ว่าทรงมีนิรมาณกายจำนวน ๓๒ กาย แต่ที่แพร่หลายมีอยู่ ๖ ปางคือ
๑.พระอารยาวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือปัทมปาณี ทรงเป็นประธานของปางต่างๆและโปรดสัตว์ในเปรตภูมิ
๒. พระสหัสรภุชสหัสรเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือพระสหัสรหัสตสหัสรเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ปางหนึ่งพันหัตถ์และพันพระเนตร) ทรงโปรดสัตว์ในนรกภูมิ
๓.พระหัยครีวอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ปางทรงเป็นหัยครีวะ คือมีพระเศียรเป็นม้า)ทรงโปรดสัตว์ในเดรัจฉานภูมิ
๔. พระเอกาทศมุขอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ปาง ๑๑ พักตร์)ทรงโปรดสัตว์ในอสูรภูมิ
๕.พระจุนทีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือจุนทา (ปางเทวีมี ๑๘ กร) ทรงโปรดสัตว์ในมนุษยภูมิ
๖.พระจินดามณีจักรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ปางทรงจักรแก้วจินดามณี) ทรงโปรดสัตว์ในเทวภูมิ นอกจากนี้ยังมีปาง
พระอโมฆปาศอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (ปางทรงบ่วงบาศ) ปางพระตาราโพธิสัตว์ เป็นปางสตรีเพศ
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นพระโพธิสัตว์ที่ชาวจีนนับถือเป็นอันมาก นับแต่ราชวงศ์ถังเป็นต้นมาชาวจีนนับถือกันว่า เกาะโพวท้อซัว นอกชายฝั่ง เมืองหนิงปอ มณฑลเจ้อเจียง คือเกาะโปตลกะอันเป็นที่ประทับ ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมา เกาะแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน บนเกาะมีวัดวาอารามที่สร้างบูชารูปท่าน และมีวิหารที่สร้างเพื่อบูชาท่านโดยเฉพาะก็มีอยู่มากมาย จนชาวจีนกล่าวกันว่าไม่มีสถานที่แห่งใดไม่บูชาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสัตว์โพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรง เนรมิตพระรูปกายแสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย ๓๓ รูป ได้แก่
รูปของพระพุทธเจ้า รูปของพระปัจเจกพุทธเจ้า รูปของพระสาวกรูปของพระพรหม รูปของพระอินทร์ (ท้าวสักกะ) รูปของพระอิศวร รูปของพระมหาอิศวรรูปของเสนาบดีรูปของไวศรวณะ(ท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร) รูปของพระเจ้าจักรพรรดิ รูปของเศรษฐี รูปของคฤหบดี รูปของนายบ้าน รูปของพราหมณ์ รูปของภิกษุ รูปของภิกษุณรูปของอุบาสก รูปของอุบาสิกา รูปของภรรยาเศรษฐี รูปของภรรยาคฤหบดี รูปของภรรยานายบ้าน รูปของพราหมณี รูปของกุมาร รูปของกุมารี รูปของเทพ รูปของนาค รูปของยักษ์รูปของคนธรรพ์ รูปของอสุรกาย รูปของครุฑ รูปของกินนร รูปของมโหรค รูปของวัชรปาณี
รูปเพศหญิง ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเป็นความนิยมหลังสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยราชวงศ์หยวนชาวบ้านนับถือกันว่า พระอวโลกิเตศวรนั้น แต่เดิมคือพระธิดาศุภปรีติ หรือเมี่ยวซั่น แห่งกษัตริย์ศุภวยูหราช หรือเมี่ยวจวงเงี้ยม ทำให้รูปปฏิมาภายหลังจึงนิยมสร้างเป็นเพศหญิง ซึ่งเป็นเพียงนิรมาณกายหนึ่งในจำนวน ๓๓ กาย
ชาวจีนบูชาท่านในวันประสูติ คือวันที่ ๑๙ ค่ำเดือน ๒ วันบรรลุธรรม คือวันที่ ๑๙ ค่ำเดือน ๖ วันและออกผนวชคือวันที่ ๑๙ ค่ำเดือน ๙ ตามปฏิทินจีน