วันอาทิตย์, 8 มิถุนายน 2568

‘สว.ไชยยงค์’ เผยประชาชนพื้นที่ชายแดนใต้ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยร่างกม.กาสิโน

“สว.ไชยยงค์” แนะรัฐบาลควรคิดให้รอบคอบในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะมีบ่อนกาสิโนด้วย จากการรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

5 เมษายน 2568 – นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากการฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งผู้นับถือศาสนาอิสลาม และชาวไทยพุทธ เบื้องต้นหลายคนไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะผลักดันร่าง พรบ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยให้มีกาสิโน หรือ บ่อนการพนันถูกกฎหมาย

นายไชยยงค์ กล่าวว่า สถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว ตั้งขึ้นเพื่อให้มีบ่อนการพนัน เพราะถ้าไม่มีบ่อนการพนัน ก็จะไม่มีนักลงทุนเข้ามา แม้บ่อนกาสิโนถูกกฎหมายจะเป็นเพียง 10 %ของสถานบันเทิงครบวงจร แต่ถือว่าเป็นเรื่องบ่อนทำลายสังคมไทย และบ่อนการพนันเสรีจะเป็นแหล่งฟอกเงินสำหรับกลุ่มอาชญากรทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้คัดค้านว่า ห้ามมี แต่คิดว่าต้องศึกษาเรื่องกาสิโนให้รอบคอบมากกว่านี้ ไม่ใช่กฎหมายผ่านไปก่อน แล้วค่อยศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะในประเทศเพื่อนบ้านที่มี กาสิโน หรือบ่อนการพนันที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่รายได้จากบ่อนการพนัน ไม่ได้ทำให้คุณภาพของประชาชนดีขึ้น ซ้ำยังกลายเป็นแหล่งผลประโยชน์ และเป็นที่ฟอกตัว ฟอกเงินของคนต่างชาติ และนักธุรกิจสีเทา

นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่าการผลักดันบ่อนการพนันเสรีของรัฐบาล ยังได้สร้างความแยกแตกให้กับสังคมไทย โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม มีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้อย่างดุเดือด เพราะขัดหลักการศาสนา และมองว่าเป็นบ่อเกิด ของการทำให้ประชาชนตกเป็นทาสการพนัน ทำลายชีวิตตนเองและครอบครัว และในเรื่องนี้ พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ รวมทั้ง สส.มุสลิมของพรรคอื่นๆ ก็ออกมาคัดค้าน และแม้แต่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ก็หยิบยกเอาประเด็นบ่อนการพนันเสรี มาปลุกระดมให้คนในพื้นที่เกลียดชังรัฐบาล โดยกล่าวหารัฐบาลกำลังทำลายสังคมของคนมุสลิม

นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า สมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เห็นด้วยกับ พรบ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้มีแค่ตนเพียงคนเดียว แต่ทราบว่า สมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วย และต้องการให้รัฐบาลศึกษาผลดีผลเสียให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ โดยเฉพาะการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นความเร่งรีบแบบผิดปกติ อาจจะมีเบื้องหลังแอบแฝง ในขณะที่ พรก.การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า และเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจำนวนมาก รัฐบาลกลับทำด้วยความเชื่องช้า ผ่านมาแล้วหลายเดือน พรก.ดังกล่าวยังอยู่ในสำนักกฤษฎีกา นี่คือความผิดปกติที่เกิดขึ้น

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์