วันอาทิตย์, 8 มิถุนายน 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง…จับตาปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา กลยุทธ์ป้องอธิปไตย?

07 มิ.ย. 2568
9

ยังเป็น”ลูกผีลูกคน” นั่นคือความ”ขัดแย้ง” ของ”รัฐบาล” ระหว่าง”พรรคร่วม” ด้วยกัน ที่เห็น”รอยร้าว” ที่”ชัดเจน” และ”หนักหนาสาหัส” ขึ้นทุกขณะ คือความ”ขัดแย้ง” ที่เกินกว่าคำว่า”ระหองระแหง” ระหว่าง”พรรคเพื่อไทย” กับ”พรรคภูมิใจไทย” ที่”ล่าสุด” อดีตนายกรัฐมนตรี”ทักษิณ ชินวัตร” ออกมา”เอ่ยปาก”จะยึด”กระทรวงมหาดไทย” จาก”พรรคภูมิใจไทย” และยัง”เอ่ยปาก”ว่า”มหาดไทย” ทำงานยังไม่”เต็มที่” นี่ไม่เรื่อง”โยนหินถามทาง” ไม่ใช่เรื่องการ”บอกใบ้” แต่เป็นเรื่องที่”บอกตรงๆ” ให้ทั้ง” เสี่ยหนู” และ”ครูใหญ่” ได้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้”เตรียม” ว่าหลังการ”ปรับ ครม.” ที่จะเกิดขึ้นหลังการ”ผ่านกฎหมายงบประมาณ ปี 2569” แล้ว”พรรคภูมิใจไทย””ยังจะอยู่”กับ”พรรคเพื่อไทย” ในฐานะพรรคการเมืองที่ต้อง”กินน้ำใต้ศอก” หรือจะ”บ้ายบาย” ไปเป็นอยู่กับ”ฝ่ายค้าน”ให้”ตัดสินใจ” ล่วงหน้า…..ก็ต้อง”ติดตาม” ความ”เคลื่อนไหว” ของ”ครูใหญ่” และ”เสี่ยหนู”  อนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “เสนาบดี” กระทรวงมหาดไทย ว่าจะ”ยินยอม” ให้”พรรคเพื่อไทย” ทำการ”ยึด” มหาดไทย ที่เป็น”กระทรวงใหญ่” และยอมที่จะไปเป็น”เสนาบดี” ใน”กระทรวงอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็น”กระทรวงบ๊วย” หรือไม่ หรือ” ครูใหญ่” และ”เสี่ยหนู” จะ”แก้เกม” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ที่ยิ่งนับวันยิ่งทำตัวให้”สังคม” ได้รับรู้ว่า เป็น”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” และเป็น”นายกรัฐมนตรีตัวจริง” อย่างไร เพราะ”เสี่ยใหญ่”ของ”พรรคภูมิใจไทย” ไม่ใช่”ตะเกียงขาดน้ำมัน” แต่มีความ”พร้อมสรรพ”ของ”กำลังรบ” ทั้ง”ใต้ดินและบนดิน”  ดังนั้น วันนี้จึงยังไม่ใช่”บทสรุป” ว่า”ภูมิใจไทย” ต้อง”สยบยอม” ภายใต้”อุ้งมือ” ของ”ทักษิณ ชินวัตร”

อ่าน”หมากการเมือง”ของ”ผู้มีอำนาจนอกพรรคเพื่อไทย” ก็จะเห็น”ชันเจน” ว่า แม้แต่การใช้”ดีเอสไอ” เพื่อ” จัดการ” กับ” กลุ่ม “สว.สีน้ำเงิน” ในคดี”ฮั้วเลือกตั้ง” และการ”ฟอกเงิน” ก็เป็นการ”เดินเกม” ในการใช้”สว.เป็น”หมาก” ใน”กระดานหมากรุก” เพื่อให้ถึง”หมุดหมาย” ที่”พรรคเพื่อไทย”ต้องการนั้นการ”ยุบพรรคภูมิใจไทย” ที่”พรรคเพื่อไทย” มองว่าเป็น”พรรคคู่แข่ง” ใน”สนามการเมือง” และใน”สนามการเลือกตั้ง” ใน”สมัยหน้า” เพราะหาก”พรรคเพื่อไทย” ต้องการ”กวาดที่นั่ง” ใน”ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ให้ได้”เป็นกอบเป็นกำ” ก็คือต้องไม่มี”พรรคภูมิใจไทย” เป็น”คู่แข่ง” และ”วันนี้” กลุ่ม”นักการเมือง” ใน”พรรคภูมิใจไทย” ก็มองเห็น”สัญญาณ” ที่เกิดขึ้น จึงเกิด”ขบวนการงูเห่า” ขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่า “หนึ่งโหล”…..ดังนั้น สภาพของ”พรรคร่วมรัฐบาล” ณ วันนี้ จึงไม่มีการ”สนใจ” เรื่องของ”เศรษฐกิจ” เรื่องของ”ปากท้อง” เรื่องของความ”ทุกขเวทนา” ที่มาจาก”ข้าวยากหมากแพง” ของ”ประชาชน” ที่เป็นคน”ส่วนใหญ่” ของประเทศ เพราะ”พรรคการเมือง” ทุกพรรคที่เป็น”พรรคร่วม” ต่าง”แย่งชิงอำนาจ” และการ”ป้องกัน” อย่าให้”หลุด” จากการเป็น”พรรคร่วม” แม้ว่าจะอยู่อย่าง”กินน้ำใต้ศอก” ของ”พรรคเพื่อไทย”ก็ดีกว่าที่จะเป็น”ฝ่ายค้าน” ดังนั้น “ประชาชน” จึงไม่ได้ยิน”นักการเมือง”จาก”พรรคการเมือง” พูดถึง”ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน” ไม่มีการ”นำเสนอ” ว่าจะนำ”ประเทศชาติ” ออกจาก”หลุดดำ”ของความ”ขัดแย้ง” และการแก้ปัญหา” เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง”ของ”ประชาชน” เพราะ”ทุกพรรคการเมือง” ยกเว้น”พรรคประชาชน” ยังไม่พร้อมที่จะเห็นการ”ยุบสภา” เพื่อการ”เลือกตั้งใหม่” และที่สำคัญ”ทุกพรรคการเมือง” พยายามเร่ง”สะสมเสบียงกรัง”เพื่อความพร้อมในการ”เลือกตั้ง” อาจจะ เร็ว หรือ ช้า อยู่กับ”วิกฤต” ทาง”การเมือง” ที่”กลัดหนอง” และพร้อมที่จะเกิด”ฝีแตก” ทุกขณะ” อนาถนะ”ประเทศไทย” และ”ประชาชนไทย” ที่ต้องอยู่ภายใต้การ”บริหาร”ของ”รัฐบาล”ที่”ไร้เสถียรภาพ” และ”ไร้ประสิทธิภาพ” ทั้งของ” ผู้นำประเทศ” และ”เสนาบดี”ของ”แต่ละ”กระทรวง” “ อัตตาหิ อัตโนนาโถ” ท่องเอาไว้ สำหรับ”ประชาชน”ของ”ประเทศนี้”

เรื่องความ”ขัดแย้ง” ในเรื่องของ”เขตแดนไทย-กำพูชา” ทั้งด้าน”ช่องบก” และด้าน”ปราสาทตาเมือนธม”ซึ่งมีการ”ปะทะ”กันด้วย”กำลังอาวุธ” เกิดขึ้นแล้ว “ข่าวสาร” ของฝั่ง”กัมพูชา” ผู้นำประเทศโดยเฉพาะ”พ่อผู้นำ” อย่าง”ฮุนเซ็น” ประกาศ”กร้าว” ไม่มีการ”ถอนทหาร” และมี”ภาพ-ข่าว” การ”เพิ่มทหาร” และ”อาวุธ” เข้า”ที่มั่น” ใน”แนวชายแดน” ที่มีการ”ปะทะ” และมีกรณี”พิพาท” อย่าง”คึกคัก” ในขณะที่”ฝ่ายไทย” มีแต่ข่าว”ไม่สู้ดี” เช่น”รัฐบาล” สั่งให้มีการ”ถอนทหาร” จาก”พื้นที่พิพาท” ข่าวความ”ขัดแย้ง” ระหว่าง”กองทัพ” กับ”รัฐบาล” ในกรณีการ”ป้องกันอธิปไตย” ของ”ประเทศชาติ” ใน”ชายแดน”ไทย-กัมพูชา” ที่ดูเหมือนว่า”รัฐบาลเพื่อไทย” จะ”อ่อนข้อ” ให้กับ”กัมพูชา” จนกลายเป็นเรื่อง”ดราม่า” ที่”ประชาชน” ออกมาแสดงความ”ไม่เห็นด้วย” และ”โจมตีรัฐบาล” ซึ่ง”เท็จ จริง” อย่างไรไม่มีใครรู้ ว่า”เป็นจริง” หรือ”เป็นเท็จ”…..เหตุผลคือ ณ วันนี้” คนไทยส่วนหนึ่ง” ไม่”เชื่อมั่น” ใน”รัฐบาลเพื่อไทย” เพราะไม่”เชื่อมั่น” คนของ”ตระกูลชินวัตร” ที่ถูกมองว่ามีความ”ใกล้ชิด”กับ”ตระกูลของ” ฮุนเซ็น” และมี”ธุรกิจ” ที่เป็น”ผลประโยชน์ทับซ้อน” ดังนั้นคำพูดของ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี” และคำพูดของ”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ”เสนาบดี” กระทรวงกลาโหม จึงไม่มี”น้ำหนัก” ให้”เชื่อถือ” ทั้งที่อาจจะเป็น”เรื่องจริง” นี่ต่างหากที่เป็น”วิกฤตศรัทธา” ระหว่าง”รัฐบาล”กับ”ประชาชน” ที่เกิดขึ้นหลัง”ทักษิณ ชินวัตร “ อดีต”นายกรัฐมนตรี กลับมา”เหยียบแผ่นดินไทย” สังเกตได้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นต้องมี”ทักษิณ ชินวัตร” เป็น”หัวเชื้อ”ที่”ลุกลาม”ดังนั้นตราบใดที่”คนไทยส่วนหนึ่ง” ยังมี”ความคิด” และ”ความรู้สึก” ที่”ไม่ดี”ต่อคนใน”ตระกูล ชินวัตร” ประเทศนี้จะไม่มีคำว่า”สงบสุข”

ที่สำคัญความ”ข้อแย้ง” หรือการ”พิพาท” ในแนวชายแดนที่ไม่ว่าจะเป็นที่”ตาเมือนธม” หรือ”ช่องบก” รวมทั้งการ”อ้างสิทธิ์” ในทะเลด้าน”เกาะกูด” จ.ตราด” ของ”กัมพูชา” ถ้า”กัมพูชา”ไม่ได้ดั่งที่”ต้องการ” เรื่องนี้ต้องมีการ”ฟ้องศาลโลก” โดย”กัมพูชา” ดังนั้นต้องถามว่า” รัฐบาล” และ”กระทรวงต่างประเทศ” รวมทั้ง”หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” มีการ”รับมือ” อย่างไร และในส่วนของ” กองทัพไทย”  และ”กองทัพบก” ที่มี”พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผบ.ทบ. มีความพร้อมแค่ไหนที่จะ”ปกป้องอธิปไตย” หากต้องมีการ”สู้รบ” เกิดขึ้น ซึ่ง “กัมพูชา” อาจจะเป็น”ประเทศ”ของ”มหาอำนาจ” ที่เป็น”สงครามตัวแทน” กับ”ประเทศไทย” ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

ดังนั้น วันนี้ของ”ประเทศไทย” จึง”อีรุงตุงนัง” ทั้งปัญหา”ความขัดแย้ง” ใน”พรรครัฐบาล” ปัญหา”เศรษฐกิจ” ปัญหา”ปากท้อง” ที่เป็น”ความเดือดร้อน” ของ”ประชาชน” ในทุก”หย่อมย่าน” ปัญหาการ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” ปัญหาความ”ขัดแย้ง” กับ”ประเทศเพื่อนบ้าน” ที่อาจจะไม่เฉพาะกับ”กัมพูชา” แต่อาจจะกับ”สปป.ลาว” และ”เมียนมา” ก็พร้อมที่จะเกิดได้ทั้งสิ้น ทั้งหมดเกิดที่”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตีผู้ไม่มี”ประสบการณ์” เกินที่จะ”รับมือ” ดังนั่นจึงอย่าได้”แปลกใจ”ที่จะมี”ยอดคุณพ่อ” อย่าง”ทักษิณ ชินวัตร” ผู้”ไม่มีหน้าที่” ต้องออกมา”สทร.”ในทุกเรื่อง เพื่อ“สร้างความมั่นใจ” ให้เกิดขึ้น โดยไม่ได้คิดถึงความ”ผิด ถูก”ใน แง่ของ”กฎหมาย” และในแง่ของ”ความถูกต้อง” ความ”ชอบธรรม”ทาง”การเมือง” และ”ธรรมาภิบาล” หลายครั้งที่”บริบท”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” คือการ”ด้อยค่า” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” ที่เป็น”นายกรัฐมนตรี” และเป็น”ลูกสาว” ของตนเอง เรื่องนี้”คนไทย” พอ”รับไหว” และ”เข้าใจ” ใน”บริบท”ของความเป็น”พ่อ ลูก” ที่ต้อง”เป็นบ่วงห่วงใย” และต้อง”ปกป้องสายโลหิต” แต่ใน”สายตา”ของ”ชาวโลก” ของ”ประเทศต่างๆ” เขา”มอง”ประเทศไทย” และมอง”รัฐบาล”อย่างไร” การที่เขาจะมา”เจรจาความเมือง” มา”เจรจาการลงทุน” เขาจะต้องไป”เจรจา”กับใคร ระหว่าง”นายกรัฐมนตรี”กับ”พ่อของนายกรัฐมนตรี” นี่คือความ”สับสนอลหม่าน” ของ”รัฐบาล” ชุดนี้ ที่ล้วนแต่”ฉุดรั้ง” ให้”ถอยหลัง”ไปสู่”จุดจบ” ที่เร็วขึ้น

หมดจากเรื่อง”การเมือง”มาสู่เรื่องของ”การบ้าน” เรื่องความ”เดือดร้อน”ของ”เกษตรกร” ใน”ภาคใต้” ที่ความ”เดือนร้อน” ไม่ได้อยู่กับเฉพาะ”เกษตร” ที่เป็นชาว”สวนปาล์ม” และ” สวนยางพารา” แต่ได้”ลุกลาม” มายัง”เกษตรกร” ที่”ทำสวน” ปลูกพืช ต่างๆ เช่น” ฟักแฟง แตงกวา พริกสดพริกขี้หนู มะเขือ มะนาว” ที่ วันนี้ ราคา”ตกต่ำ” ทั้ง หมด เช่น “พริกขี้หนูสวน” จาก”กิโลกรัมละ 200 “ วันนี้เหลือไม่ถึง 100 บาท “ฟักเขียว” และ”ฟักทอง” เหลือ”กิโลกรัมละ 3 บาท” แม้กระทั่ง”แตงโม” ที่จาก”ผลมีราคา”กำลังกลายเป็น”ของยิกแจก” เพราะ”ราคาไม่คุ้มทุน”…..ส่วน”เอกชน” ที่เป็น”เจ้าของฟาร์มไก่ไข่” ใน”ภาคใต้” ก็ได้รับความ”เดือดร้อน” อย่าง”สาหัสสากรรจ์” เพราะมี”ขบวนการนำเข้าไข่ไก่” จาก”ประเทศมาเลเซีย” เข้ามาทาง”ภาคใต้” ทั้งด้านชายแดน จ.นราธิวาส ที่ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.ตากใบ” วันละหลายคันรถบรรทุก10 ล้อ มี”โกดัง” ในการ”พักสินค้า” ที่” อ.เมืองยะลา เรื่องนี้”สุพจน์ เรืองรอด ณ หนองคาย” ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา” ช่วยออกโรง” สั่งการให้” หน่วยงานที่รับผิดชอบ” ทำการ”ตรวจสอบ” และ”จับกุม” ด้วยนะ….. ส่วนที่มีการ”นำเข้า” ทาง”ชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา ทั้งที่มากับ”รถบรรทุก 6 ล้อ” ผ่านทาง”ด่านสะเดา” และจาก”ฝีมือ”ของ”กองทัพมด” ผ่านทางชายแดนปาดังเบซาร์ ก็ฝากให้”โชตินรินทร์ เกิดสม” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา” แสดง”ฝีมือ” ใน”ฐานะ”ของ”พ่อเมือง” เพื่อช่วยเหลือ”ฟาร์มไก่ไข่” ในพื้นที่ของ” จังหวัดสงขลา” ที่ได้รับ”ผลกระทบ” ยอดขายหายไปแล้ว 30 %

เช่นเดียวกับ”ปศุสัตว์จังหวัดสงขลา และ”ปศุสัตว์เขต 9 “ ก็น่าจะถึงเวลาในการ”ออกโรง” เพื่อทำหน้าที่”ตรวจสอบ” เพราะ”ไข่ไก่” ที่มีการ”ลักลอบนำเข้าจากมาเลเซีย” อาจจะมี”เชื้อหวัดนก” ติดเข้ามา และหากมีการ”ระบาดเมื่อไหร่” เมื่อนั้นหมายถึง”หายนะ” ของธุรกิจการ”เลี้ยงไก่” ทั้ง”ไก่เนื้อ  ไก่ไข่” และที่”สำคัญ”  คือ”ประเทศไทย” ของเรา มีการ”ส่งออก” ทั้ง”ไก่ชำแหละ-แช่แข็ง” เป็น”อันดับต้นๆ” ดังนั้น ทั้ง “เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” และ”เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์” โดยเฉพาะ”เสนาบดีกระทรวงการคลัง” ที่ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ”กรมศุลกากร” มีการ”สอบถาม”ว่าทำไม”นายทวาร” ที่รับผิดชอบ”ด่านศุลกากร” จึงมีการ”ปล่อยปละ”ให้เกิด”ขบวนการนำเข้าไข่ไก่” จาก”มาเลเซีย” เข้ามา”ตีตลาด”จนทำให้”ฟาร์มไก่” ใน”ภาคใต้” เสียหายแล้วกว่า 2,000 ล้าน โดยเฉพาะ “ตลาดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” กลายเป็น”ตลาดไข่ไก่”ของ”มาเลเซีย”ไปแล้ว….ที่”สำคัญ” ไข่ไก่” เป็นสินค้าหากการ”นำเข้า” เช่นเดียวกับ” เนื้อวัว” รวมทั้งเป็น”สินค้าอันตราย” ที่อาจจะมี”เชื้อโรค” ที่เป็น”โรคติดต่อ”หรือ”โรคระบาด” จึงต้อง”ลักลอบ” เข้ามาเพียงอย่างเดียว และ ที่”น่าสังเกต” การ”ลักลอบนำเข้า” สินค้าภาคการ”เกษตร”จาก”มาเลเซีย” ไม่ได้มีเพียง”ไข่ไก่” แต่มีเรื่องของ”ปลากะพง” ที่ผู้”เลี้ยงปลากะพง” ใน”ภาคใต้” ก็ได้รับ”ผลกระทบ” และที่มีการ”ลักลอบ”ในการ”นำเข้า” อย่าง”เป็นล่ำเป็นสัน” คือ”มะพร้าว” จาก”ประเทศอินโดนีเซีย ที่มา”ทางเรือเดินทะเล” และนำ”ขึ้นฝั่ง” ในพื้นที่ อ.ตากใบ” จ.นราธิวาส ก่อนที่จะมีการ”บรรทุกรถยนต์ 10 ล้อ” ไปส่งให้”โรงงานอุตสาหกรรม”ใน”ส่วนกลาง” เรื่องนี้ก็ต้องฝากให้” ว่าที่”ร.ต.ตระกูล โทธรรม” ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส”แสดงฝีมือ” เพราะการ”จับกุมขบวนการ” ที่ขน”มะพร้าว” เป็นคันรถ 10 ล้อ คงไม่ยากเหมือนกับการ”จับยาเสพติด” นะท่าน …..ส่วน รถบรรทุกสินค้าหลบหนีภาษี ทั้งที่เป็น”มะพร้าว” เป็น”ไข่ไก่” เป็น”ปลากะพง” สามารถ”ผ่านโรงพัก” ทุกแห่งอย่างไร ทำไมจึงไม่”ถูกจับ” ทำไม”ตำรวจ” จึง”มองไม่เห็น” ประเด็นนี้ต้องฝากไปยัง” พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธ์เพชร์”  ผบ.ตร. ให้ทำการ”ตรวจสอบ”ด้วย

เรื่องของ”ไฟใต้” หลังจากที่”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฝ่ายความมั่นคง และ”เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” ลงพื้นที่ “ปัตตานี,นราธิวาส” เพื่อ”รับฟัง” ความคิดความเห็นปัญหาและอุปสรรค จาก “นายอำเภอ”และ”ผบ.พัน” หลัง”สหายใหญ่” หรือ”เสี่ยอ้วน” กลับไป สถานการณ์ของความ”รุนแรง” ก็ยังเกิดขึ้นเป็น”ระยะๆ” ในขณะที่”การจับกุม” ผู้ที่เป็น”แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ” ที่ยัง”หลบซ่อน” ในพื้นที่ โดยการนำของ” พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผบ.กอ.รมน.ภาค 4 และ”พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9. ยังเดินหน้าอย่าง”เข้มข้น” มีการ”ปิดล้อม-ตรวจค้น” พื้นที่”เป้าหมาย” ที่เป็นที่”หลบซ่อน” ของ”บุคคลเป้าหมาย” โดยจับได้ทุกวันๆละ หลายๆคน ล่าสุด “เจ้าหน้าที่” สามารถ”จับกุม” ผู้ที่เป็นผู้”สังหาร” นายกอาร์ม” หรือ”พิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม” นายกเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยการปลอมเป็น”ผู้หญิง” บุกเข้าไป”สังหาร” นายกอาร์ม” ถึงห้องประชุมในโรงงาน” แฮนด์ อิน แฮนด์” อย่าง”อุกอาจ” เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2567 คดีนี้ เป็นที่”สนใจ” ของ”ประชาชน” และ”ตำรวจ สปก.จชต.” ใช้เวลาในการ”สืบสวนกว่า 6 เดือน จนสุดท้าย”ปิดล้อม” จับกุมทีม”สังหาร”ได้ครบ 5 คน ขาดเพียง “ผู้บงการ” ที่ต้องรอการ”สอบสวน” กลุ่ม”แนวร่วม” ว่าจะ”ซัดทอด” ถึงตัว”ผู้บงการ”หรือไม่

เรื่องการ”ป้องกันเหตุ” ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยังไม่มี”ประสิทธิภาพ” เท่าที่ควร เพราะ”งานการข่าว” ยัง”เข้าไม่ถึง”ความเคลื่อนไหวของ”แนวร่วม” และ”กองกำลังในพื้นที่”ของ”บีอาร์เอ็น” เนื่องจาก” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” ที่เป็นผู้”รู้ดี” ว่าในหมู่บ้านใครเป็น”แนวร่วม” ยังไม่กล้าให้ความร่วมมือกับ”เจ้าหน้าที่รัฐ” และ”นายอำเภอ” ที่เป็น”ผู้บังคับบัญชา”โดยตรงของ” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” ก็ยัง”ไม่มีน้ำยา”ในการที่จะทำให้”กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” ให้ความร่วมมือกับ”ฝ่ายปกครอง” อย่าง”จริงจัง” รวมทั้ง”กำนัน –ผู้ใหญ่บ้าน” ก็กลัว”อันตราย” จาก”บีอาร์เอ็น” จึงทำตัวเป็น”ไม่รู้ไม่ชี้” กับ”สถานการณ์”ของ”ไฟใต้” ด้วยการ”รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” งาน”ป้องกัน”จึงไม่ประสบความสำเร็จ …. แต่ถ้าดูในเรื่องการ”จับกุม” ผู้”ก่อเหตุ” ก็จะเห็นถึงความ”สำเร็จ” เพราะมีการ”จับกุม” อย่าง”ต่อเนื่อง” และในการ”จับกุม” มีความพร้อมของ”หลักฐาน” ที่เป็น”พยานวัตถุ” ที่”ศาลเชื่อ” และสามารถ”เอาผิด” กับ”แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น”ได้ และการที่”แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ถูก” จับกุม” เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ “บีอาร์เอ็น” ต้องใช้ความ”รุนแรง” ในการ”ก่อเหตุ” เพื่อ”บีบ” ให้” ส่วนกลาง” สั่งการให้”เจ้าหน้าที่” หยุดการ”ใช้”ปฏิบัติการ”ใน”เชิงรุก” เพื่อลดการ”ก่อการร้าย”ของ”บีอาร์เอ็น” ซึ่ง”บีอาร์เอ็น” เคยใช้”กลยุทธ”นี้ได้ผลมาแล้ว ในหลายรัฐบาล  แต่ครั้งนี้” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” เดินหน้าในการ”ปิดล้อม-ตรวจค้น –จับกุม” โดยไม่”สนใจ” ใน”คำขู่” ของ”บีอาร์เอ็น” ในการที่จะ”ฆ่าครู-ฆ่าพระ-ประชาชน” ที่เป็น”กลุ่มเปราะบาง” ทำให้”บีอาร์เอ็น” เริ่ม”หันรีหันขวาง” เพราะ”แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ” ถูกจับทุกวัน ซึ่งเมื่อ”แนวร่วม” และ”กองกำลังหร่อยหลอ”ลงไปทุกวัน ย่อม”กระทบกระเทือน” กับการ”ขับเคลื่อน”ทั้งงาน”การเมือง” และ”การทหาร” อย่างแน่นอน ถ้า” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” มีแผนในการ”รักษาความปลอดภัย” ให้กับ”กลุ่มชาวพุทธ-ครู-พระ” ให้มีความ”ปลอดภัย” และ”เดินหน้า” ในการ”จับกุม” อย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้ จะสร้างความ”อ่อนแอ” ให้เกิดขึ้นกับ” บีอาร์เอ็น” ในพื้นที่

ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยในการ”เปลี่ยนม้ากลางศึก” ด้วยการย้าย “พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” เพราะไม่สามารถ”ป้องกันเหตุ”หรือ”ลดจำนวน”ของการ”เกิดเหตุ”ในพื้นที่ เพราะ”ปัจจัย”การก่อเหตุเพิ่มขึ้น มาจาก”หลายปัจจัย” โดยเฉพาะ”รัฐบาล” ที่ไม่มี”ยุทธศาสตร์” ที่”ชัดเจน” กับการ”ดับไฟใต้” และ”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ” สมช.”ที่ยังไม่มี”ยุทธศาสตร์” ที่”เป็นจริง” ในการ”ปฏิบัติ” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้”และ”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ “เสนาบดีกลาโหม” ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่อง”การพูดคุย” กับ”บีอาร์เอ็น” หรือไม่  “ปัจจัย”การที่จะ”พูดคุย”หรือไม่”พูดคุย” ต้อง”ชัดเจน” อย่าให้กลายเป็น”เงื่อนไข” ของการ”ก่อเหตุ” ด้วยความ”รุนแรง” ในพื้นที่ ดังนั้นการที่จะ”เปลี่ยนม้ากลางศึก” จึงไม่ได้ทำให้ “สถานการณ์” ของ”ไฟใต้” ดีขึ้นแต่อย่างใด แต่จะเป็นการ”เดินเข้าทาง” ของ”บีอาร์เอ็น” มากกว่า เพราะ”บีอาร์เอ็น” ต้องการให้มีการ”เปลี่ยนตัว” ให้มีการแต่งตั้ง”แม่ทัพภาค 4 “ ที่เป็น”สายเหยี่ยว” หรือ”ฮาร์ดคอร์” เพื่อให้มีการ”ใช้ความรุนแรง” มีการ”วิสามัญฆาตกรรม” เกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะ 8 เดือน ที่”พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” มาทำหน้าที่”แม่ทัพภาคที่ 4” ไม่มีการ”วิสามัญ”เกิดขึ้น ทำให้”การแห่ศพ” เพื่อ”ปลุกระดม” ของ”บีอาร์เอ็น” ไม่สามารถ”เดินหน้า” อย่าง”ต่อเนื่อง” ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือ”ยกระดับ” ในการ”รักษาความปลอดภัย” ให้กับ”ประชาชน” กลุ่ม”เปราะบาง” ให้ได้ และ”เดินหน้า” ในการใช้”กฎหมาย” เพื่อ”จับกุม” ทั้ง”แนวร่วม” และ”กองกำลังติดอาวุธ” อย่าง”ต่อเนื่อง” โดยไม่ให้”ราคา”กับ”คำขู่” ของ” บีอาร์เอ็น” สิ่งที่ต้อง”ระมัดระวัง” มีอย่างเดียวคือต้องใช้”กฎหมาย” ให้อยู่ในกรอบของ”กฎหมาย” ไม่มีการ”ละเมิด” หรือใช้”กฎหมู่” ที่ไม่ถูกต้อง เพื่อไม่ไปติด”กับดัก” ของ”ปีกทางการเมือง” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่มี”ภาคประชาชน–เอ็นจีโอ-กลุ่มสิทธิมนุษย์ชน ที่รอ”เงื่อนไข” ในการ”โจมตี” การ”ปฏิบัติการ”ของ” เจ้าหน้าที่” อยู่ตลอดเวลา

มาเลเซียมีการ”หยุดราชการ” หลายวัน เพื่อ”เฉลิมฉลอง”วันคล้าย”วันเกิดของอากง” ทำให้การ”ท่องเที่ยว”ของ”หาดใหญ่” จ.สงขลา มีความ”คึกคัก” อย่างยิ่ง  แต่ที่”น่าเกลียดน่าชัง” คือเรื่องของ”โรงแรม” ใน “หาดใหญ่” ที่ “ฉวยโอกาส” ในการ”ฟันค่าห้อง” จากราคา”ปกติ” คืนละ 1,500 บาท เป็น 3,000 บาท  สร้างความ”เดือดร้อน” ให้กับผู้ที่มาทำ”ธุรกิจ”ใน”หาดใหญ่” เรื่องนี้”สมาคมโรงแรมจังหวัดสงขลา” และ”สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยว” จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร และ หน่วยงานราชการ ที่รับผิดชอบ จะ ดำเนินการอย่างไรกับการ”ฉวยโอกาส” และการ”ค้ากำไร”แบบ”ไร้มาตรฐาน”ของ”ธุรกิจการท่องเที่ยว” อย่างไร ก็ขอฝาก” โชตินรินทร์ เกิดสม” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้ดำเนินการด้วย

นักการเมืองในภาคใต้ เป็นข่าว”ฉาวโฉ่” เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตั้งแต่การ”ใช้เงิน” จากการทำ”ธุรกิจสีเทา” ในการ”ซื้อเสียง” หลัก 140 ล้าน เพื่อการมาได้ของการเป็น” สส.” การ”สร้างเครือข่าย” บ่อนการพนันออนไลน์ ระหว่าง” เครือข่ายนักการเมือง” ทั้ง”ระดับชาติ” และ”ระดับท้องถิ่น” มีการ”เชื่อมโยง”กับ”ขบวนการค้ายาเสพติด” และการ  ”เหิมเกริม” ในการใช้”อิทธิพล” และการใช้”อำนาจเงิน” ในการซื้อ” ผู้รักษากฎหมาย” ทำผิด โดยไม่ต้อง”รับผิด” ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำร้าย”ลูกหนี้” และ”ประชาชน” ที่”ไม่ชอบหน้า” กลายเป็นเรื่อง”อื้อฉาว”ของ “จังหวัดสงขลา”….และ ล่าสุด เรื่อง”ฉาวโฉ่” ก็ ลุกลาม”ไปยัง”จังหวัดนครศรีธรรมราช” เมื่อมี”นักการเมืองใหญ่”ใช้”อำนาจบาตรใหญ่” ทำร้าย”ผู้รับเหมา” มีการ”แจ้งความ” ลง”บันทึกประจำวัน” ระบุชื่อ แซ่ ของ”ผู้แทนราษฎร” และ”สมาชิกสภาจังหวัด” ที่ สภ. ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช   หลังเกิดเหตุมีการ”วิ่งเคลียร์” ทั้งจาก” แม่ของนักการเมือง” และ”นายตำรวจระดับนายพล” ในพื้นที่ เพื่อ”บีบเจ้าทุกข์” ให้มีการ”ถอนแจ้งความ”…..เรื่องนี้ไม่ได้”แตกต่าง”กับเรื่องที่”สิรดนัย พลายด้วง “ สั่ง”ลูกสมุน” ทำร้าย”เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ที่ “จังหวัดสงขลา” แต่ทำไม”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” จึงมีความเป็น”สองมาตรฐาน” ในการ”ดำเนินคดี” เรื่องนี้ต้องถาม” พล.ต.ท.สุรพงศ์ ถนอมจิตร” ผบช.ภ.8 และ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์” ผบ.ตร. ว่าทำไมจึงไม่ใช้”มาตรฐาน”เดียวกันในการ”ดำเนินคดี” กับผู้ที่เป็น”นักการเมือง” ที่ทำผิดกฎหมาย ด้วยการ”ทำร้ายประชาชน” ให้เหมือกับที่”ทำร้ายตำรวจ”ที่ จ.สงขลา…..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก