วันอังคาร, 9 กันยายน 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง…จับตาโหวตนายกฯ คนที่ 32 ‘ชัยเกษม VS อนุทิน’

เริ่มที่เรื่อง”ร้อนๆ”  คือเรื่อง”การเมือง” ที่ร้อนเป็นปรอทแตก”  หลังจากที่”ศาลรัฐธรรมนูญ”โดย”ตุลาการ” เสียงข้างมาก จำนวน 6 ต่อ 3 มีคำ”วินิจฉัย”ว่า”คลิป”การ”สนทนา” ระหว่าง” แพทองธาร ชินวัตร”อดีต”นายกรัฐมนตรี” กับ”สมเด็จฮุนเซ็น “ ผู้นำ”ตัวจริง”ของ”ประเทศกัมพูชา”เป็นเรื่องผิด”จริยธรรม” อย่าง”ร้อยแรง” เป็นการ”ปิดฉาก” นายกรัฐมนตรี ที่นามสกุล”ชินวัตร” เป็นคนที่สาม จาก”ทักษิณ ชินวัตร” และ”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้เป็น”น้องสาว” และ”สุดท้าย”คือ” แพทองธาร ชินวัตร” ที่น่าจะเป็น”ชินวัตร” คน”สุดท้าย” ที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”  และ หลังจากนี้ใน”อนาคต” ต้อง”จับตา” ว่า” ตระกูลชินวัตร”จะมีการ”ขับเคลื่อน” ทาง”การเมือง” เพื่อให้มี”อำนาจ”ทาง”การเมือง”ต่อไปอย่างไร และจะให้”บุคคล” ใดมาทำหน้าที่”นอมีนี”เพื่อ”รักษาอำนาจ”เอาไว้ให้ได้ เชื่อเถอะ “ทักษิณ ชิวัตร” ยัง”ดิ้นรน” ที่จะ”ไปต่อ” เพื่อ”กุมอำนาจ” ทาง”การเมือง”ของ”ประเทศไทย” ต่อไป เรื่องการ”โยนผ้า”เพื่อ”ยอมแพ้” ไม่มีอยู่ใน”ดีเอ็นเอ” ของ” ทักษิณ ชินวัตร” อย่างแน่นอน ดังนั้นการ”ต่อสู้”และการ”ต่อรอง” ทาง”การเมือง” เพื่อ”จัดตั้ง ครม.” ชุดใหม่ จึงเป็นการ”ประดาบ” ที่”ถึงเลือดถึงเนื้อ” อย่างแน่นอน

เป็นผู้ที่มีความ”รวดเร็ว” ปาน”กามนิตหนุ่ม”ต้องยกให้กับ” เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวรรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ “ เคลื่อนไหว” ในการ”จับขั้ว” กับ”พรรคประชาชน” ของ”เสี่ยเท้ง” ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุธ” เพื่อ”จัดตั้งรัฐบาล” และ”จับมือกับ”พรรคกล้าธรรม” ที่เป็น”พรรคร่วมพรรคแรก” ที่”ดีด”ออกจาก”ขั้ว”ของ”เพื่อไทย” แบบมา”ทั้งพรรค” เป็นพรรคแรก ซึ่งไม่เกินความ” คาดหมาย” สำหรับการ”เล่นการเมือง” แบบ”ผู้กองธรรมนัส” เป็นการ”ชิงตัดหน้า”ในการ”จัดตั้งรัฐบาล”กับ”พรรคเพื่อไทย” ที่แม้จะมีการ”จับมือ” เพื่อ”แถลงข่าว” ในทันที ที่”แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจาก”ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” แต่เป็นการ”แถลงข่าว” และ”จับมือ”กันโดยขาด”พรรคกล้าธรรม” ในขณะที่” สุชาติ ชมกลิ่น” แกนนำกลุ่ม 18 เสียง ของ”พรรครวมไทยสร้างชาติ” ก็ขน”พลพรรค” ไปร่วมกับ”ภูมิใจไทย” กลายเป็นการ”จับขั้ว” ที่”ประชาชน” ให้ความ”สนใจ” และ”จับตามอง”ว่า”พรรคภูมิใจไทย” จะ”สามารถเป็นผู้”จัดตั้ง” รัฐบาลแทน”ขั้วเก่า” อย่าง”พรรคเพื่อไทย” ได้หรือไม่….เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็น”เสี่ยหนู” จาก”พรรคภูมิใจ” หรือ”เสี่ยอ้วน” จาก”พรรคเพื่อไทย” ใครจะ”มีชัย” ในการได้”เสียงข้างมาก” เพื่อการได้”สิทธิ์” ในการ”จัดตั้ง” รัฐบาลชุดที่ 32 ยัง”ไม่ง่าย” และยังต้องใช้”เวลา” เพราะ”พรรคการเมือง” ที่มีการ”จับขั้ว”กันแล้ว ยังสามารถ”พลิกขั้ว”ได้จนถึง”วินาทีสุดท้าย” อย่างที่”เสี่ยอ้วน” ยัง”คาดหวัง”ว่าจะ”สามารถ” ดึงเอา”พรรคประชาชน” มาเป็นผู้”สนับสนุนพรรคเพื่อไทย”เพื่อให้”พรรคเพื่อไทย” ได้เป็นผู้”จัดตั้งรัฐบาล” ซึ่ง”พรรคเพื่อไทย”เองก็ยังมี”จุดบอด” เพราะยังไม่สามารถ”ตกลงใจ” ว่า จะเอา”ชัยเกษม นิติศิริ” แคตดิเดต”นายกรัฐมนตรี ตาม”บัญชีรายชื่อ” หรือจะเอา”หัวหน้าพรรค” คนไหน ที่เป็น”แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีมาเพื่อเป็น”นอมินี”แทนคนของ”พรรคเพื่อไทย” เพราะ”ชัยเกษม นิติศิริ” ได้ออกมา”พูด”กับ”ผู้สื่อข่าว” ว่า ตนจะไม่เป็น”นายกรัฐมนตรี”ที่จะถูก”สั่งการ”ในเรื่อง นั้น เรื่องนี้  ซึ่งหาก”พรรคเพื่อไทย” ส่ง” ชัยเกษม นิติศิริ” เป็น” นายกรัฐมนตรี” โดยสามารถหา”เสียงข้ามมาก” มา”สนับสนุน” ใน”สภาผู้แทนฯ”ให้เป็น”นายกรัฐมนตรี”ได้สำเร็จ แต่ถ้า”ทักษิณ ชินวัตร” เข้ามา”กำกับ”และ”สั่งการ”ไม่ได้  นี่คือปัญหาที่”เจ้าของพรรคเพื่อไทย” คง”ยอมไม่ได้”

ที่”สำคัญ”พรรคที่เป็น”ตัวแปร” ในการ”จัดตั้งรัฐบาล” ครั้งนี้คือ”พรรคประชาชน”ที่”หัวหน้าเท้ง” มี”อำนาจ” ในการ”ตัดสินใจ” หรือผู้ที่มี”อำนาจ” ในการ”ตัดสินใจ”ในการ”สนับสนุนพรรคหนึ่งพรรคใดให้เป็น”ผู้จัดตั้งรัฐบาล”เป็น”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความ”ใกล้ชิด” กับ”ทักษิณ ชินวัตร” มาแต่”อ้อนแต่ออก” โอกาสที่” พรรคประชาชน” อาจจะ”พลิกขั้ว”ไป”สนับสนุนพรรคเพื่อไทย” อย่างที่”เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย” ให้ข่าวกับ”สื่อมวลชน” อาจจะไม่ใช่การ”คาดหวัง”ที่”ลมๆแล้ง”…. แต่การ”กลับไปกลับมา” ของ”พรรคประชาชน” ก็เหมือนกับการ”ฆ่าตัวตายทางการเมือง” ที่อาจจะ”ส่งผล”ต่อ”คะแนนเสียง”ของการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่” หากมีการ”ยุบสภาฯ” ตาม”เงื่อนไข” ของ”พรรคประชาชน” ที่เสนอต่อทั้ง”พรรคภูมิใจไทย” และ”พรรคเพื่อไทย” ที่มีอะไรที่”ลึกๆ” กว่านั้น แต่ สิ่งหนึ่ง ที่เป็น”สัจจธรรม” คือ”การเมือง”ไม่มี”มิตรแท้” และ”ศัตรูถาวร” เพราะ”บางพรรคการเมือง” เพิ่ง”ประณาม”กันมาหยกๆ วันนี้มีการ”ชื่นชม” อย่างมา”กระดากปากกระดากลิ้น” นี้คือ”การเมือง” ที่”ประชาชน” ต้องรู้”เท่าทัน”…..ที่”สำคัญ” เสี่ยอ้วน “ภูมิธรรม เวชยชัย” ซึ่ง”รักษาการนายกรัฐมนตรี” ยังมีการ”ประกาศ” ว่า”รัฐบาล” นี่ยังมี”อำนาจ”ในการ”บริหารประเทศ” อย่างเต็มที่ ทั้งการ”แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ” แต่ยังมี”อำนาจ” ในการ”ยุบสภา” ซึ่งเป็นการ”แก้เผ็ด” ไม่ให้”พรรคภูมิใจไทย” ได้เป็น”ผู้จัดตั้งรัฐบาล” และ”ปิดทาง”บนเก้าอี้”นายกรัฐมนตรี”ของ” อนุทิน ชาญวีรกุล”ก็ต้อง “ตรวจสอบ” และ”ติดตาม”ว่า”รัฐบาลรักษาการ” มี”อำนาจ” ในการ”ยุบสภาฯ”ได้หรือไม่ หาก”ไม่มี” และ”ยุบสภาฯไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้น และเรื่องการมี”อำนาจ” ในการ”ยุบสภา”ได้หรือไม่ได้ ก็ยังกลายเป็นเรื่อง”ฝุ่นตระลบ” เพราะ”นักกฎหมาย” ต่างมี”ความเห็น” ที่ไม่เหมือนกัน ในขณะที่”เลขาสำนักกฤษฎีกา” ออกมา”ฟันธง” ว่า “รัฐบาลรักษาการ”ไม่มี”อำนาจ” ในการ”ยุบสภาฯ

ดังนั้น ณ วันนี้”ประชาชน” อย่าง”เราๆท่านๆ” ต้อง”กราบวิงวอน” ต้อง”ขอร้อง” ให้”พรรคการเมือง” และ”นักการเมือง”ของ”ประเทศไทย” อย่าเห็นถึง”ประโยชน์ส่วนตน” ให้เห็นกับ”ประโยชน์ส่วนรวม” ช่วยกัน”ปลดล็อค” ประเทศไทย ให้มีการจัดตั้ง”รัฐบาล” โดยเร็ว เพราะ”ประเทศไทย” ณ วันนี้อยู่ใน”ภาวะ”ที่”ป่วยหนัก” ทั้งเรื่อง”เศรษฐกิจการค้าการลงทุน”ที่”บอบช้ำ”อยู่แล้ว และยิ่ง”บอบช้ำ”มากขึ้นจาก”นโยบายภาษีทรัมป์” ที่ วันนี้กำลังกลายเป็น”สูญญากาศ” หลังไม่มี”รัฐบาล”ที่”ถาวร” ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการ”เจรจา” เรื่องภาษี” จะ”ขับเคลื่อน”อย่างไร”ข้าราชการประจำ” นั้นหรือ “อย่าหวัง” เพราะทุกคนจะ”เกียร์ว่าง” ไม่มีใครที่จะ”เอามือไปซุกหีบ” เชื่อเถอะ….และเรื่อง”เศรษฐกิจ ปากท้อง เรื่อง สินค้าการเกษตร ที่”ข้าวเปลือก” ราคา”ร่วง”เหลือเกวียนละ 5,000 บาทแล้ว….และแม้แต่เรื่องข้อ”พิพาท” ใน”ชายแดนไทย-กัมพูชา” ด้าน”ตะวันออก” แม้ว่า”กองทัพ” และ”แม่ทัพภาคที่2 “ ยังสามารถ”ค้ำยัน” เพื่อมิให้”กัมพูชา”  ทำการ”รุกล้ำอธิปไตย”ได้อย่างแน่นอน แต่การที่ ประเทศไม่มี”นายกรัฐมนตรี”ที่”ถาวร” และไม่มี”เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” ก็กลายเป็น”ช่องว่าง” ซึ่ง เชื่อว่า”ฮุนเซ็น”จะใช้””ช่องว่าง” ที่เกิดขึ้น ดำเนินการในสิ่งที่”เป็นประโยชน์”กับ”กัมพูชา”ซึ่งต้อง”เกาะติด” การ”เคลื่อนไหว” ของ”ฮุนเซ็น” ว่าจะมี”อะไร” ที่จะสร้างความ”ได้เปรียบ”และ”เสียหาย” กับ”ประเทศไทย”

และในขณะที่มี”สูญญากาศทางการเมือง” จากการที่”รัฐบาล” มี”นายกรัฐมนตรีรักษาการ” คือเรื่อง”เกียร์ว่าง” ของ”ข้าราชการ” ที่ “นโยบาย” ของ”รัฐบาล”ที่ผ่านมาจะไม่มีการ”ขับเคลื่อน” จาก” ข้าราชการประจำ” เช่นเรื่องการ”ปราบปรามยาเสพติด” ให้”เด็ดขาด” ในเวลา 3 เดือน ตาม”คำสั่ง”ของ”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง” และ” เสนาบดี”กระทรวงมหาดไทย ก็จะเกิด”เกียร์ว่าง” ขึ้น  โครงการ”120” วัน เพื่อ”หยุด พืชกระท่อม” ของ” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็จะไม่มีความ”เข้มข้น” เหมือนกับ 2 เดือนที่ผ่านมา เพราะ”ข้าราชการประจำ” ต่าง”เงี่ยหูฟัง” ว่า ใครจะมาเป็น” นายกรัฐมนตรี” และ”เสนาบดี”จาก”พรรคการเมืองไหน” ที่จะมา”กำกับดูแลหน่วยงาน”ของตน และ นี้คือ”วัฒนธรรม”ของ”ข้าราชการไทย” ที่มีต่อ”การเมือง” และหาก”ครม.” ใหม่ ที่จะเกิดขึ้น ไม่มี”พรรคเพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” ในการ”จัดตั้งรัฐบาล” ก็หมายถึงการไม่มี”พรรคประชาชาติ” ใน”สมการ”ของ”รัฐบาล” นโยบาย”วาระพืชกระท่อม 120 วัน” ก็จะ”หยุดชะงัก” และที่อาจจะ”ติดตามมา”คือการ”ย้ายล้างบาง” ผู้”บริหาร”ของ”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือ” ศอ.บต.” ที่ถูกมองว่าเป็น”เครื่องมือ”ในการ”หาเสียง”ของ”พรรคการเมือง” และ”ประชาชน” ในพื้นที่เองก็ไม่”แฮ้ปปี้” กับ นโยบายของ “ศอ.บต.” ในการ แก้ปัญหาต่างๆ ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้”…..รวมทั้งเรื่องการ”ขับเคลื่อน”ในเรื่อง”ภาษีทรัมป์” ที่แม้ว่า”ประเทศไทย” จะได้สิทธิ์ในอัตรา”ภาษีส่งออก”ที่ 19 % ก็จริง แต่ทุกประเด็นปัญหา ยังไม่”สะเด็ด”น้ำ ยังมีรายละเอียด”ปลีกย่อย” อีกมามาย ที่จะต้องมีการ”เจรจา” มี”ข้อตกลง” ซึ่งในห้วงของ”รัฐบาลรักษาการ” เชื่อว่าจะเกิด”เกียร์ว่าง” เป็น”ขบวนการ” ทั้งหมดคือ”ผลกระทบ” ที่มีต่อ”เศรษฐกิจ” การลงทุน และ”ปากท้อง” ของ”ประชาชน” โดยเฉพาะ “ประชาชน” ส่วนใหญ่ที่เป็น” คนยากคนจน”

ส่วนที่น่าจะเป็น”ผลดี” กับ”หน่วยงานความมั่นคงจากการที่”การเมืองไทย” อยู่ในห้วงของ”สูญญากาศ” คือการ”แต่งตั้งโยกย้าย” ใน” กองทัพ” และใน”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ที่”นักการเมือง” จะเข้าไป”ก้าวก่าย” มากไม่ได้ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. “ น่าจะมีความ”ปลอดภัย” ในการได้”ไปต่อ” ในตำแหน่ง ผบ.ตร. จน”เกษียณอายุราชการ” ไม่ต้องถูก” ปลด” ให้ไปอยู่ที่”ทำเนียบรัฐบาล” อย่างที่”เป็นข่าว” ก่อนหน้าที่” แพทองธาร ชินวัตร” จะ”ตกกระป๋อง” กลายเป็น” อดีตนายกรัฐมนตรี”…..สำหรับ ตำแหน่ง” แม่ทัพภาคที่ 4” ที่เป็นตำแหน่ง”สำคัญ” ในการแก้ปัญหา”ความไม่สงบ”ใน” จังหวัดชายแดนภาคใต้” แต่”นักข่าวสายทหาร” ไม่เคยให้ความ”สนใจ” ว่า “ใครจะไปใครจะมาเป็น “แม่ทัพภาคที่ 4 “ คนใหม่ เพราะมีข่าวว่า “พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4” พร้อมที่จะ”อยู่ต่อ” และพร้อมที่จะไป”ติดยศพลเอก” ตามที่”กองทัพ”เป็นผู้”จัดให้” และมีข่าวที่”หนาหู” ว่า “แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่” จะไม่ใช่ทั้ง” เสธอ้วน” และ”เสธคิ้ว” 2 รอง แม่ทัพภาคที่ 4 ที่เป็น”คู่ชิง” แต่จะเป็น” รองแม่ทัพภาค ที่เป็น”เพื่อนร่วมรุ่นของ” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ที่จะมาเป็น” แม่ทัพภาคที่ 4 “ คนใหม่ เพราะ”ผบ.ทบ.” ต้องการเห็นความ”เปลี่ยนแปลง”ของ”กอ.รมน.ภาค 4” ในการ”ดับไฟใต้”…..และ”ปัญหา”ของการ”ดับไฟใต้” ที่มีการเตรียมการ”ขับเคลื่อน” การ”เจรจาสันติภาพ” หรือการ” พูดคุยสันติสุข” กับ” บีอาร์เอ็น” ก็จะถูก” เลื่อนยาง” ออกไปอย่างไม่มี”กำหนด” และไม่มี”ทิศทาง” เพราะต้องรอ “รัฐบาลใหม่” และหาก”รัฐบาลใหม่” ที่”เกิดขึ้น” มาอยู่”สั้นๆ” เพียง 4 เดือน  เพื่อการ”ยุบสภา” และกำหนดให้มีการ”เลือกตั้งใหม่” เรื่องการ” เจรจาระหว่าง” ตัวแทน”รัฐบาล” กับตัวแทน”บีอาร์เอ็น” ก็จะยังไม่”เกิดขึ้น” เป็นการ”ดับฝัน”ของ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก” ที่ถูกวางตัวเป็น” หัวหน้าคณะพูดคุย” ที่ยังไปไม่ถึง”ฝั่งฝัน” เช่นเดียวกับผู้ที่”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี แต่ตั้งให้เป็น”ที่ปรึกษา” เพื่อ”ขับเคลื่อน” การ”ดับไฟใต้” ที่ หลังการ”แต่งตั้ง” ยังไม่ได้”กระดิกตัว” เพื่อการ”ประชุม” ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง”ที่ปรึกษาฯทั้งคณะ”

ดังนั้นเรื่องของ”ไฟใต้” ก็ยังเป็นเรื่องของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ในการ”รับหน้าที่”แก้”ปัญหา” ตาม”แบบฉบับ” ที่”เป็นอยู่” ด้วยการ”ป้องกัน” การ”ก่อเหตุ”จาก”กองกำลังติดอาวุธ” ของ” บีอาร์เอ็น” ที่”ป้องกัน”ได้บ้าง” ป้องกัน” ไม่ได้บ้าง เป็นเรื่องการ”แก้ปัญหา” ที่เรียกว่า”ตามมีตามเกิด” เพราะ”รัฐบาล” หรือ”ส่วนกลาง” ไม่ได้”สนใจ” กับปัญหาของ”ไฟใต้” มานานแล้ว…..เรื่องการ”วางระเบิด วางเพลิง” โรงงานไฟฟ้าชีวมวล” ที่ อ.แว้ง และการ “วางเพลิง วางระเบิด” ที่มีต่อ”บริษัทเหมืองแร่เอเชีย จำกัด” ที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส มีการตั้ง”ประเด็น” การ”ก่อเหตุ” ได้ 2 ประเด็น”ประเด็นแรกเป็นการ”เรียกค่าคุ้มครอง” จาก” บีอาร์เอ็น” โดยผ่าน”ตัวแทน” ในพื้นที่”ซึ่งเป็น”ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น” ที่มี”อิทธิพล” และมีการ”แบ่งปัน” ผลประโยชน์กับ”บีอาร์เอ็น” ประเด็นที่ 2 มาจากการที่” ตำรวจศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้” ของ”บชภ.9” จับกุมยาเสพติด”รายใหญ่” ของ”จังหวัดนราธิวาส”จำนวน 900 กิโลกรัม ซึ่งเป็นของ”นักการเมืองระดับชาติ” จนกลายมาเป็น”ที่มา” ของการ”ตอบโต้” เจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการ”ก่อการร้าย” เช่น”ระเบิดคาร์บอมบ์” ที่”บ้านศาลาใหม่” อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และการ”วางระเบิด วางเพลิง” โรงงานทั้ง 2 แห่ง เป็นการ”เอาคืน” เพื่อที่จะ”เตือน” เจ้าหน้าที่ว่า ถ้ายัง”ยุ่ง”กับ”ยาเสพติด”ของ”ขบวนการค้ายาเสพติด” ใน”พื้นที่” อ.ตากใบ และ สุไหงโก-ลก” ตำรวจ ทหาร จะต้อง” ปวดหัว” กับการ”รับมือ” ความ”สูญเสีย” ที่เกิดขึ้น ทั้งกับ”เจ้าหน้าที่รัฐ” และนักลงทุน” ที่เป็น”เอกชน”…..และประเด็น”ยาไอซ์ 900 กิโลกรัม” ก็ส่งผลให้มีคำสั่งย้าย “พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง” ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส  จากการเซ็นคำสั่งย้ายโดย “พล.ต.อ.กิตต์รัฐ์ พันธุ์เพ็ชร” ผบ.ตร.” เพราะ ก่อนที่จะมีการ”สั่งย้าย” มีการ”สอบสวน สืบสวน” จนได้”หลักฐาน” ว่า”เกี่ยวพัน” กับ”ยาไอซ์” ที่ถูก”จับกุม” เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็น”หน้าที่”ของ” พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง” ที่จะต้องหา”พยาน หลักฐาน” เพื่อการ”พิสูจน์” ถึงความ”บริสุทธิ์” ว่าไม่ได้มีส่วน”เกี่ยวข้อง”ตามที่มีการ”กล่าวหา”…..ก่อนหน้านี้”พล.ต.ต.ไมตรี สันตยานุกุล” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส” ก็ถูก” พล.ต.ท. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ( บิ๋กโต้ง) ผบช.ภ.9. มี “คำสั่งย้าย” ให้มา”ช่วยราชการ” ที่” ศปก.จชต.” มาแล้ว ด้วยความ”อรึมครืม” เพราะไม่มีการ”แจ้งรายละเอียด” ว่าการ”ย้ายผู้การนราธิวาส” มาจากความ”ผิด”หรือ”บกพร่อง” ในเรื่องอะไร

มีข่าวจาก”ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซียว่า “มีการประชุมเพื่อเตรียมการ”ปิดท่าข้ามธรรมชาติ”ที่เป็น”ท่าข้ามทางเรือ”ของ”แม่น้ำสุไหงโก-ลก “ ที่เป็น”เส้นกันพรมแดนไทย-มาเลเซีย” ด้าน”รัฐกลันตัน ซึ่งมีอยู่จำนวน 250 ท่าข้าม ถ้า”เป็นจริง” นับเป็น”คุณูประการ” กับการแก้ปัญหา” ความมั่นคง” และ”ปัญหาของ”ขบวนการผิดกฎหมาย” ทั้งการ”ค้ายาเสพติด, แรงงานเถื่อน “และ สารพัด”ของ”สินค้าเถื่อน” ซึ่ง”หน่วยงานความมั่นคง”ของ”ประเทศไทย” ต้อง รีบให้ความ”ร่วมมือ” กับ”ทางการของ”รัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย เพราะการ”ปิดท่าข้ามธรรมชาติ” จำนวน 250 ท่า “ หน่วยงานความมั่นคง” เคยคิดและทำ แต่ทำไม่ได้ เพราะเพียงมี”ข่าว” ว่าจะ”ปิดท่าข้าม” หรือเรื่อง”สร้างรั้ว”กั้นระหว่าง”สองประเทศ” เพื่อแก้ปัญหา”การก่อการร้าย” และ”ขัดขวาง” ขบวนการ”ค้าของเถื่อน” ก็จะถูก” นักการเมือง” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” และกลุ่ม”สิทธิมนุษย์ชน” รวมทั้ง เอ็นจีโอ” จะออกมา”คัดค้าน” แสดงความ”ไม่เห็นด้วย” โดยอ้างว่า”ท่าข้ามธรรมชาติ” ที่เป็น”ท่าข้ามเถื่อน” เป็นเรื่องของ”วิถีชีวิต”ของคนใน”พื้นที่” ในการที่จะ”ข้ามไปข้ามา”ระหว่าง”สองประเทศ” โดยไม่ต้องผ่าน”กฎหมาย”เรื่องของการ”เข้าเมือง” วันนี้เมื่อการ”ปิดท่าข้าม” เริ่มจาก” รัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย “หน่วยงานความมั่นคง” ของ”ประเทศไทยต้องรีบ”เด้งรับ” เพราะคือ”โอกาส” ที่ดีที่สุดกับการ”แก้ปัญหา” ทั้งเรื่อง”ความมั่นคง” และเรื่อง”ขบวนการผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

2 เดือนก่อน มีการนำเข้า”ไข่ไก่” จาก”ประเทศมาเลเซีย โดยการ”ลักลอบนำเข้า” เพราะเป็น”สินค้า” ที่ไม่มี”พิกัด”ของการ”เสียภาษี” เป็นจำนวนมาก เพื่อ”ตีตลาด”ของ”ประเทศไทย”จน” สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข” ในภาคใต้ต้องมา”ร้องทุกข์”กับ”ผู้สื่อข่าว” หลังการ”ตีข่าว”  ทำให้”ศุลกากร” ด้าน อ.สุไหงโก-ลก และ ตากใบ จ.นราธิวาส มีการ”เข้มงวด” ทำให้การ”ลักลอบนำเข้าไข่ไก่” ยากมากขึ้น และมี จำนวนน้อยลง เพราะการ”ลักลอบนำเข้าไข่ไก่”ไม่ใช่เรื่องง่ายต้อง”นำเข้า”ทาง”รถบรรทุก” และต้องผ่าน”ประตู”ของ”ศุลกากร” ถ้า”ศุลกากร”ไม่”รู้เห็นเป็นใจ” ย่อมทำไม่ได้…. หลังการ”ลักลอบนำเข้าไข่ไก่” ลดความ”รุนแรงลง” สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่” พอใจและสามารถ”จำหน่ายไข่ไก่”ของ”ฟาร์มต่างๆในภาคใต้ได้”  วันนี้เกิด”ขบวนการนำ”ไก่ไข่” ที่เป็น” แม่พันธุ์” และ”หมดสภาพ”แล้ว ต้องส่งโรงงานชำแหละ” ลักลอบเข้า”ประเทศไทย” ทาง”ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ทำมากี่ร้อยครั้งแล้ว เพียงแต่ไม่มีการ”จับได้ไล่ทัน” จนเมื่อ”หลายวันก่อน” เจ้าหน้าที่” ตำรวจ”และ”ปศุสัตว์” และชุด”นาคราช” ของ”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ตั้งจุดตรวจ ในพื้นที่ สภ.คลองแงะ อ.สะเดา จ.สงขลา จับ”ไก่ไข่” จาก”มาเลเซีย”ได้ 1 คันรถบรรทุก 10 ล้อ เรื่องจึง”แดงขึ้น” ว่ามี”นายทุน” ที่เป็น”เจ้ใหญ่” ระดับ”หัวแถว” ใน”ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา” เป็น”เจ้าของ”ผู้นำเข้า”ไก่ไข่” จาก”มาเลเซีย”รายใหญ่ เรื่องนี้” อธิบดีกรมศุลกากร”กระทรวงการคลัง ต้อง”สอบถาม” นายด่านศุลกากรปาดังเบซาร์” ว่า”ไก่ไข่” ที่เป็น”สัตว์มีชีวิต”ที่ใช้”รถบบรุก 10 ล้อ” นำเข้ามา “ผ่านด่านศุลกากร”ได้อย่างไร เพราะเป็น”สินค้าห้ามเข้า” ที่ไม่มี”พิกัด”ของการ”เสียภาษี”

อีกเรื่อง เมื่อ 2 เดือนก่อน” เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และ ปกครอง” ของ อ.สะเดา จ.สงขลา สามารถ”ตรวจยึดโดรน”ที่”ทันสมัย” เป็น”โดรนทิ้งระเบิด”ได้จำนวน 2 ลำ ซึ่งถูก”นายทุน”ที่เป็น”กลุ่มจีนเทา” ทาง”ชายแดนภาคเหนือ”ของ”ประเทศไทย” เป็นผู้สั่งให้มีการ”ลักลอบนำเข้า” เพื่อขายให้กับ” กองกำลังติดอาวุธ บีอาร์เอ็น”….ต่อมาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ตำรวจ สภ.สะเดา จ.สงขลา โดยการนำของ พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม” ผกก.สภ.สะเดา ก็”ตรวจค้นรถยนต์” ของ”ชาวมาเลเซีย” ครั้งนี้ได้”อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 450 นัก ซองกระสุน 7 ซอง เพื่อ”นำเข้าประเทศมาเลเซีย” แสดงให้ว่ามีการ”ขบวนการค้าอาวุธ” เกิดขึ้น โดยมีกลุ่ม”จีนเทา” ที่”แตกทัพ” มาจากการ”ปราบปราม” ของ”เจ้าหน้าที่”ด้าน”จ.เมียวดี” ประเทศเมียนมา เข้ามา”สร้างเครือข่าย” จับมือกับ”ขบวนการผิดกฎหมาย” ที่ถือ”สัญชาติจีน” ใน”ประเทศมาเลเซีย เรื่องนี้ทั้ง”ตำรวจ,ทหาร,ปกครอง” ต้องมีการ”ร่วมมือกัน” เพื่ออย่าให้ “อาชญกรรมข้ามชาติ” ที่มี”กลุ่มจีนเทา”มายึด” หาดใหญ่” เป็น”ฐานบัญชาการ” และเป็น หน้าที่ของ”พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ “ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4. ที่จะต้อง”ใส่ใจ” และ”แก้ไข”…..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก