เป็นอันว่า”ปิดฉาก” และ”จบเกม” ในเรื่อง”การเมือง”ของ”พรรคเพื่อไทย”ที่เรียกว่าเป็น”หายนะ” ครั้งยิ่งใหญ่” ของ”พรรคเพื่อไทย” และของ”ตระกูลชินวัตร” ที่”ดาบแรก” คือ”แพทองธาร ชินวัตร” ต้องพ้นจากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” จากการ”วินิจฉัย”ของ”ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มีความ”ผิด” เรื่องของ”จริยธรรม” จาก”คลิปเสียง” การ”สนทนา” เพื่อ”ต่อรอง” ในเรื่อง”การเมือง” และเรื่องข้อ”พิพาท” ที่”ชายแดน ไทย – กัมพูชา ด้าน”ตะวันออก” ของ”ประเทศไทย…..และตามาด้วย”ดาบสอง” นั้นคือการที่”พรรคเพื่อไทย” ต้องพ้นจากการเป็น” แกนนำรัฐบาล” จากการที่”สภาผู้แทนราษฎร” มีการเลือก”นายกรัฐมนตรี” คนใหม่ หลัง”แพทองธาร ชินวัตร”พ้นจากตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ที่ทำให้”อนุทิน ชาญวีรกุล” หรือ”เสี่ยหนู” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” ได้เป็น”นายกรัฐมนตรี” คนที่ 32 ของ”ประเทศไทย” ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล มาจาก”พรรคประชาชน” ที่เป็นผู้”ตัดเกม”ทาง”การเมือง” โดยการ”ผลัก” ให้”พรรคเพื่อไทย” ไปเป็น”ฝ่ายค้าน” ด้วยการลง”มติ” ให้”อนุทิน ชาญวีรกุล” เป็น”นายกรัฐมนตรี” คนที่ 32 ของ”ประเทศไทย” โดยมี”พรรคร่วมฝ่ายค้าน”และ”งูเห่า” จาก”พรรคเพื่อไทย” ให้การ”สนับสนุน” จน”คะแนนเสียง” ทะลุไปถึง 300 กว่าคะแนน…..และ”ดาบสาม” คือการที่” ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ได้”พิพากษา” ให้”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” ผู้นำ”จิตวิญญาณ” ของ”พรรคเพื่อไทย” ผู้อยู่เบื้องหลังในการ”บริหารประเทศ” ของ”แพทองธาร ชินวัตร”และของ”พรรคเพื่อไทย” ต้องกลับไปเข้า”เรือนจำ” เพื่อ”รับโทษ”ด้วยการ”คุมขัง” เป็นเวลา 1 ปี เป็นไปตาม”ขบวนการยุติธรรม” ซึ่ง”ทักษิณ ชินวัตร” ได้ใช้”วิชามาร” ในการ”ตะแบง” โดยการใช้”ชั้น 14 ของ โรงพยาบาลตำรวจ” เป็นที่”คุมขังทิพย์” มาโดยตลอดจน” จนเป็นที่มาของการ”ฟ้อง” ให้”ศาลเอาผิด” กับ”ขบวนการตะแบง” จนทำให้”ทักษิณ ชินวัตร” ต้อง กลับไป”รับโทษ” ใหม่ และเป็น” สามดาบ” ในการ”ประหัตประหาร” ทาง”การเมือง” ต่อ”พรรคเพื่อไทย” และ”ตระกูลชินวัตร” ซึ่งเป็น”ตระกูล” ที่”ทรงอิทธิพล” ในทาง”การเมือง”ของ”ประเทศไทย” ตระกูลหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี ก่อนที่จะถึง”จุดต่ำสุด” ณ วันนี้…..ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่ายังจะมี”ดาบสี่”และ”ดาบห้า” ติดตามมาอีกหรือไม่” เพราะทั้ง”ทักษิณ ชินวัตร” และ”แพทองธาร ชินวัตร” ยังมี”คดี” ที่รอการ”พิจารณา”จาก”องค์กรอิสระ” อยู่อีกหลายคดี
ส่วน”การเมือง” นับต่อไปนี้ ก็ต้องติดตามด้วยความ”ระทึก” เพราะแม้ว่า” อนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” สามารถ”พลิกสถานะ” จาก”พรรคร่วมฝ่ายค้าน” มาเป็น”แกนนำ” ในการจัดตั้ง”รัฐบาล” และดำรงตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” แต่ก็เป็น”รัฐบาล” ที่มี”อายุสั้น” เพราะมาตาม”เงื่อนไข” ที่เป็น”ข้อตกลง” ระหว่าง”พรรคภูมิใจไทย”กับ”พรรคประชาชน” ที่เป็น”พรรคสนับสนุนหลัก”ในการ”โหวด” ให้” อนุทิน ชาญวีรกุล”ได้เป็น”นายกรัฐมนตรี” นั้นคือการมาเป็น”รัฐบาล” เพื่อให้”ยุบสภา” ในอีก 4 เดือนข้างหน้า เพื่อการ”เลือกตั้งใหม่” โดยให้มีการ”เลือก สสร.” เพื่อทำการ”แก้รัฐธรรมนูญ”……และเชื่อว่า”รัฐบาล”ที่มี”อนุทิน ชาญวีรกุล” ต้องไม่”บิดพลิ้ว”โดยไม่ทำตาม”สัญญา” หลังจากการจัดตั้ง”รัฐบาล” เพราะเป็น”รัฐบาล”ที่มี”เสียงข้างน้อย” ที่มี”พรรคร่วมฝ่ายค้าน” อย่าง”พรรคประชาชน”และ”พรรคเพื่อไทย” เป็น”เสียงข้างมาก” ที่สามารถ”ล้มรัฐบาล”ได้ทุกขณะ หากไม่ทำตาม”สัญญา” ที่ให้ไว้ต่อกัน……โดย”เบ็ดเสร็จ” จึง เชื่อได้ว่า” รัฐบาลใหม่” ที่มี”พรรคภูมิใจไทย”เป็น”แกนนำ” และมี”อนุทิน ชาญวีรกุล” เป็น”นายกรัฐมนตรี” อายุอานาม” ในการเป็น”รัฐบาล” ทั้งการเป็น”รัฐบาล”ก่อน”ยุบสภาฯ” และเป็น”รัฐบาล”หลังการ”ยุบสภาฯ” เพื่อการจัดให้มีการ”เลือกตั้งใหม่” รวมแล้ว “ศิริอายุ” น่าจะไม่เกิน 8 เดือน…… จึงเป็น”8 เดือน ที่”พรรคภูมิใจไทย” โดย”อนุทิน ชาญวีรกุล” ผู้เป็น”นายกรัฐมนตรี” ต้องมีแต่เรื่องของการ”ทำงาน” เพื่อแก้ไขปัญหาทุกปัญหาของ”ประเทศ” ทั้งเรื่อง”เศรษฐกิจ”ปากท้อง” เรื่องของ”ความมั่นคง” ใน”แนวชายแดน” ด้าน”ประเทศไทย-กัมพูชา” เพื่อสร้าง”ผลงาน” ก่อนที่จะมีการ”ยุบสภาฯ” เพื่อเข้าสู่”โหมด”ของการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่ ตาม”เงื่อนไข” ของการเข้ามาเป็น”รัฐบาล” ในครั้งนี้”
ซึ่งหากดู”รายชื่อ”ของ”ผู้ที่เป็น” บุคคลภายนอก” ที่ถูก”เทียบเชิญ” ให้มาเป็น”รัฐมนตรี” ใน”กระทรวง”สำคัญๆ” ไม่ว่าเป็น”กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ,กระทรวงพาณิชย์, และ”กระทรวงพลังงาน” ที่”คนส่วนใหญ่” เห็น”รายชื่อ”แล้วคงไม่มีใคร”ร้องยี้” และถูกตั้งข้อ”สงสัย” ว่ามาเพื่อต่างตอบแทน” หรือร่วมกัน”หาประโยชน์” และโดย”เงื่อนไข” และ”ข้อเท็จจริง” ของ”รัฐบาลอายุสั้น” ที่เป็น”รัฐบาลเสียงข้างน้อย” โอกาสที่จะ”หาประโยชน์” แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้…..ดังนั้นแม้แต่เรื่อง”ที่ดินเขากระโดง” ที่อยู่ระหว่างการ”ดำเนินการ” ในการ”ตรวจสอบ” และ”ยึดคืน” ให้กับ”การรถไฟ” แม้ว่า” อนุทิน ชาญวีรกุล” “จะเป็น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย” ก็ไม่สามารถที่”ดึงดัน” ในที่”ถูก”เป็น”ผิด” เช่นเดียวกับ”เรื่องของการ”ฮั้ว สว.” ที่อยู่ระหว่างการ”ดำเนินการ”ของ”กกต. หรือ”คณะกรรมการการเลือกตั้ง” และของ”กรมสอบสวนพิเศษ” หรือ”ดีเอสไอ” ใครจะมาเป็น”รัฐมนตรี”ว่าการ”กระทรงยุติธรรม” ก็ต้อง”ดำเนินการ”ไปตามนั้น สิ่งที่”คนส่วนใหญ่” ต้องการเห็นคือ”ดีเอสไอ” ต้องไม่เป็น”เครื่องมือ” ของ”ฝ่ายการเมือง” เพราะที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของ”ดีเอสไอ” มีการมองว่า”รับใช้” ฝ่ายการเมืองที่มี”อำนาจ”เหมือนกับมี”ใบสั่ง” เพื่อที่จะ”ล้ม”พรรคการเมืองบางพรรค เพื่อ”หวังผล” ทาง”การเมือง” ในการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่” ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า” หลัง”พรรคเพื่อไทย” และ” ทักษิณ ชินวัตร” พ้นจาก”วงจร”ของ”อำนาจ” ทาง”การเมือง” คงจะไม่มี”ใบสั่ง” ทาง”การเมือง” ต่อ”องค์กร”ต่างๆ อย่างที่ผ่านมา……และ หลังจากนี้ไป ทุก”พรรคการเมือง” ทั้งที่เป็น”รัฐบาล” และที่เป็น”พรรคฝ่ายค้าน” คงต้อง”ลงพื้นที่” กลับไปหา”ประชาชน” เพื่อเตรียมการ”หาเสียง” ในการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่ หลายพรรคที่”หาเสียง” กับ”ประชาชน” ในการ”เลือกตั้ง” ครั้งที่แล้ว ซึ่งผ่านมาแล้ว 2 ปี แต่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่”ตกปากรับคำ” กับ”ประชาชน”เอาไว้ ก็ต้องไป”หาข้อแก้ตัว” กับ”ประชาชน” เพราะเวลาเพียง 2 ปี เชื่อว่า”ประชาชน” คง”จำได้” ว่ามีการ”ตกปากรับคำ” อะไรไว้
โดยเฉพาะ”พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งมี”เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นหัวหน้าพรรค และมี”เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ”นายกชาย” เป็น”เลขาธิการพรรค เป็น”พรรคการเมือง” ที่ถูก”จับตามอง” มากที่สุด เพราะในการ”เลือกนายกรัฐมนตรี” ครั้งนี้” มี” สส.” ที่เป็น”งูเห่า” ทั้งจาก”สงขลา, พัทลุง” และ”นครศรีธรรมราช” ให้การ”โหวด” เพื่อ”สนับสนุน”ให้”อนุทิน ชาญวีรกุล” ถึง 4 คน ซึ่ง แน่นอนว่า ในการ”เลือกตั้ง” ใน”ครั้งหน้า” ยังจะมี”สส.ภาคใต้” ของ”ประชาธิปัตย์”ทำการ”ลาออก” เพื่อไปอยู่กับ”พรรคภูมิใจไทย” อีกหลายคน และนอกจาก”พรรคภูมิใจไทย” จะเป็น”คู่แข่ง” สำคัญของ”พรรคประชาธิปัตย์” แล้ว ยังมี”พรรคกล้าธรรม” ของ”ผู้กองธรรมนัส” ที่มี”ความพร้อม” ในการส่ง”ผู้สมัคร” ลง”แย่งตำแหน่ง สส.”ของ”ภาคใต้” อีกหนึ่งพรรค เพียงแค่ “สองพรรค” ที่กล่าวถึง ก็น่าจะเป็น”ศึกกระหนาบ” ที่ทำให้”ประชาธิปัตย์” ต้อง”เสียพื้นที่” เสีย”สส.” ให้กับ”สองพรรคการเมือง”ดังกล่าว” ซึ่งมี”คอการเมือง” ประเมินว่า”ดีไม่ดี” สังคมจะได้เห็น”ประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่เคย”ยิ่งใหญ่” ใน”ปักษ์ใต้บ้านเรา” กลายเป็นพรรคที่มี”สส.ต่ำสิบ” เป็นครั้งแรก และ ครั้งนี้ จะเป็นอีกครั้งที่เป็นการ”พิสูจน์ฝีมือ”ของ”เดชอิศม์ ขาวทอง” ( นายกชาย ) เลขาธิการพรรคฯ ที่เป็น”แม่ทัพของภาคใต้” ว่าจะเอา”ตัวรอด” จาก”พายุการเมือง” ที่จะเกิดขึ้นในสนามเลือกตั้งของ”ภาคใต้” อย่างไร
อีกพรรคการเมืองที่เป็น”พรรคท้องถิ่นนิยม” อย่าง”พรรคประชาชาติ” ที่แต่เดิมมี”วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร” เป็น”หัวหน้าพรรค” และต่อมา” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เป็น”หัวหน้าพรรค” ที่มี”สส.ในพื้นที่”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”7 คน ในการ”เลือกตั้ง” ครั้งนี้” จะยัง”รักษาพื้นที่” ทั้ง 7 แขต ก็น่าจะ”หนักหนาสาหัส” เป็นอย่างยิ่ง” เพราะต้อง”เจอกับคู่แข่ง” จาก”พรรคกล้าธรรม”ของ”ผู้กองธรรมนัส” ที่”ขยายอาณาเขต” จาก”พี่น้องใน”ตระกูลมะยูโช๊ะ” จนอาจจะทำให้” สส.เพียงหนึ่งเดียว” ของ”พรรคประชาชาติ” อย่าง”ทนายแวยูแฮ” อาจจะถูก”สึนามิสีเทา” พัดหายไปก็ได้ ดังนั้น”โอกาส” ที่”พรรคประชาติ” จะได้”สส.เพิ่ม” ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” จึงไม่มี และโอกาสที่จะเห็น”สส.เพิ่มขึ้น” ใน”จังหวัดอื่นๆ ของ”ภาคใต้ตอนล่าง” ก็น่าจะเป็น”เป็นศูนย์” เพราะทั้ง “สงขลา” และ”สตูล” ใน”สองปี” ที่”ประชาชาติ” เป็น”พรรคร่วมรัฐบาล” มีการทำ”กิจกรรมทางการเมือง” น้อยมาก……ยอมรับว่า” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” มีความ”โดดเด่น” ในการทำ”กิจกรรม” ในฐานะของ”รัฐมนตรียุติธรรม” ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาของ”เรือนจำ” เพื่ออำนวยความ”ยุติธรรม” และในเรื่อง”เงินกู้ กยส.” เรื่อง”หนี้สิน”ของ”ประชาชน” กับ”สถาบันการเงิน” รวมทั้งเรื่องการ”ปราบปรามยาเสพติด” แต่เป็นความ”โดดเด่น” ที่เป็นเรื่อง”เฉพาะตัว” ที่ทำให้”คะแนนนิยม” ซึ่ง”พรรคประชาชาติ” คง”หวังผล” ในเรื่องของ”ปาร์ตี้ลิสต์” หรือ”สส.บัญชีรายชื่อ” ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่า จะเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
สำหรับ”คอการเมือง”แล้ว “สนามเลือกตั้ง” ที่ถูก”จับตามมอง” เป็น”พิเศษ”ใน”ภาคใต้คือ”สนามการเมือง”ของ” จ.สงขลา หลังจากที่”นิพนธ์ บุญญามณี” อดีต”คีย์แมน” ของ”ประชาธิปัตย์” ตัดสินใจ” นำทั้ง”ลูกชาย” สรรเพชญ บุญญามณี” สส.เขต 1 และ “สมยศ พลายด้วย” หรือ”โกถึก” สส. เขต 3 “คนดัง”ของ “สงขลา” เข้าร่วมกับ”พรรคภูมิใจไทย” และ””ศาสตรา ศรีปาน” สส.เขต 2 สงขลา ของ”พรรครวมไทยสร้างชาติ”ก็มีการ”ย้ายค่าย” มา”อยู่กับ”ภูมิใจไทย” เป็นเหตุให้”สส.ของ”พรรคประชาธิปัตย์” ที่เหลืออยู่” มีเพียง” สส.ในครอบครัว” ของ”เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ”นายกชาย” ใน 3 เขตเลือกตั้ง นั้นคือ” เขต 5 ที่”เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็น” สส. และเขต 6 ที่”สุภาพร กำเนิดผล” หรือ”น้ำหอม” เป็น” สส.” และเขต 9 ที่มี”ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง” เป็น สส. และ”เขต 8 ที่ “ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่” เป็น”สส.” ซึ่งเท่ากับว่า”ประชาธิปัตย์” จะมี”สส.สงขลา” เหลืออยู่เพียง 4 คน ซึ่งสำหรับ”พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่” พรรคการเมืองไหนก็คงจะโค่น” ลำบาก แต่ในพื้นที่”เขต 6 “ สงขลา” ที่” สุภาพร กำเนิดผล” หรือ”คุณนายน้ำหอม” เป็น” สส.2 สมัย” นั้น “ข่าวว่า “อนุกุล” พฤษานุศักดิ์” หรือ” เสี่ยโบ๊ต” แห่ง”พรรคกล้าธรรม” ที่”พ่ายแพ้” ต่อ” สส.น้ำหอม” มาแล้ว 2 ครั้ง” ยังไม่”ถอดใจยอมแพ้” ครั้งนี้ได้”สส.รุ่นพี่” อย่าง”ชนนพัฒน์ นาคสั้ว” สส.เขต 4 สงขลา “มือทำงาน” ของ”ผู้กองธรรมนัส” เป็น”พี่เลี้ยง” ที่ประกาศ”ทุ่มสุดตัว” ให้”เสี่ยโบ๊ต” เป็น” สส.” ให้ได้ ดังนั้นพื้นที่ของ”เขตเลือกตั้งที่ 6 “ จึงเป็นเขต”ประลองยุทธ” ที่”สำคัญ” ที่สุดสำหรับ”ประชาธิปัตย์” และ”เดชอิศม์ ขาวทอง” ผู้เป็น” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์” และพื้นที่ของ”เขต 9 สงขลา” ที่”ศักดิ์สิทธิ์ ชาวทอง” หรือ”สิงห์โต” ลูกชายของ”เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็น” สส.สมัยแรก” ของเขตนี้” ก็ยังไม่”ปลอดภัย” เพราะ”พรรคภูมิใจไทย” มีการ”เลือกเฟ้น” ผู้”สมัคร” มา”ลงแข่ง” อย่างแน่นอน อาจจะเป็น”จุรี นุ่มแก้ว” ที่เป็น”ดาวติ๊กต๊อก” หรืออาจจะเป็น”คนใกล้ตัวของ” โกถึก” สมยศ พลายด้วง” สส.เขต 3 สงขลา ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น การ”แข่งขัน” ระหว่าง”ภูมิใจไทย” และ”กล้าธรรม” ที่”จับมือ” เป็น”พันธมิตร” ทาง”การเมือง” ครั้งนี้” คงสร้างความ”กดดัน” ให้กับ”ประชาธิปัตย์” ในการ”รักษาพื้นที่” เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลัง”เดชอิศม์ ขาวทอง” ออกมา”แสดงความชัดเจน” ในทาง”การเมือง” เรื่องที่ดินเขากระโดง” และ”กรณีการ”ฮั้ว สว.” ต่อ”พรรคภูมิใจไทย” แบบการ”สะบั้นไมตรี” ดังนั้น”ประชาชน”ส่วนใหญ่” ที่เป็น”คอการเมือง”ของ”สงขลา” จึงอยากจะเห็นการ”ยุบสภา”ในเร็ววัน เพื่อต้องการดูการ”ต่อสู้” ระหว่าง”สามพรรคการเมือง” ใน”จังหวัดสงขลา”
จบเรื่อง”การเมือง” มาเรื่องของ”การบ้าน” กันบ้าง ก็”เห็นด้วย” กับการที่” กระทรวงกลาโหม” ได้มีการ”แต่งตั้ง” ให้” พล.อ.ณัฐพงศ์ นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม” เป็น”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” เพื่อทำหน้าที่”แก้ปัญหา” ข้อ”พิพาท” ชายแดนไทย-กัมพูชา” เพื่อความ”ต่อเนื่อง” ของ”ปัญหาความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่มีการ”เปลี่ยนม้ากลางศึก” เพราะเรื่องของ”พิพาท” ระหว่าง”ไทย-กัมพูชา” ต้องมีการ”เดินต่อ” แบบ”ไร้รอบตะเข็บ” การแต่งตั้ง” พล.ต.วีรยุทธ รักศิลป์ “หรือ”รองเติ่ง” รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น”แม่ทัพภาคที่ 2 “ เพื่อการ”สานต่อ” แนวทาง”ของ” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ต้อง”เกษียณอายุราชการ” เป็นเรื่องที่”ถูกต้อง” ของการ”รักษาอธิปไตย” และ”บูรณภาพแห่งดินแดน” ของ”ประเทศไทย” …..ปัญหาข้อ”พิพาท” ระหว่างไทย-กัมพูชา” ต้องใช้” นายทหาร” ที่มีความรู้ความสามารถ” ในการ”บริหารจัดการ” เพราะปัญหาของ”ไทย-กัมพูชา” ต้องจบที่การ”เจรจา” ทั้งในเรื่อง”แนวเขตแดน” และเรื่องการ”เปิดด่านชายแดน” ใน”ฐานะ” ที่เป็น”ประเทศเพื่อนบ้าน” ที่มี”อาณาเขตติดกัน” ซึ่งต้องดูว่าหลังจากที่”รัฐบาล”ของ”พรรคเพื่อไทย”พ้นจาก”อำนาจ” ทาง”การเมือง”ไปแล้ว “ฮุนเซ็น” และ”ฮุนมาเน็ต” สองพ่อลูก” ที่เป็น”ผู้มีอำนาจ” ของ”กัมพูชา” จะมี”นโยบาย” ในการแก้ปัญหา”แนวชายแดน” อย่างไร แต่ เชื่อว่าจะ”เปลี่ยนแปลง”ไปใน”ทิศทาง” ที่ดีขึ้น เพราะ การ”ปิดชายแดน”ของ”ประเทศไทย” ผู้ที่ได้รับ”ผลกระทบ” มากที่สุดคือ”ประเทศกัมพูชา” ที่เห็นได้ชัดคือ”แรงงานกัมพูชา” ที่มีการ”ลักลอบ” เข้าเมือง มากขึ้น เพราะการอยู่ใน”กัมพูชา” ต้องพบกับความ”อดยาก” เพราะไม่มี”งานทำ” และนี้อาจจะเป็นไม่ใช่”ปัญหา”ของ “กองทัพ” ที่ต้อง”สกัดกั้น” แรงงานเถื่อน ที่”หลบหนีเข้าเมือง” แต่เป็น”งานหนัก”ของ”กระทรวงแรงงาน” ที่มี”รัฐมนตรีแรงงาน” เป็น”สุภาพสตรี” อย่าง”ตรีนุช เทียนทอง” จาก”พรรคลุงป้อม”ที่ต้องมีการ”รับมือ” กับ”แรงงานเถื่อน” ชาว”กัมพูชา” ที่”หลบหนีเข้าเมือง”ได้”สำเร็จ” และมาเป็น”แรงงานเถื่อน” ใน”ประเทศไทย
ส่วนที่”ภาคใต้” เมื่อ”กองทัพ” โดย” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผบ.ทบ. ส่ง” พล.ต. นรธิป โพยนอก” รองแม่ทัพภาคที่ 2 มาเป็น” แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นการส่ง”เสือข้ามห้วย” จาก” กองทัพภาคที่ 2 “ มาเป็น”แม่ทัพภาคที่ 4 “ ก็ต้องติดตามดูว่า” พล.ต.นรธิป โพยนอก” จะมี”แนวทาง” อย่างไร กับการ”บริหารจัดการ”ในเรื่องของการ”ดับไฟใต้” ประเด็น”สำคัญ”คือ”ปัญหา”ของ”ชายแดนด้านตะวันออก” ระหว่าง”ไทย-กัมพูชา” เป็นความ”ขัดแย้ง” หรือการ”ทำการสู้รบ” กับ”ทหารต่างประเทศ” แต่การ”สู้รบ”ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นการ”สู้รบ” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” ที่เป็นคนในพื้นที่ ซึ่งมีความ”เห็นต่าง” ทางการเมือง และมีความต้องการ”แบ่งแยกดินแดน”เป็น”ความต่าง” ของ”ที่มา” ของ”ปัญหา”ที่” แม่ทัพภาค 4 คนใหม่” ต้อง”เข้าใจ” จึงจะทำการ”ตอบโจทย์”ได้อย่าง”ถูกต้อง”ทั้งหมดคือต้องมี”ยุทธศาสตร์” ที่”ชัดเจน”ของการ”ยุติไฟใต้”…..ที่ สำคัญคือการ”ป้องกันการก่อเหตุ”ที่ต้อง”ยอมรับ”ว่า ยังไม่มี”แม่ทัพคนไหน” สามารถ”ป้องกัน” ได้อย่าง”แท้จริง” เพราะยังไม่มีหน่วยงาน”การข่าว” หน่วยไหนของงานด้าน”ความมั่นคง” ที่”เข้าถึง”ขบวนการบีอาร์เอ็น” ในด้านงาน”การข่าว” ใน”เชิงลึก”ดังนั้นงาน”การข่าว” ของ”หน่วยงานความมั่นคง” จึงเป็นงาน”การข่าว” ที่”กว้าง” แต่ไม่”ลึก” พอที่จะเป็นประโยชน์ในการ”ป้องกันเหตุ” รู้ว่ามีการ”ลำเลียงระเบิด” ข้าม”พรมแดน” เข้ามา แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ามา”ทางจุดไหน” ของ”พรมแดน” รู้ว่าจะมีการ”ก่อเหตุ” ที่ไม่รู้ว่า”เป้าหมาย” ของการ”ก่อเหตุ”อยู่ตรงไหนและเป็น”อะไร” เป็น”ชคต. เป็น”ฐานปฏิบัติการ” หรือเป็น”ระเบิดแสวงเครื่อง” ที่มี”เป้าหมาย” ต่อ”กำลังพล” ของ”พื้นที่ไหน ดังนั้นการ”ป้องกันเหตุ” จึงไม่ได้ผลเท่าที่ควร
อีกเรื่องที่ต้อง”รับมือ” กับการ”เอาคืน” ซึ่งอาจจะเป็นการ”ต้อนรับแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่” นั่นคือการที่”แนวร่วม” ของ”บีอาร์เอ็น” ในพื้นที่ถูก”จับเป็น” จาก” “นโยบาย” ของ”พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ไม่มีนโยบายในการ”วิสามัญ” ซึ่งใน 1 ปี บน”ตำแหน่ง” ของ”แม่ทัพภาคที่ 4 “ ได้ร่วมมือกับ”ตำรวจ ศปก.ส่วนหน้า” จับกุม “แนวร่วม” ในหลายนะดับไปกว่า 150 คน และเป็น”คนร้ายตัวจริง” ที่สร้างความ”คับแค้น” ให้กับ”บีอาร์เอ็น” เป็นอย่างยิ่ง และอาจจะมีการ”ตอบโต้” เพื่อเป็นการ”ระบายความแค้น” หลังการ”เปลี่ยน” ผู้ที่มาทำหน้าที่”แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่” ตามวิธีการของ”บีอาร์เอ็น” ระวังป้องกันเอาไว้ก่อนก็จะได้ไม่เกิดการ”สูญเสีย”
คดียิง”โกซาน” หรือ”ประเสริฐ คณานุรักษ์” เจ้าของ”ล้งทุเรียนรายใหญ่”ของ”จ.ยะลา เหตุเกิดที่ “ล้งทุเรียนอัยเยอร์เวง” อ.เบตง จ.ยะลา เป็น”เรื่องใหญ่” ที่” พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ต้องเร่ง”สะสาง” ถึง”ปม”ของการ”สังหาร” ว่า ผู้”บงการ” ในการ”ปลิดชีพ”ของ”โกซาน” คือใคร เป็น”เจ้าแม่” ที่เป็น”คู่แข่ง” เรื่องของ”ล้งทุเรียน” หรือเป็น”กำนัน” ที่เป็นผู้”บงการ” ซึ่งมีการ”ขัดผลประโยชน์” ที่”โกซาน” รับซื้อ”ทุเรียน”จาก”เจ้าของสวน” ในราคาที่”แพงกว่า” กิโลกรัมละ 1-2 บาทใช่หรือไม่ หรือเป็นเรื่อง”ชู้สาว” แต่ที่”น่าสนใจ” คือ” มือปืนสไนเปอร์” เป็นคนใน”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ใช่หรือไม่ เรื่องการ”ปลิดชีพโกซาน” เป็นเรื่องใหญ่ ที่”ตำรวจ” ต้องมี”คำตอบ” ให้กับ”ประชาชน”โดยเร็ว…..และอีกเรื่องที่ต้อง”ติดตาม” คือเรื่อง”มติ ครม.” ก่อน”นัดสั่งลา”ของ”เพื่อไทย” ที่มีการ”โยกย้าย” ข้าราชการในหลาย”สังกัด” และหนึ่งในนั้นคือการ”โยก” พ.ต.ท.วรรณพงษ์” คชรักษ์” จาก”เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้”หรือ” ศอ.บต.” มาทำหน้าที่”ปลัดกระทรวงแรงงาน” นั้น มีข่าวจาก”วงใน” ว่า อาจจะไม่มีการ”ดำเนินการ”ต่อโดย”รัฐบาล”ชุดใหม่ ถ้าเป็นอย่างนั้น”พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์” และ”คนอื่นๆ ที่อยู่ใน”มติ ครม.เดียวกัน ก็ต้องอยู่ใน”ตำแหน่งเดิม” ก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมา” ศอ.บต. ภายใต้การนำของ”พ.ต.ท.วรรณพงษ์” คชรักษ์” ขยันขันแข็ง ในการ”ปราบปราบยาเสพติด” โดยเฉพาะ”พืชกระท่อม” ซึ่งเป็นความต้องการของ”ประชาชน” ที่ต้องการให้”พืชกระท่อม” และ”การ”ขายน้ำกระท่อม” หมดไปจาก”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่ “ศอ.บต.” ทำได้ผล ก็ให้ทำต่อไป เพราะนี่คือ”ผลงานชิ้นโบว์แดง” ของ”ศอ.บต.” แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
ไชยยงค์ มณีพิลึก