วันเสาร์, 2 สิงหาคม 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง…หรือ ‘ทักษิณ’จะสิ้นมนต์ขลัง? เหมือนยาดีที่หมดอายุ

เป็นห้วงเวลาที่”การเมือง”เข้าสู่”โหมด” ของความ”ระทึก” เพราะมีเรื่องที่”รัฐบาล” ต้อง”รอลุ้น” ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง”คดีความ”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งเรื่องของ”ชั้น 14 “ และเรื่องของ”112 “ ในเดือน”สิงหาคม” ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากฟังจาก” ทักษิณ ชินวัตร” ที่ไม่ว่าจะตอบ”คำถาม”ของ”นักข่าว” จะเห็นถึงความ”มั่นใจ” ว่าจะ”รอดพ้น” ทั้งเรื่อง”คดีความ” ทั้ง “ชั้น 14 และ”112 “ โดย”เจ้าตัว” บอกว่า”ไม่ได้ทำผิด” แต่นั่นเป็นเรื่องความ”มั่นใจ”ของ”ทักษิณ” แต่ในมุมของ”กฎหมาย” อาจจะไม่เป็นอย่าง”มุมมอง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ก็เป็นได้ และหากไม่เป็นอย่างที่”ทักษิณ” คือ ผลกระทบต้องเกิดขึ้นกับ”รัฐบาล” ที่มี”เพื่อไทย” เป็น”แกนนำ” เพราะเป็นที่”รู้กัน” ว่า ”รัฐบาล”นี้ มี”ทักษิณ ชินวัตร” เป็น” นายกรัฐมนตรี” ที่เป็น”ตัวจริง” และการได้”ฟัง” การแสดง”วิสัยทัศน์” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ผ่านทาง”เนชั่นทีวี” และ”ช่อง 9 อสมท. ก็จะให้รู้ว่าการที่” รัฐบาล” ไม่สามารถแก้ไข”วิกฤตเศรษฐกิจ” ของ”ประเทศไทย” ได้นั้น เนื่องจาก” วิสัยทัศน์” ในเรื่อง”เศรษฐกิจ” ของ” ทักษิณ ชินวัตร” เป็น”วิสัยทัศน์” เดิมๆ และยังมอง”ปัญหา”ของ”ประเทศไทย”เมื่อ 17 ปี ก่อน ที่ตนเองเคยเป็น” นายกรัฐมนตรี”  ถ้าเปรียบ”ทักษิณ ชินวัตร” เป็น”ยารักษาโรค” ก็เป็นยาที่”หมดอายุ” แล้ว นั้นเอง ดังนั้นถ้ายังให้”ทักษิณ ชินวัตร” เป็น” นายกรัฐมนตรี” ตัวจริง” ในตำแหน่ง”เสมียนประเทศ”ตามที่”ทักษิณ ชินวัตร”แต่งตั้งให้ตนเอง รับรองได้ว่า”วิกฤตเศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไทย” จะไม่มีโอกาสในการ”ฟื้นคืน”

วันนี้”ประเทศไทยต้องหา”ทางออก” จาก”วิกฤตเศรษฐกิจ”โดยต้อง”อาศัย” ผู้นำด้าน”เศรษฐกิจ” ที่เป็นคน”รุ่นใหม่” ซึ่งมีอยู่”มากมาย” ใน”ประเทศไทย” เพียงแต่” รัฐบาล” ไม่นำมา”ใช้งาน”รวมทั้ง”กูรู” หรือผู้มี”ความรู้” เหล่านี้ ไม่ต้องการ”สังฆกรรม” กับ”รัฐบาล” ที่ไม่มี”เสถียรภาพ” มีแต่เรื่องของความ”ขัดแย้ง”และเป็น”รัฐบาลผสม”  ที่ทุกพรรคการเมือง มีแต่เรื่องของ”ผลประโยชน์ส่วนตน” มากกว่า”ผลประโยชน์”ของ”ประเทศชาติ” และ”ประชาชน”…..ส่วน”อนาคต”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายก”รัฐมนตรี” ที่ถูก”ศาลรัฐธรรมนูญ”สั่งให้”หยุดปฏิบัติหน้าที่” ในตำแหน่ง” นายกรัฐมนตรี” แต่ยังใช้”หลักการ”ของ”ศรีธนนชัย” ในการเป็น”รัฐมนตีกระทรวงวัฒนธรรม” เพื่อที่จะได้อยู่ใน”ครม.”ต่อไป  โดยมี”ความหวัง” ใน”ดิวลับ” ว่ามีเหตุให้”ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย” เรื่อง”คลิปลับ” ในการ”สนทนา” กับ”ฮุนเซ็น” ในทางที่”เป็นคุณ” เพื่อที่จะได้นั่งในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” ต่อไป นั้น ก็อย่างเพิ่ง”มั่นใจ” และหาก”ศาลรัฐธรรมนูญ” ตัดสินให้”แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแน่ง”นายกรัฐมนตรี” ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง”รัฐมนตรีวัฒนธรรม” รวมทั้งถูก”ตัดสิทธิ์”ทาง”การเมือง” เช่นเดียวกับ”เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งเป็น”ปิดเกม” ทาง”การเมือง”ของคนใน”ตระกูลชิน”จึงต้อง”จับตา”ว่า” “ทักษิณ ชินวัตร” ที่หาก”หลุดพ้น” จาก” คดีความ” ทั้งเรื่อง”ชั้น 14 และ 112 “ จะ”หยิบ”เอา”ใคร” มาเป็น” นอมินี” ของ”ตระกูลชิน” คนต่อไป…..เพราะใน”สายตา”และ”ความรู้สึก”ของ”คนไทย” จำนวมมาก ต่างมอง”ทักษิณ ชินวัตร” ใน”ภาพลบ” และยิ่ง”ลบ” มากขึ้นจากการออกมา”แฉ” ของ”ฮุนเซ็น”ที่เป็นการ”แฉรายวัน” ในเรื่องที่ไม่เป็น”มงคล” กับ”ทักษิณ ชินวัตร” และ”ประชาชน” ต่าง”เชื่อ” ว่าเป็น”เรื่องจริง” เพราะสังเกตว่า”ทักษิณ ชินวัตร” ก็ไม่ได้ออกมา”ตอบโต้” ว่าเป็นเรื่อง”ไม่จริง” เพียงแต่บอกกับ”สังคม”ว่า”อย่าไปเชื่อ” คนอย่าง”ฮุนเซ็น” ที่”หวังผล”ให้เกิดความ”แตกแยก” ของ”คนไทย”

เรื่องของ”ภาษีทรัมป์” ที่กำหนด”เพดานภาษี”การ”ส่งออก” สินค้าจาก”ประเทศไทย” ที่”36 %” ซึ่ง”รัฐบาลไทย” เป็น”รัฐบาล”ที่”ใจเย็น” ที่สุดในบรรดาของ”กลุ่มประเทศอาเซียน” เพราะ”ประเทศอื่นๆ” ไม่ว่าจะเป็น”เวียดนาม,อินโดนีเซีย,สิงคโปร์,มาเลเซีย, และ “สปป.ลาว” ต่าง”เจรจา”กันเป็นที่”เรียบร้อย” เหลือเพียง”ประเทศไทย” ที่ยังอยู่ระหว่างการ”เจรจาต่อรอง” โดยหวังว่าจะได้รับการ”ลดหย่อน” เช่นเดียวกับ”เวียดนาม” และ”อินโดนีเซีย” ซึ่งจะเป็น”ความหวัง” ที่”ลมๆแล้ง”หรือไม่ เพราะ”ประเทศไทย” ในระยะหลัง มีความ”ขัดแย้ง” กับ”สหรัฐอเมริกา” ในหลายเรื่อง”ทั้งเรื่องของ”สิทธิมนุษย์ชน” เรื่องของการส่ง”อุยกูร์” กลับ”ประเทศจีน” ดังนั้น”สหรัฐอเมริกา” อาจจะไม่”ผ่อนปรน”ในเรื่อง”กำแพงภาษี” อย่างที่”ผ่อนปรน” ให้กับ”เวียดนาม,สิงคโปร์” และ”อินโดนีเซีย” ก็ได้ ….. หรือถ้าจะได้การ”ผ่อนปรน” อย่างที่”ประเทศเพื่อนบ้านใน”กลุ่มอาเซียน” ประเทศไทย อาจจะต้องตกเป็น” เบี้ยล่าง” ต้อง”ยอม” ที่จะทำในสิ่งที่” สหรัฐอเมริกา”ต้องการ เช่น” และอาจจะเป็น”ดิวลับ” ที่”คณะ”เจรจา” ไม่ได้บอกกับ”ประชาชน” ให้รับทราบ และจะกลายเป็น”ปัญหา” ที่ตามมาใน”อนาคต” เรื่องนี้” คณะเจรจา” ที่มี”พิชัย ชุณหวชิร” รองรายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และ”เสนาบดีกระทรวงการคลัง” ต้องไม่”หมกเม็ด” ใน”รายละเอียด” ของ”ข้อตกลง”

ที่ สำคัญ” หาก”สหรัฐอเมริกา” มีการ”ผ่อนปรน” ใน”อัตราภาษี” ที่เท่ากับที่ให้” อินโดนีเซีย,เวียดนาม” หรือ”สิงคโปร์” ก็ต้องถามต่อไปว่า”ประเทศไทย” จะ”รับมือไหว”หรือไม่ เพราะถ้า”เปรียบเทียบ” ในเรื่องอัตราการ”เติบโต” ทาง”เศรษฐกิจ” ของ”ประเทศเหล่านั้น” และ”ปัญหาเศรษฐกิจ” ของ”ประเทศเหล่านั้น”  ที่”ดีกว่า” ประเทศไทย เขาอาจจะได้รับ”ผลกระทบน้อย” และ”รับมือ”กับ”ปัญหาเศรษฐกิจ”ได้ เพราะเขา”เตรียมพร้อม” รวมทั้ง”มีแผน” ในการ”รับมือ” และ”แก้ปัญหา” ที่เกิดขึ้น แล้ว”ส่วน”ประเทศไทย” มีแผนอะไรบ้าง ในการ”รับมือ” และการ”ขับเคลื่อน” เพื่อเป็น”ทางออก”จาก”วิกฤติเศรษฐกิจ” ที่”รุนแรง”อยู่แล้ว และมีเรื่อง”ภาษีทรัมป์” เข้ามาเป็นการ”ซ้ำเติม ที่”สำคัญ” วันนี้ไม่มี”นักลงทุน” และ”นักธุรกิจ” เชื่อมั่นในการ”แก้ปัญหา” ที่เกิดขึ้น และนี้แหละคือ”หายนะ”ของ”ประเทศชาติ” อย่าง”แท้จริง”…..ใช่” ปัญหาเศรษฐกิจ”ของ”ประเทศคือเรื่องที่”ใหญ่สุด” ในขณะนี้ แต่อย่าลืมว่า “ปัญหาเศรษฐกิจ” ที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากปัญหาของ”การเมือง” ที่มีแต่ความ”ขัดแย้ง”การเมือง และ”รัฐบาล” ที่ไม่มี”เสถียรภาพ” เพียง 2 ปี มีการเปลี่ยน”นายกรัฐมนตรี” ถึง 2 คน และเป็นการ”เปลี่ยน” ที่ไม่ธรรมดา” เพราะถูก”ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งให้”หยุดปฏิบัติหน้าที่” เพราะมีความ”ผิด” ในด้านของ”จริยธรรม”ทางการเมือง  โดยเฉพาะ”แพทองธาร  ชินวัตร” ไม่ได้มีการ”ร้อง” ที่”ศาลรัฐธรรมนูญ” เพียงที่เดียว แต่มีการ”ร้อง” ต่อ”องค์กรอิสระ”อื่นๆ เช่น” ปปช.” และมีการ”แจ้งความ”ต่อ” ตำรวจ”อีกต่างหาก รวมทั้ง”รัฐบาล” ก็ถูกร้องให้”ตรวจสอบ” และ”เอาผิด” จาก”องค์กรอิสระ” ในเรื่องการ”บริหารประเทศ” ที่ถูกมองว่า”ผิดพลาด” อีกหลายเรื่องทั้งหมดคือ”กับดัก”ของ”รัฐบาล” ที่ทำให้”บริหารประเทศไม่ได้” และถ้ามุ่งแต่จะแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ” แต่ไม่มีการแก้ปัญหาของ”การเมือง” ที่เป็น”ต้นเหตุ” ก็คงจะ”แก้ไข” อะไรไม่ได้

เรื่องของ”ความมั่นคง” ใน”แนวชายแดน” ทุกด้านของ”ประเทศไทย” วันนี้เป็นเรื่องที่”ใหญ่มาก” ชายแดนด้าน”กัมพูชา” ที่”ล่าสุด” ทหาร”กัมพูชา” แอบ”เล็ดลอด”เข้ามาวาง”ทุ่นระเบิด” ในพื้นที่”ช่องบก” ชายแดน จ.อุบลราชธานี” นับ”100 ลูก” จนทำให้”ทหารไทย” ที่เข้าไป”ลาดตระเวน” ถึงกับ”ขาขาด” โดยที่”ทหารไทย” ไม่สามารถ”ตอบโต้” ในทาง”ยุทธการ”ได้ นอกจากการใช้”ช่องทาง” ในการ”ร้องเรียน” ว่า”กัมพูชา”ทำผิด”อนุสัญญาออสตาวา” ในเรื่องของ”ทุนระเบิด” ซึ่งเชื่อว่า”กัมพูชา” ไม่ได้”สะดุ้งสะเทือน” ต่อการ”เรียกร้อง” และ”ร้องเรียน” ของ”ฝ่ายไทย” อยู่แล้ว สิ่งที่”กองทัพภาค 2 “ต้องทำคือการ”ทำลายทุ่นระเบิด” ใน”แนวชายแดน” เพื่ออย่าให้เกิดความ”สูญเสีย”ของ”เจ้าหน้าที่ทหาร” ในการ”ลาดตระเวน เพราะ”สถานการณ์”ที่เกิดขึ้น ยังไม่ถึงขั้นในการ”ใช้กำลังทหาร” ในการ”เปิดศึกสงคราม”…..ในการทำ”สงครามจิตวิทยา” จะเห็นว่า”กัมพูชา” ส่ง”คนของเขา” เข้ามา”ก่อกวน” ในพื้นที่”ปราสาทตาควาย”และ”ตาเมือนธม” เป็น”ระยะๆ เพื่อเป็นการ”ยั่วยุ” ในขณะที่”ทหารไทย” ก็ไม่สามารถ “ปฏิบัติการ” ในการ”มิให้ประชาชน”จาก”กัมพูชา” เข้ามายัง”ปราสาทตาเหมือน” เหล่านี้ได้ เพราะแม้จะมีการบอกว่า”ปราสาทตาเหมือน” ทั้ง 4 แห่ง ใน จ.สุรินทร์เป็นของ”ประเทศไทย” แต่โดย”ข้อเท็จจริง”ยังไม่มี”รั้วกั้นชายแดน” ยังไม่มีการ”ปักปันเขตแดน” ดังนั้น”ทหารไทย” จึงยังต้อง”ยินยอม” ให้”ชาวกัมพูชา” ข้ามมายัง”ปราสาทตาเหมือน” ได้ตลอดเวลา และ”กัมพูชา” ก็จะสร้าง”สงครามประสาท” เพื่อ”แสดง”ความเป็น”เจ้าของปราสาท”เช่นเดียวกับการ”ประกาศของไทย”

ทางออกของ”ปัญหา” มี”ทางเดียว” คือ”ประเทศไทย” ต้อง”ประกาศเขตแดน” ที่”ชัดเจน” โดยไม่ต้อง”สนใจ” ใน”เอ็มโอยู 43 “ ด้วยการ”สร้างรั้ว” และ ส่ง”ทหาร”ไป”ประจำการ” ใน”เขตแดน”ของเรา” เพื่อการ”ยืนยัน” ว่า” ปราสาททั้งหมดเป็นของประเทศไทยเป็นการ”ยึดดินแดน”เอาไว้ก่อน ส่วนการ”เจรจา” ว่ากันใน”ภายหลัง” เพราะการ”เจรจา” โดยการใช้”แผนที่” คนละฉบับ” ย่อมที่จะหา”ข้อตกลง”ไม่ได้และความ”ขัดแย้ง” ในเรื่องของ”เขตแดน” ก็ได้”ส่งผล” ถึง”เรื่องของ”เศรษฐกิจ-การค้า “ เรื่องของ”แรงงาน” ที่เป็น”ผลกระทบ” ที่ตามมา แน่นอน”กัมพูชา” ได้รับ”ผลกระทบ” กว่า”ประเทศไทย” แต่ใน”ระยะยาว” หากปัญหาของการ”พิพาท”ในเรื่อง”เขตแดน” ไม่มีการ”แก้ไข” และมีการ”ทระทบกระทั่ง” ที่”รุนแรง” มากขึ้น ก็ต้องส่งผล”กระทบ” ในด้านอื่นๆ  ตามมา เพราะเรื่องการ”ปิดด่านพรมแดน” ไม่ใช่”ทางออก” จากการแก้ปัญหาที่”ถูกต้อง” นี้เป็นเรื่อง”ความมั่นคง”ของ”ชายแดนด้านตะวันออก” ส่วนแนวชายแดน”ด้าน”ตะวันตก” ที่ติดกับ”เมียนมา” ตั้งแต่”กาญจนบุรี”จนถึง”ระนอง” วันนี้กลายเป็น”ชายแดน” ที่ไม่มี”ทหารของเมียนมา” ประจำการอยู่เพราะถูก”กองกำลัง”ของ”ชนกลุ่มน้อย” หรือกลุ่ม”ชาติพันธุ์” ทำการ”ขับไล่” และ”ยึดพื้นที่”ได้เกือบทั้งหมด “ปัญหา” ที่ตามมาคือ”ชายแดนด้านตะวันตก” กลายเป็น”ช่องทาง” ของ”แรงงานเถื่อน” การลำเลียง”ยาเสพติด” การลำเลียง”พืชผลทางการเกษตร” ที่เป็น”ของเถื่อน” เข้ามาใน”ประเทศไทย” เป็น”ปัญหา”ของ”เจ้าหน้าที่” ในการ”ป้องกัน”และ”ปราบปราม” ซึ่งเป็นไปด้วยความ”ยากลำบาก” เพราะ”ช่องทางธรรมชาติ” ใน”แนวเขตแดน” มาอยู่เป็นจำนวนมาก เกิน”ขีดความสามารถ” ของ”เจ้าหน้าที่ทหาร” และ”ตำรวจตระเวนชายแดน” ที่ตั้ง”ฐานปฏิบัติการ” อยู่

ที่”สำคัญ”ซึ่งเป็นที่”รู้กัน” ว่า”กองกำลังชาติพันธุ์” ส่วนใหญ่มี”รายได้” ที่ใช้ในการ”สร้างกองกำลัง” และ”ซื้ออาวุธ” มาจากการ”ค้ายาเสพติด” และ การค้าอื่นๆที่”ผิดกฎหมาย” ถ้า”เมียนมา” เสียพื้นที่ให้กับ”กองกำลังชาติพันธุ์”ไปเรื่อยๆ และ”กองกำลังชาติพันธุ์” มีความ”เข้มแข็ง”มากขึ้น” อาจจะกลายเป็น”หอกข้างแคร่”จากการเป็น”รัฐกันชน” กลายมาเป็น”ศัตรู” ของ”ประเทศไทย” ก็เป็นได้ เช่นกัน นี่คือเรื่องที่”รัฐบาล” และ”กองทัพ” ต้องมี”สายตาที่ยาวไกล” ในการ”วางแผน” เพื่อ”รับมือ” กับ”ภัยความมั่นคง”…..เช่นเดียวกับเรื่องของ”กองกำลังว้าแดง”  หรือ”สหรัฐว้า” ที่ด้าน “จังหวัดแม่ฮ่องสอน” ที่มีการตั้ง”ฐานปฏิบัติการ” ที่”รุกล้ำ” เข้ามาใน”ดินแดน”ของ”ประเทศไทย” ที่ด้านของ”อำเภอปาย” ซึ่ง”ฐานปฏิบัติการที่ 7 “ อยู่ใน”ดินแดนของประเทศไทย” ส่วน”ฐานปฏิบัติการที่ 6 “ ตั่งอยู่บน”เส้นขตแดนของประเทศไทย” จนป่านนี้ “รัฐบาล” และ”กระทรวงกลาโหม” ยังไม่มีการ”สั่งการ” ให้”กองทัพ” ดำเนินการใดๆ กับการรุกล้ำชายแดน” ของ”สหรัฐว้า” มี่เพียงกำลังของ”ทหาร” ที่ไปตั้ง”ประจัญ” ด้วย”ปืนใหญ่” ในการพร้อมที่จะ”ผลักดัน” แต่”รัฐบาล” และ”กลาโหม” นิ่งเฉย กับ”ปัญหา” ที่เกิดขึ้น

ส่วน”ชายแดนด้านประเทศมาเลเซีย” แม้จะไม่มี”ปัญหา” การ”พิพาท” ในเรื่องของ”เขตแดน” แต่ก็มี”ปัญหา” ในเรื่องของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น”ที่ใช้”รัฐกลันตัน” และอีก”หลายรัฐ” ที่ติดกับ”ชายแดนไทย” ในการ”เป็นที่มั่น” เพื่อการ”แบ่งแยกดินแดน” มี”กองกำลังติดอาวุธ” ที่”อยู่ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ทำการ”ก่อเหตุ” ทั้งการ”โจมตี” เจ้าหน้าที่รัฐด้วย”อาวุธปืน” และ”ระเบิดแสวงเครื่อง”ต่อ”เจ้าหน้าที่รัฐ” และ”ประชาชน” ที่เป็นไทยพุทธ” และ”มุสลิม” ที่เป็น”มวลชน” ของรัฐ หลัง”ก่อเหตุ” ก็จะ”หลบหนี”ไปยัง”รัฐกลันตัน” และรัฐอื่นๆ ที่อยู่ติดกับประเทศไทย รวมทั้งมีการ”เคลื่อนย้าย” อุปกรณ์ในการประกอบ”ระเบิดแสวงเครื่อง” จาก”ประเทศมาเลเซีย” เข้ามาเพื่อใช้ในการ”ก่อวินาศกรรม” และ”ก่อการร้าย” ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ปัญหาของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นเรื่อง”เรื้อรัง” ซึ่ง”รัฐบาล”ของ”เพื่อไทย” เข้ามา”บริหารประเทศ”แล้ว 2 ปี แต่ไม่มีการ”จัดการ” กับ”ปัญหานี้แต่อย่างใด ….. จำได้ว่า หลายเดือนก่อน “ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” เป็นผู้”เสนอตัว” ในการ”ดับไฟใต้”ในฐานะ” ที่เป็น”ที่ปรึกษา” ของ”นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย” อันวาร์ อิบราฮิม” แต่ใน”ระยะหลัง” ไม่เห็นบทบามของ”ทักษิณ ชินวัตร”ในเรื่องของการ”ดับไฟใต้” และไม่เห็น”บทบาท” ของการเป็น”ที่ปรึกษา” ของ”นายกรัฐมนตรี”ของ”ประเทศมาเลเซีย”ที่จะเป็น”ประโยชน์” กับเรื่องของการ” จัดการ” กับ” บีอาร์เอ็น” ที่มี”ฐานที่มั่น” ในประเทศ”มาเลเซีย” แต่อย่างใด เพราะ”ปัญหา”ของ”ไฟใต้” ต้องอาศัย”ความร่วมมือ” จาก”รัฐบาลมาเลเซีย” ในการไม่ใช้ที่”พักพิง” หรือไม่ยินยอมให้”บีอาร์เอ็น” ตั้ง”ฐานที่มั่น” ในประเทศมาเลเซีย สุดท้าย ตำแหน่ง” ที่ปรึกษาของ”นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ก็ไม่ได้เป็น”ประโยชน์”กับการ”ดับไฟใต้” แต่อย่างใด

วันนี้” บีอาร์เอ็น” มีการ”ฝึกนักรบรุ่นใหม่” มีการ”จัดตั้ง” และให้”ปฏิบัติการ” ก่อเหตุร้าย เพื่อ”ทดแทน” กองกำลังติดอาวุธ”รุ่นเก่า” และมีการ”จัดตั้ง” มือปฏิบัติการที่เรียกว่า” พลแม่นปืน” หรือ”หน่วยสไนเปอร์” เพื่อ”ซุ่มโจมตี”  ตำรวจ,ทหาร และใน อนาคต อาจจะเป็น”หน่วยซุ่มยิง” เจ้าหน้าที่”ระดับสูง”ของ”จังหวัด”  และที่”สำคัญ” สถานการณ์ความ”รุนแรง” ผ่านมาแล้ว 21 ปี “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยังไม่สามารถ”ทำลายแหล่งบ่มเพาะเยาวชน” ของ”บีอาร์เอ็น” ดังนั้นเมื่อ”แหล่งบ่มเพาะ” ยังไม่ถูก”ทำลาย” ความหวังที่จะเห็นความ”พ่ายแพ้” ของ”บีอาร์เอ็น” ต่อ” เจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่เกิดขึ้นและที่”สำคัญ” เรื่องของการ”ทำลายแหล่งบ่มเพาะ” และการ”จัดตั้ง” เป็นเรื่องที่”โยนกันไปโยนกันมา”ระหว่าง” กำลังทหารจาก”รบพิเศษ” กับ”กองทัพภาคที่ 4” ตกลงไม่รู้ว่า”ความบกพร่อง” หรือความ”ล้มเหลว” ของการที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในการ”ทำลายแหล่งบ่มเพาะ” ใครคือผู้ที่ต้อง”รับผิดชอบ” และต้องใช้”นโยบาย” อย่างไรจึงจะ”ได้ผล” ในการ”ทำลายแหล่งบ่มเพาะ” ในพื้นที่ของ”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งก็รู้กัน”เต็มพุง” ว่า”แหล่งบ่มเพาะ”อยู่ที่ไหน

ล่าสุด”พล.อ.ณัฐพงษ์ นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ที่เดินทางลงพื้นที่ของ”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อ”ติดตามสถานการณ์” ก็ยังคงให้”สัมภาษณ์” ถึง”แนวทาง” ในการ”ดับไฟใต้” ยังเป็น”เช่นเดิม” นั้นคือการ”ฝึกกองกำลังท้องถิ่น” อย่าง”อาสาสมัครรักษาดินแดน” ให้มี”ประสิทธิภาพ” เพื่อที่จะรับมอบ”ภารกิจ” ในการ”รักษาความสงบ”ในปี 2570 หรือ อีก 2 ปี ข้างหน้า  การใช้”สัมภาษณ์” เช่นนี้แสดง “เสนาบดีกระทรวงกลาโหม” ไม่ได้ติดตาม”สถานการณ์”ความ”รุนแรง” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” มองไม่เห็นการ”พัฒนาการ”ของ”บีอาร์เอ็น” และไม่ได้”รับรู้” ถึงความ”สูญเสีย” และไม่ได้”ประเมิน” ถึง”ขีดความสามารถ”ของ”กองกำลังอาสารักษาดินแดน” และไม่ได้ถาม”คนมหาดไทย” ที่เป็น”ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ”นายอำเภอ” ว่า”กองกำลังท้องถิ่น” อย่าง”กองกำลังอาสารักษาดินแดน” รวมทั้ง”ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน” หรือ” ชรบ.” มี”ขีดความสามารถ” แค่ไหน เพราะถ้ารู้ถึง”ข้อเท็จจริง” ใน”พื้นที่” รู้ถึง”ประสิทธิภาพ” ของ”กองกำลังท้องถิ่น” คงจะไม่ให้”สัมภาษณ์” กับ”ผู้สื่อข่าว” อย่างนี้…..และที่”ต้องถาม” คือ สถานการณ์ของ”ไฟใต้” อีก 2 ปี ข้างหน้า  จะ”ดีขึ้น” หรือ สถานการณ์ความ”รุแรง”ลดน้อยลง” จนสามารถที่จะมอบ”ภารกิจ” ให้กับ”กองกำลังท้องถิ่น” อย่างไร ในเมื่อ ณ วันนี้มีแต่”เหตุการณ์ของความ”สูญเสีย” ที่เกิดกับ” เจ้าหน้าที่รัฐ” ส่วนความ”สูญเสีย” ของ” บีอาร์เอ็น” มี”น้อยมาก” มีเพียงการ”จับกุม” ผู้เป็น”แนวร่วม” เพื่อดำเนินการตาม”กฎหมาย” ซึ่งไม่ได้”ส่งผลสะเทือน” ให้เกิดขึ้นกับ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” แต่อย่างใด และที่น่า”วิตก” หลังจากนี้ไป” กองกำลังท้องถิ่น” ทั้ง”อาสาสมัครรักษาดินแดน” และ”ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน” หรือ”ชรบ” อาจจะกลายเป็น”เป้าหมาย”ของ”บีอาร์เอ็น” เพื่อ”ข่มขู่” และสร้างความ”หวาดกลัว” ให้เกิดขึ้น เชื่อเถอะ สถานการณ์ของ”ไฟใต้”ถ้าในปี 2568 ยัง”รุนแรง” อย่างที่เกิดขึ้น อีก 2ปี ข้างหน้าความ”รุนแรง” ยิ่งมี”มากขึ้น” โอกาสที่กองทัพจะ”ถอนทหาร” และ”มอบพื้นที่” ให้”กองกำลังอาสารักษาดินแดน” เข้ามา”รับหน้าที่” แทน”ทหาร” ไม่มีทาง”เป็นไปได้”

วันนี้”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” จึงต้อง”คิดใหม่ ทำใหม่” ว่าจะมี”นโยบาย” อย่างไรในการ”ดับไฟใต้” ให้ได้ผล ไม่ใช่รอถึงปี 2570 เพื่อมอบ”ภารกิจ” ให้” ฝ่ายปกครอง” ก็เห็นอยู่”ทนโท่” ว่า” กองกำลังอาสารักษาดินแดน”ที่เป็น ชุดคุ้มครองตำบล” หรือ” ชคต.” ที่มีอยู่ในทุกตำบล  หน้าที่หลัก คือการ”รักษาฐานปฏิบัติการ” อย่าให้ถูก”โจมตี” ให้ได้ก็ถือว่า”สุดยอด”แล้ว อย่าหวังว่าจะใช้”กองกำลังท้องถิ่น” ในการ”ไล่ล่า” ติดตาม”กองกำลังติดอาวุธ” หรือ” แนวร่วม” ของ”บีอาร์เอ็น” หรือการ”คุ้มครอง”ประชาชน” เลย

เข้าใจว่าเรื่อง”ติดลบ” ของ”นักการเมือง” ใน”จังหวัดสงขลา จะจบลงที่คดีการสั่ง”ลูกน้อง” ให้”ทำร้าย” ตำรวจ ตชด.ใน หน่วยเลือกตั้ง ที่มี”สิรดนัย พลายด้วง” สมาชิกสภาจังหวัดสงขลา ลูกชายของ”สมยศ พลายด้วง” สส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ สงขลา ซึ่งมี”ข่าวว่า” กำลังจะ”เคลียร์” กับ” เจ้าทุกข์” และ”เจ้าหน้าที่” ใน”ระดับสูง”ได้แล้ว และกำลังจะได้”ประกันตัว” กลับมาเป็น” สมาชิกสภาจังหวัดสงขลา” อีกครั้ง…..แต่กลับมา “ข่าวดัง” ที่”ลูกน้องของ” ชนนพัฒน์ นาคสั้ว” สส.เขต 4 จ.สงขลา พรรคกล้าธรรม “จับตัวชาวบ้าน”และ”รุมซ้อม” จน”ซี่โครงหักเป็นแถบ” ต้องส่ง”โรงพยาบาล”  ข่าวว่ามีผู้ที่”เป็นผู้ลงมือ” ในการ”อุ้มซ้อม”จำนวน 5 คน เป็น”ชาวบ้าน” 2 คน และเป็น”ตำรวจชั้นประทวน” ของ”สภ.ระโนด จ.สงขลา อีก 2 คน แต่ในการ”ดำเนินคดี” มีเพียง”ผู้ต้องหา” 3 คน ซึ่งเป็น”ชาวบ้าน” เรื่องนี้”ประชาชน” วิพากษ์วิจารณ์”กัน”เซ็งแซ่” ถึงความ”บิดเบี้ยว”ของ”ผู้รักษากฎหมาย” ที่ตกอยู่ใต้”อิทธิพล”ของ” นักการเมือง” เรื่องนี้”เท็จ จริง เป็นอย่างไร “พ.ต.อ.ธัญญา สังข์ศิลป์ชัย ผกก.สภ.ระโนด จ.สงขลา ต้องเร่งดำเนินการ ให้เป็นไปตาม”กฎหมาย” อย่ารอให้” พล.ต.ต. เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์ “ ผบก.ภ.จว.สงขลา ต้อง”ออกแรง” ในการ”สั่งการ…..และเรื่องนี้ก็”บานปลาย” เมื่อ”รมช.มหาดไทย” เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สส.เขต 5 สงขลา “กระโดด” ลงมาร่วม”วงไพบูลย์” เข้าไป”ช่วยเหลือ” ผู้ที่ถูก”อุ้มไปซ้อม” มีการ”พาดพิงเปิดโปง” เรื่อง”คดีเก่า” เกิดขึ้น จน”ชนนพัฒน์ นาคสั้ว”ดำเนินคดีในข้อหา”หมิ่นประมาท” ทั้งหมดคือเรื่องของ” นักการเมืองสงขลา” ที่”ประชาชน” ให้ความ”สนใจ” ในการ”ติดตาม” และหลายคน”ตาสว่าง” จากการ”เปิดโปง” ถึงความ”เป็นมา” ของ”นักการเมือง” ในพื้นที่”ท่ามกลางความ”ฉาวโฉ่” ก็มี”ประโยชน์” เช่นกัน

ส่วนอีกเรื่อง ที่”ประชาชน” ต่างให้ความสนใจคือเรื่อง”นโยบาย”การ”ปราบปรามยาเสพติด” ของ”บิ๊กอ้วน” หรือ” ภูมิธรรม เวชยชัย” เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ที่ประกาศให้เวลา 3 เดือน แก่”ตำรวจ”และ”ฝ่ายปกครอง” ในการ”ปราบปรามยาเสพติด” ให้หมดในทุก”จังหวัด”โดยเฉพาะใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้”  ก็ต้องดูกัน”ยาวๆ” ว่า จะ”สำเร็จ”หรือไม่  แต่ที่”ประชาชน” มีการ”พนันขันต่อ” คือ” รัฐบาล” จะอยู่ถึง 3 เดือน หรือไม่…..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก