วันอังคาร, 3 มิถุนายน 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง…ไฟใต้ ‘มหากาพย์’ ของแผ่นดิน ‘ปลายด้ามขวาน’

เรื่องใหญ่ที่สุด สำหรับ”ประเทศไทย” ใน วันนี้ยังคงเป็นเรื่องของ”การเมือง” เพราะ”การเมือง”คือการ”ขับเคลื่อน”ในการนำ”ประเทศ” นำ”ประชาชน” ไปสู่ความ”รุ่งเรือง” หรือความ”ตกต่ำ” ล้วนมาจาก”การเมือง” ทั้งสิ้น  ที่ผ่านมา”ทุกยุคทุกสมัย เป็นสิ่งที่”ชี้ชัด” ได้ว่าถ้า”การเมืองนิ่ง” และมี”เสถียรภาพ”  ประเทศชาติ และ ประชาชน ก็จะได้รับการ”พัฒนา”และ”ความสุข” อย่างยุคที่”พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” เป็น”นายกรัฐมนตรี” ที่ใช้” เสนาบดี” ถูกกับ”ตำแหน่งหน้าที่” ในการ”ขับเคลื่อน” ให้”ประเทศชาติ” เดินไปข้างหน้าโดย”ปราศจากปัญหา”…..หรือแม้แต่ในยุคที่” ทักษิณ ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” ในยุคของ”ไทยรักไทย” ที่เป็นยุคที่”ทักษิณ” เรืองอำนาจ และมี”เสียงข้างมาก” ใน”สภาผู้แทนราษฎร  ก็เป็น ยุคที่ เศรษฐกิจ ของ “ประเทศไทย” มีความ”ก้าวหน้า” ประชาชน” ได้รับ”อานิสงส์” จาก”การเมือง” ที่มี”เสถียรภาพ” ไม่มีความ”วุ่นวาย” และความ”ขัดแย้ง” จาก”พรรคการเมือง” ที่เป็น”พรรคร่วม” ซึ่งเป็นที่มาของ”รัฐบาลผสม” เหมือนอย่างในขณะนี้

วันนี้ความ”ล้มเหลว” ของการแก้ปัญหา” เศรษฐกิจ” ของ”ประเทศชาติ” การแก้ปัญหา”ปากท้อง” และความ”ยากจน” ที่เกิดจาก”หนี้สินครัวเรือน” ที่”ทะลุเพดาน” ปัญหา”ราคาพืชผล” ทางการ”เกษตรตกต่ำ” และอีก”จิปาถะ”ของ”ปัญหา”ทั้งเล็กทั้งใหญ่” เกิดจาก”รัฐบาลผสม” จากหลายพรรคการเมืองที่มีความ”ขัดแย้ง” และ”แทงข้างหลัง” แย่งกันมี”อำนาจ” แย่งกัน”ทำมาหากิน” มี”ผลประโยชน์ทับซ้อน” ที่เรียกว่า”คอร์รัปชั่น” เกิดขึ้นทุก”หย่อมย่าน” และ “สุดท้าย”คือ”รัฐบาล” มี”ผู้นำ”หรือ”นายกรัฐมนตรี” ที่ไม่มี”ประสบการณ์ทางการเมือง” อาศัยการเป็นคนใน”ตระกูลชินวัตร” ที่เป็นเจ้าของ”พรรคเพื่อไทย”  และมี”พ่อ” คือ”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี” เป็นผู้”บังคับวิถี” ทั้งในเรื่องของ”การเมือง” และเรื่องการแก้ปัญหา” เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง” ของ”ประชาชน”  แต่ ณ วันนี้” พลังต่อรอง” ทาง”การเมือง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ต่อ”พรรคการเมือง” ที่เป็น”พรรคร่วม” ไม่มี”มนต์ขลัง” เหมือนในอดีต” เพราะ”ทักษิณ” หายไปจาก”การเมืองไทย” เกือบ 20 ปี ทุกอย่างจึง”เปลี่ยนไป” และ”พรรคการเมือง” รวมทั้ง”นักการเมือง” ที่เคยเป็น”ลูกน้อง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” “เติบโต” และเป็น”คู่แข่ง” ทั้งทาง”การเมือง” และ”พร้อมที่จะ”แย่งชิงอำนาจ” เพื่อ”ผลประโยชน์” ทาง”การเมือง” กับ”พรรคเพื่อไทย” และ”ทักษิณ ชินวัตร” ทั้งสิ้น

ที่สำคัญ วันนี้”ทักษิณ ชินวัตร” ยังถูก”ล่ามโซ่” ด้วย”คดีความ” ในข้อหาความผิดของ”ม.112 “ การ”เคลื่อนไหว” ในทาง”การเมือง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” จึง”เปล่งประกาย” ไม่ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเรื่องของ”ชั้น 14 ที่ “โรงพยาบาลตำรวจ” แม้ว่า สุดท้ายแล้ว เรื่องของการ”กลับประเทศ” และกลายร่างจาก”นักโทษธรรมดา” เป็น”นักโทษเทวดา” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” จะไม่มีผลทาง”กฎหมาย” ให้”ทักษิณ ชินวัตร” ต้องกลับไป”รับโทษ”ใน”เรือนจำ” เพราะ”ทักษิณ ชินวัตร” ใช้”ช่องทาง” ของ”กฎหมาย” ได้”ติดคุก” ที่”ชั้น 14 “ ของ”โรงพยาบาลตำรวจ” ครบถ้วนกระบวนการ” และได้รับ”ใบบริสุทธิ์” เป็นที่”ถูกต้อง” ดังนั้น แม้จะมีการ”เคลื่อนไหว” อย่าง”ต่อเนื่อง”เพื่อให้”ทักษิณ ชินวัตร” กลับไปยัง”เรือนจำ” จึงไม่มีผลต่อ”ทักษิณ ชินวัตร” แต่อย่างใด แต่จะ”ส่งผล” ให้”เจ้าหน้าที่” จำนวนหนึ่งของ”กรมราชทัณฑ์” และ” ของ”โรงพยาบาลตำรวจ” ที่ต้อง”รับเคราะห์” แทน ซึ่งผู้ที่อยู่”ในข่าย” ของการ”รับเคราะห์” หรือ”รับผิด” อาจ”ยินยอมพร้อมใจ” อยู่ก่อนแล้ว  …..แต่ ปัญหาหนึ่งของ”ประเทศ” ที่กลายเป็น”กับดัก” ที่นำ”ประเทศ”ไปสู่ความ”วุ่นวาย” และ”จนกลายเป็น”ประเด็น” ให้เกิดการ”เรียกแขก” ที่เป็น”ศัตรูเก่า” ทั้งหมดของ”ทักษิณ” ให้ “ผนึกกำลังกัน” เพื่อ”ขับไล่” ให้”ทักษิณ “ พ้นจาก” เวทีการเมือง” อีกครั้ง และยังมี”ศัตรูใหม่” ที่ไม่เห็นด้วยกับ”บทบาท” ของ”ทักษิณ” ที่”ครอบงำ” รัฐบาล ที่มี”แพทองธาร ชินวัตร” ผู้เป็น”บุตรสาว” ที่เป็น”นายกรัฐมนตรี” กลายเป็น ณ วันนี้”ทักษิณ ชินวัตร” เต็มไปด้วย”ศัตรู” ทั้ง”เก่า-ใหม่” ในทุก”สารทิศ” ดังนั้นถ้าจะพูดให้”ถูกต้อง” คือ ความ”ยุ่งเหยิง” ของ”ประเทศไทย” ณ วันนี้ ล้วนมาจากการ”กลับประเทศ” และการ”กลับเข้าสู่การเมือง” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ทั้งสิ้น

สิ่งที่ต้อง”จับตามอง” ว่า” รัฐบาล” จะไปได้อีก”กี่น้ำ” จะมีการ”ปรับ ครม.” เมื่อไหร่ และ หลังการ”ปรับ ครม.” หลังการผ่าน”งบประมาณแผ่นดิน” จะมีการ”ยุบสภาผู้แทนราษฎร” หรือการ”ลาออก” ของ”นายกรัฐมนตรี” หรือไม่ล้วนอยู่กับความ”ขัดแย้ง” ของ”พรรคเพื่อไทย” กับ”ภูมิใจไทย” ว่าจะมีการ”พูดคุย” เพื่อ”แปรสภาพ”จากการใช้”อาวุธ”เป็น”แพรพรรณ” ได้หรือไม่ ซึ่งต้องมองถึง”เกมการต่อรอง” ของทั้ง”สองพรรคการเมือง” ดังกล่าว ว่าใครจะ”เหนือกว่าใคร” และใครจะมี”ทีเด็ดทีขาด” กว่าใคร ที่ต้อง”จับตา” ให้ดีคือการ”เดินเกม” ด้วยการใช้”พลังดูด” กลุ่ม” สส.” จาก”พรรคการเมืองต่างๆ ของ”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เข้าสู่”พรรคกล้าธรรม” เพื่อเป็นการ”เสริมความแข็งแกร่ง” ให้กับ”พรรคเพื่อไทย” หากจำเป็นที่จะต้อง”แตกหัก” กับ”พรรคภูมิใจไทย” แม้ “ลึกๆ” แล้ว “กูรูการเมือง” จะ เชื่อว่า” เพื่อไทย” ยังไม่กล้า”แตกหัก” กับ”ภูมิใจไทย” แต่เรื่องของ”การเมือง” ไม่มีอะไรที่”แน่นอน” และไม่มี”สูตรสำเร็จ”และโดย”อุปนิสัย” ทั้งของ”ทักษิณ ชินวัตร” และของ”เนวิน ชิดชอบ” สองผู้ยิ่งใหญ่ นอกพรรค”เพื่อไทย” และ”ภูมิใจไทย” ต่างชอบที่จะ”ไต่เส้นลวด” ในการสร้างความ”ตึงเครียด” และความ”หวาดเสียว” ทาง”การเมือง” โดยเฉพาะบนความเชื่อที่ว่า” หมดยุค”ของการ ”รัฐประหาร” โดย”กองทัพ” จะทำให้การ”ต่อสู้”ทางการเมือง”ของทั้ง”สองพรรค” ทวีความ”ดุเดือด” และ ”แหลมคม” ยิ่งขึ้น

ดังนั้น วันนี้ จึงไม่มีใคร”สนใจ” ใน”ชะตากรรม” ของ”คนไทย” ที่เป็น”คนส่วนใหญ่” ซึ่งได้รับความ”เดือดร้อน” จาก”เศรษฐกิจ” ที่หล่นอยู่”ก้นหุบเหว” และถูกจัดระดับความ”ต้อยต่ำ” ให้ไปอยู่ในระบายเดียว”กับ” สปป.ลาว” และยังมองไม่เห็น ”หนทาง” ว่าจะ”ฟื้นตัว” ในปี 2568 นี้ โดยเฉพาะอาชีพ”เกษตรกร” ที่เป็น ”เส้นเลือด” ของ ”ประเทศ” เพราะ”ประชาชนส่วนใหญ่” ต่างเป็น”เกษตรกร” แต่”ผลผลิตทุกอย่าง”ตกต่ำ” ก็ไม่ได้รับการ”แก้ไข” อย่าง”ทันท่วงที” ทุกปัญหาของ”เกษตรกร” คือ”ถั่วสุกงาไหม้” …..เช่นวันนี้” นายอำเภอ”และ”พาณิชย์จังหวัด” รวมทั่ง”ผู้ว่าราชการจังหวัด” เพื่อ”ตื่นตัว” ลงพื้นที่ ไปติดตาม”สถานการณ์”ของ”ราคาปาล์มน้ำมัน” ที่”ตกต่ำ” อย่างเป็น”ประวัติการณ์” จาก” กิโลกรัมละ 11-12 บาท เหลือเพียง 4-5 บาท ทั้งที่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว กว่า 3 เดือน นี่คือความ”ล่าช้า” ในระบบการบริหารราชการแผ่นดินของ”ประเทศไทย” ที่ไม่เคยได้รับการ”แก้ไข”…..เช่นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มี”ประชาชน” และ”ทหารผ่านศึก” จำนวนนับพันคน บุกเข้ายึด”สวนปาล์ม” ที่หมด”สัมปทาน” จำนวน 10,000 กว่าไร่ ซึ่ง” หน่วยงานของรัฐ” ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม”กฎหมาย” ปล่อยให้”นายทุน” และผู้มี”อิทธิพล” เข้า”เก็บเกี่ยวผลประโยชน์” ทำให้”ชาวบ้าน” และ”ทหารผ่านศึก” กลุ่มนี้ใช้”กฎหมายเถื่อน” บุกเข้ายึดเพื่อ”ครอบครอง” เป็นที่”ทำกิน” เรื่องนี้มี”หน่วยงาน”หลายหน่ายงานของ”ราชการ” เข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่”ป่าไม้,ที่ดิน” และ อื่นๆ ที่เกิน”อำนาจหน้าที่”ของ”ผู้ว่าราชการจังหวัด” ที่ สำคัญคือความ”ขัดแย้ง” และ”แย่งชิง” ในการเข้า”ยึดสวนปาล์ม” ของ”ชาวบ้าน” จะนำมาสู่”ปัญหาการฆ่ากันตาย” กลายเป็นความ”รุนแรง” และ”อาชญากรรม” ที่ พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ต้องมีการ”รับมือ” ในการแก้ปัญหา

ที่ สำคัญ เรื่องการนำ”ประชาชน” เข้า”ยึดครอง” สวนปาล์มน้ำมัน” ที่หมด”สัมปทาน” จาก”กลุ่มทุน” และหน่วยงานที่”รับผิดชอบ” ทำการ”เพิกเฉย” ไม่ได้”ดำเนินการ” ให้ถูกต้องตาม”กฎหมาย” ไม่ได้มีที่” จ.ชุมพร” เพียง”จังหวัดเดียว” แต่ยังมีในอีกหลาย”จังหวัด”ของ”ภาคใต้ตอนบน” เช่นที่” จ.สุราษฎร์ธานี,จ.กระบี่” เป็นต้น เรื่องนี้” อนุทิน ชาญวีรกุล” ในฐานะ” เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย” ควรจะมีการ”สั่งการ” ให้”ผู้ว่าราชการจังหวัด” ทุกจังหวัดที่มีปัญหาเป็น” เจ้าภาพ” ในการ”แก้ไข” และนำเอา” สวนปาล์ม” หรือที่”ที่ดิน” ที่หมด”สัปทาน” จาก”กลุ่มทุน” มา”จัดสรรค” ให้กับ”ประชาชน” ที่”ไร้ที่ดินทำกิน” หรือให้”หน่วยงานของรัฐ” เข้าดำเนินการ”รับผิดชอบ”ในการ”นำผลประโยชน์” จาก”ผลผลิต”ของ”ปาล์มน้ำมัน” ที่หลังหมด”สัมปทาน” แต่ยังให้”ผลผลิต”อยู่” ไม่ใช่ปล่อยให้มีการใช้”กฎหมายเถื่อน” ในการ”แย่งชิงผลประโยชน์” อย่างที่เกิดขึ้น

นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างของความ”เละเทะ” และความ”ล้มเหลว” ในการ”บริหารราชการแผ่นดิน”ของ”จังหวัดตรัง” หลัง”นักการเมือง”จาก”พรรคประชาชน” ลงพื้นที่”เปิดโปง” เรื่องการ”ก่อสร้าง” โครงการต่างๆใน “จังหวัดตรัง” ที่มีความ”ล่าช้า” มีการ”ทิ้งงาน” โดยเฉพาะโครงการก่อสร้าง”จัตุรัสเมืองตรัง” และ อื่นๆ ซึ่งหลังจากที่มีการ”เปิดโปง” โดย”นักการเมือง”  กรมโยธาธิการ และ”โยธาธิการจังหวัด” ก็ออกมา”แก้ตัว” กัน”อุตลุด”  แต่ไม่เห็น”ทรงกลด” สว่างวงศ์” ผวจ.ตรัง ออกมา แก้ปัญหา ที่เกิดขึ้น…..อีกเรื่องของ”จังหวัดตรัง” คือเรื่องปัญหา”อาชญากรรม” ที่ล่าสุดมีการ”ฆ่าแล้วเผา” จำนวน 4 ศพ ที่ “สวนปาล์ม” อำเภอสิเกา จ.ตรัง แม้ว่า สุดท้ายแล้ว “ตำรวจ” สามารถที่จะ”ติดตามจับกุม” กลุ่ม”ฆาตรกร”ได้ครบทั้ง 4 คน แต่ก็กลายเป็นเรื่อง”  สะ เทือนขวัญ”ของคนทั้งประเทศ ซึ่ง  “พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล” ผบก.ภ.จว.ตรัง ต้องมีแผนในการ”ป้องกันอาชญากรรม” ให้”รัดกุม” อย่างนี้ เพราะเรื่องการ”จับกุม” เป็นเรื่อง”ปลายเหตุ” และ”สาเหตุ”ของการ”เผานั่งยาง” ใน”สวนปาล์ม” ที่ อำเภอสิเกา ในครั้งนี้ มี”กำนันอิทธิพล” ในพื้นที่ส่ง”ลูกน้อง” ไป”บุกรุกสวนปาล์ม” ของ”นายทุน” จำนวน 170 ไร่ เพื่อเอา”ผลผลิต” มาขาย เมื่อ”ผู้จัดการสวน” เข้าไปพบเห็นจึงได้ทำการ”ฆ่าแล้วเผา” เรื่องจึงไม่ควรที่จะ”ยุติคดี” เพียงการ”จับคนร้ายได้” แต่ต้องติดตาม”กำนันอิทธิพล” ในพื้นที่มา”รับผิด”ด้วย

นี่ก็เป็นอีก หน่วยงานหนึ่ง ที่ถูก”ประชาชน” จับจ้อง” และ”วิพากษ์ วิจารณ์” เป็นอย่างมาก คือ”สำนักงานทางหลวงที่ 18 ที่มี”จอมปวีร์ จันทร์หิรัญ”  นั่งเป็น”ผู้อำนวยการ” มีผู้ถามมาว่าถนนสาย 41   ที่อยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ตั้งใน จ.พัทลุง จนถึง จังหวัดสงขลา เช่นที่” ต.พรุพ้อ และ ต.ท่าช้าง ทำไมจึงมีความ”ล่าช้า” ในการ”ก่อสร้าง” มีการแก้ปัญหาความ”ล่าช้า” อย่างไร มีการ”เอาผิด”กับ”ผู้รับเหมา” หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นความ”เดือดร้อน” ของผู้”ใช้รถใช้ถนน” และนอกจากนั้น ยังมี”ประชาชน” ตั้งเป็น”ข้อสังกุต” ว่า “สำนักงานทางหลวงที่ 18 “ มี “หลักเกณฑ์” อย่างไร ในการ”ปรับปรุงถนน” สายต่างๆ เพราะ” ถนนหลายสาย หลายช่วง ยังมี”สภาพดี” แต่มีการ”ปรับปรุงซ่อมแซม”  เป็นการใช้”งบประมาณ” แบบ”ไม่คุ้มค่าหรือไม่” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่”ประชาชน” มีการ”วิพากษ์วิจารณ์” กันมาก ก็บอกให้”ท่านผู้อำนวยการ” ได้รับทราบถึง”ความรู้สึก” ของ”ประชาชน” ที่เกี่ยวกับ”หน่วยงานของท่าน” เพื่อที่จะได้”ชี้แจง” ให้”ประชาชน”ได้รับทราบ

เรื่องของ”ไฟใต้” ที่เป็น”มหากาพย์” ของแผ่นดิน”ปลายด้ามขวาน” ที่ไม่ใช่เพิ่งเริ่มเมื่อปี 2547  อย่างที่คน”บางส่วน” ที่ไม่มีการ”ศึกษา” เรื่องของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” มีความ”เข้าใจ” วันนี้เรื่องของ”ไฟใต้” มีอยู่ในสอง”บริบท” หรือ” สองฉากทัศน์” ซึ่ง”ฉากทัศน์แรก” คือการที่” บีอาร์เอ็น”มีการ”ก่อการร้าย” โดยต้องการใช้”ความรุนแรง” เพื่อแสดงให้”สังคมโลก” มองเห็นว่า”ปัญหาของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” มีความ”ขัดแย้ง” และมีการใช้”อาวุธ” ในการ”ปราบปราม” ของ”เจ้าหน้าที่” รวมทั้ง”บีอาร์เอ็น” ต้องการใช้ความ”เหี้ยมโหด” เพื่อให้”ประชาชน” ตกอยู่ภายใต้”อิทธิพล”ของความ”หวาดกลัว” จะได้ไม่กล้าให้ความ”ร่วมมือ” กับ” เจ้าหน้าที่รัฐ” บีอาร์เอ็น ต้องการ”ทำลายอำนาจรัฐ” เพื่อให้”ประชาชน”เห็นถึงความ”ล้มเหลว” ของ”รัฐไทย” ที่ไม่สามารถ”คุ้มครอง”  ประชาชน ให้มีความ”ปลอดภัย” และ วันนี้”บีอาร์เอ็น” ก่อเหตุ”รุนแรง” เพื่อต้องการให้” เจ้าหน้าที่รัฐ” ใช้ความ”รุนแรง” เพื่อ”ตอบโต้” การ”ปฏิบัติการ”ของ” บีอาร์เอ็น” เพื่อให้มีการ”บาดเจ็บล้มตาย”  แต่” พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาค 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “ ยังไม่”หลงกล” มีการ”สั่งการ” ให้ใช้”กฎหมาย” ในการ”ดำเนินการ”กับ”กองกำลังติดอาวุธ” และ”แนวร่วม” ในพื้นที่ อย่าง”เด็ดขาด” แต่ไม่ใช้”ความรุนแรง” การ”ปิดล้อม”การ”จับกุม” อยู่ใน”กรอบ”ของ”กฎหมาย” ทำให้”บีอาร์เอ็น”ไม่ประสบความ”สำเร็จ” ในการใช้”ความรุนแรง” และยังต้อง”เสียไพร่รบพลเลว” ที่”หลบซ่อน” ในพื้นที่ไปเป็น จำนวนไม่น้อย….. ดังนั้น”บีอาร์เอ็น” จึงงัดแผน”สกปรก” มาใช้ด้วยการ”พุ่งเป้า”ไปที่”ไทยพุทธ” ซึ่งกลายเป็น”คนส่วนน้อย” และเป็น”ชุมชนเปราะบาง” ด้วยการ”กราดยิง” หรือ”ซุ่มยิง” เพื่อ”กดดัน” ให้” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” หยุดการ” “ปิดล้อม,ตรวจค้น,จับกุม” กองกำลังติดอาวุธ และ”แนวร่วม” ที่” แฝงตัว” ใน”หมู่บ้าน” แต่แผน”สกปรก” ก็ยังไม่”ประสบความสำเร็จ” เพราะ” เจ้าหน้าที่” ยังคง”เดินหน้า” ในการ”จับกุม” คนของ”บีอาร์เอ็น”ต่อไป โดยที่” พล.ท.ไพศาล หนูสังข์”” แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” สั่งให้”กองกำลังทหาร ตำรวจ ปกครอง” สนธิกำลัง”ยกระดับ” ในการดูแลรักษาความ”ปลอดภัย” ของ” 8 หัวเมืองเมืองเศรษฐกิจ และ”ชุมชนไทยพุทธ” อย่างเต็มกำลัง

กองกำลังติดอาวุธของ”บีอาร์เอ็น” จึงมีการ”พุ่งเป้า” มายัง”เจ้าหน้าที่” ในพื้นที่ ล่าสุด” มีการ”วางแผน” ออก”ข่าวลวง” จาก”สายข่าว” ในพื้นที่ อ.กระพ้อ จ.ปัตตานี ให้”ผู้ใหญ่บ้าน” ในพื้นที่”แจ้งตำรวจ” ว่า”รถจักรยายนต์”ถูก”โจรกรรม” เมื่อ” เจ้าหน้าที่ตำรวจ” เดินทางเข้าไปใน”พื้นที่” เพื่อ”สืบสวนสอบสวน” จึงถูก” กองกำลังติดอาวุธ” วาง”ระเบิดแสวงเครื่อง” ใต้”ท่อลอด”บนถนนในหมู่บ้าน ผลคือ” กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี” ต้อง”สูญเสีย”  ร.ต.อ.พนากร อินทา  รอง สว.สอบสวน  สวน”พลขับ”คือ”ส.ต.อ.เทอญศักดิ์ รักษาวงศ์” บาดเจ็บสาหัส  ณ “บรรทัดนี้” ขอ”แสดงความเสียใจ” กับ”ครอบครัว” ของผู้ที่”สูญเสีย” อีกครั้ง และ การ”ก่อการร้าย” ยังคงต้อง”ดำเนินต่อไป” ภายใต้” กลวิธี” ต่างๆ ในการ”หลอกลวง” การ”หลอกล่อ” และการ”วางแผน” เพื่อการ”ซุ่มโจมตี” ที่เรียกว่าการทำ”สงครามกองโจร” ที่” เจ้าหน้าที่รัฐ” ทั้ง”ทหาร,ตำรวจ” และ”อาสารักษาดินแดน” ไม่”คุ้ยเคย” ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือความ”สูญเสีย” และ”เสียศูนย์” เพราะไม่สามารถ”ตอบโต้” และ”ป้องตนเอง” ให้”ปลอดภัย” เรื่องนี้เป็นเรื่อง”สำคัญ” ที่”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” หมายถึง “ทหาร,ตำรวจ”และ”ฝ่ายปกครอง” ต้องมีการ”ปรับแผน” และ”ยุทธวิธี”เพื่อให้”กำลัง”ของ”เจ้าหน้าที่” ทุกฝ่าย ในพื้นที่มีความ”รู้ความเข้าใจ” ในการ”ตอบโต้”การทำการรบแบบ”กองโจร”ได้

ส่วน”ฉากทัศน์ที่สอง” นั้นคือ”ฉากทัศน์” ของการ”ขับเคลื่อน”การ”พูดคุยสันติสุข” ซึ่งเป็นความต้องการของ”ปีกทางการเมือง” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่มี”เอ็นจีโอ”จาก”ชาติตะวันตก” หลายชาติ เป็น”พี่เลี้ยง” ในการ”อบรม” และ”วางแผน” ให้มี”โต๊ะเจรจา” เพื่อการ”ยกระดับ”ของ”ขบวนการ” ให้”สหประชาชาติ” รับรอง  โดย”ชาติตะวันตก”หลายประเทศ ได้มีการ”เตรียมการ” วาง”โครงข่าย” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ไว้แล้วอย่าง”หนาแน่น” เช่น ”องค์กรภาคประชาสังคม” ที่”รับเงิน” จาก”องค์กรต่างชาติ” มาเพื่อการ”ขับเคลื่อน” โดยเป็น”กระบอกเสียง” ในการ”เรียกร้อง” และ”เร่งเร้า” ให้” รัฐบาล” เร่ง “ดำเนินการ” ให้มีการ”พูดคุย”กับ”บีอาร์เอ็น” วันละ “สามเวลา” เพื่อให้”คุ้มค่า” กับ”ค่าจ้าง” ที่รับมาจาก” ต่างชาติ” ดังนั้น “สังคม” อย่า”หลงกล” กับการ”เคลื่อนไหว” ของ”องค์กรภาคประชาสังคม”( บางส่วน ) รวมทั้ง”เอ็นจีโอ” ใน พื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” รวมทั้ง”ภาคประชาสังคม” ที่มี”คนไทยพุทธ” เป็น”หุ่นเชิด” ของ”มุสลิม” ด้วย เพื่อให้เห็นว่ามีความ”ชอบธรรม” เพราะ”ไทยพุทธ” ก็”เห็นด้วย” กับการให้”รัฐบาล” เร่งดำเนินการ”พูดคุย” กับ” บีอาร์เอ็น”

สำหรับในส่วนของ”รัฐบาล” ที่เวลานี้ยังไม่”ตกผลึก” ในเรื่องของการ”ขับเคลื่อน” เวทีของการ”พูดคุย” เพราะ”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฝ่ายความมั่นคง และ”เสนาบดีกระทรวงกลโหม” มี”เงื่อนไข” ถ้ามีการ”พูดคุย” บีอาร์เอ็น ต้อง”หยุด” การ”ก่อการร้าย” ในพื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” และต้อง”พูดคุย”ภายใต้”เงื่อนไข” ที่ไม่มีการ”แบ่งแยกดินแดน” ภายใต้”รัฐธรรมนูญไทย” ที่”รัฐไทยเป็นรัฐที่แบ่งแยก”ไม่ได้ ซึ่ง”บีอาร์เอ็น” ยังไม่มีการ”ตอบสนอง” ใน”เงื่อนไข” ดังกล่าว” เพราะก่อนหน้านี้” ดร นิมะ” “ ที่เป็น” กระบอกเสียง” ของ”บีอาร์เอ็น” ออกมา”แถลงการณ์” ว่า”บีอาร์เอ็น” ต้องการ”เจรจา”ภายใต้”เงื่อนไข”ของ”กฎหมายสากล” ที่ไม่ใช่”กฎหมาย” ของ”ประเทศไทย” เมื่อ”เงื่อนไข” ไม่”สอดคล้อง”กัน ถามว่า”จะเปิดการ”เจรจา”ได้อย่างไร….ที่ สำคัญ ใครจะเป็น”หัวหน้าคณะพูดคุย”หรือ”เจรจา” ที่ต่างตั้งโดย”รัฐบาล” เพราะ  ทั้ง” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก” และ”พล.อ.ชินวัตร แม้นเดช “ หลุดจาก”วงโคจร” ไปแล้ว ซึ่ง”ล่าสุด” มีชื่อของ “พล.อ.ทิวา เพญเขตกรณ์” ที่ปรึกษาผู้แทนพิเศษของรัฐบาล” อดีตผู้ช่วยทูตทหาร” และอดีต”เจ้ากรมข่าว”  ตำแหน่งสุดท้ายก่อน”เกษียณอายุราชการ”คือ”ที่ปรึกษาพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย เป็น”นายทหารรุ่นที่ 18 “ซึ่งไม่เคย”ผ่านงาน” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” มาก่อน……แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ…

ไชยยงค์ มณีพิลึก