วันอาทิตย์, 24 สิงหาคม 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง… จับตา! 29 ส.ค. ชี้ชะตา ‘อิ๊งค์’ รอดหรือร่วงเก้าอี้นายกฯ ปมคลิปเสียง ‘อังเคิลฮุน’

เรื่องของ”การเมืองภาพใหญ่”ของ”ประเทศไทย” ที่”สิงหาคม” เป็นเดือดแห่งความ”รุ่มร้อน” ที่”ปรอทแตก”ของ”รัฐบาลเพื่อไทย” และของ”ตระกูลชิน” เพราะ วันที่ 22 สิงหาคม เป็นวันที่ศาล”ชี้ชะตา”ของ”ทักษิณ ชินวัตร”ใน”คดี 112” ซึ่ง ต้องมีการ”ลุ้น”ว่าการ”ตัดสิน”ของ”ศาล” จะเป็น”คุณ” หรือเป็น”โทษ” ถ้าเป็น”คุณ” การเมืองก็จะเป็น”อีกแบบหนึ่ง” ถ้า”เป็นโทษ” ก็จะเป็น”อีกแบบหนึ่ง” แต่ไม่ว่าจะ”เป็นคุณ”หรือ”เป็นโทษ” ก็ยังสามารถ”ไปต่อ” เพราะยังมี”อุทรณ์” และ”ฎีกา”ได้ตาม”กระบวนการยุติธรรม”…..ส่วน”คดีคลิปเสียง” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี “ และ”รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม”ที่มีการ”สนทนา”กับ”อังเคิล” หรือ” ฮุนเซ็น” ผู้นำ”ตัวจริง” ของ”ประเทศกัมพูชา” ซึ่ง “วันที่ 21 สิงหาคม” ศาลรัฐธรรมนูญ” จะเรียกให้”ชี้แจง” หรือ”แก้ข้อกล่าวหา” พร้อมกับ”พยาน” อีก 1 ปาก นั่นคือ”ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ” สมช.” ซึ่งการ”แก้ข้อกล่าวหา”ในเรื่อง”ความไม่สุจริต” และ”ผิดจริยธรรม” ตาม”ข้อกล่าวหา” ของ”สมาชิกวุฒิสภา” ดังนั้นแม้ว่า”นายกรัฐมนตรี” จะมีการส่ง”เอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา”เรื่อง”คลิปสนทนา”ไปแล้วก็จริง แต่การไปให้”ปากคำ” ต่อ” ศาลรัฐธรรมนูญ” ในวันที่ “21 สิงหาคม” มีความ”สำคัญ” เป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง”กูรู”ทาง”การเมือง” ต่าง”ห่วงใย” ทั้งในเรื่อง”ภาษาพูด”และ”ภาษากาย” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” ที่จะมีต่อ”ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เป็นอย่างยิ่ง”…..ส่วนการ”ให้การ”ของ” ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคง” หรือ” สมช” นั้น “กูรู” ทาง”การเมือง” เชื่อ”ร้อยเปอร์เซ็น” ว่าเป็นการให้”ถ้อยคำ” ที่”เป็นคุณ” กับ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ”พรรคเพื่อไทย” อย่างไม่มี”ข้อสงสัย”

หลังจากนั้น วันที่ 29 สิงหาคม” จะเป็นวันที่”คนทั้งประเทศ” ให้ความ”สนใจ” เพราะวันที่”ศาลรัฐธรรมนูญ” จะ”พิพากษา” อนาคตทาง”การเมือง” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งเป็น”ดีเอ็นเอ” และ”ลูกสาวหล้า” ที่”ทักษิณ ชินวัตร” ฝาก”อนาคต”ทาง”การเมือง”ของ”ตระกูลชิน” ถ้าคำ”พิพากษา” ออกมา”เป็นคุณ” กับ”แพทองธาร” และ”ตระกูลชิน” เป็นความ”โชคดี” ของ”ตระกูลชิน” แต่”ประชาชน” ต้อง”ทนอยู่”กับ”รัฐบาล” ที่”ไร้เสถียรภาพ” และมีผู้นำที่”ด้อยประสบการณ์” ซึ่งไม่รู้ว่าจะพา”ประเทศไทย”ไป”ขึ้นเขา”หรือ”ลงห้วย” อย่างไร….แต่ถ้าคำ”พิพากษา”เป็นโทษ” ต่อ” แพทองธาร ชินวัตร” เป็นโทษต่อ”ตระกูลชิน” และ”พรรคเพื่อไทย” เราก็จะได้เห็นการ”เปลี่ยนแปลง” ทาง”การเมือง” แม้ว่า”พรรคเพื่อไทย” อาจจะ”ไปต่อ” โดยการ”เข็น” อดีต”อัยการสูงสุด” ที่อยู่ใน”บัญชี”ของ”แคนดิเดต” คน”สุดท้าย” มาเป็น”นายกรัฐมนตรี”แทน”แพทองธาร ชินวัตร” เพื่อให้”รัฐบาล”ยัง”ไปต่อ” เพื่อรอ”จังหวะ” สร้าง”ผลงาน” และ”จัดทัพเลือกตั้ง” ก่อนที่จะ”ยุบสภา” ใน”โอกาส” ที่”เป็นคุณ” ต่อ”พรรคเพื่อไทย” ก็

ส่วน”คดีทางการเมือง” ที่คงเป็นเรื่อง”คงค้าง” อยู่ใน”องค์กรอิสระ” ที่อยู่ในความ”สนใจ”ของ”ประชาชน” และอาจจะทำให้เกิดการ”เปลี่ยนแปลง”ทาง”การเมือง” คือ”คดี 144” ที่เกี่ยวกับการ”โยกงบประมาณ”ซึ่งหากการ”ตัดสิน” ที่”เป็นคุณ” กับ”ประเทศ” อาจจะมี”นักการเมือง”บางส่วน ที่ต้อง”รับผิด” และถ้าการ”ตัดสิน”ออกมาไม่”เป็นคุณ” ก็จะกลายเป็น”ผลร้าย” ต่อ” สส. เป็น”จำนวนมาก”…..เช่นเดียวกับ”คดีความ”ของ”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีต “หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน” และ สส. 44 คน ในความผิด”จริยธรรม” และ”กบฏต่อราชอาณาจักร” ที่ยัง”ถูกดอง”จาก”องค์กรอิสระ” ที่ถูก”จับตามอง” เพราะหากการ”ตัดสิน”ออกมา”เป็นโทษ” จำนวน สส. พรรคฝ่ายค้านจะหายไป จำนวนมาก ซึ่งก็จะมีผลในทาง”การเมือง” ที่เป็น”ประโยชน์”กับ”พรรครัฐบาล”…..ส่วนอีก 2 คดีที่เหลือคือ”คดีทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล” และ”คดี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ,ปิยบุตร แสงกนกกุล” และ”ช่อ” พรรณิกา “ครอบงำพรรคประชาชน” เป็นเรื่องที่” กกต. หรือ”คณะกรรมการการเลือกตั้ง” อยู่ระหว่างการ”ดำเนินการ” ทั้ง”คดีความ” ถ้าผลการ”ตัดสิน” ต่าง”เป็นโทษ” นั้นคือการ”เปลี่ยนแปลง” ทาง”การเมือง” ครั้งใหญ่ของ”ประเทศไทย” จะเห็นว่า”อนาคต”ของ”ประเทศไทย” และ”อนาคต”ของ”พรรคการเมือง” ต่างอยู่ใน”กำมือ” ของ”องค์กรอิสระ” ทั้งสิ้น ดังนั้น”องค์กรอิสระ” จึงเป็น”องค์กรสำคัญ” ที่จะช่วย”ชะล้าง” ความ”สกปรก” ของ”การเมือง” และ”เป็นคุณ”กับ”ประเทศชาติ” และในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มความ”โสมม” ให้กับ”การเมือง” และความ”ล่มจม” ให้กับ”ประเทศชาติ” อยู่ที่”องค์กรอิสระ” จะ”เลือก” ที่จะ”เดิน”ไปทางไหน จะ”ให้คุณ”กับ”ประเทศชาติ” หรือจะ”ให้โทษ” กับ”ประเทศชาติ” ทั้งหมดอยู่ที่”ดุลพินิจ” ของ”องค์กรอิสระ”ทั้งสิ้น

ดังนั้นเรื่องของ”การเมือง” ในปี 2568 นี้ ยังเป็นปีที่ต้องมีการ”เปลี่ยนแปลง” เพราะนอกจาก”คดีความ”ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังมี”คดีเทวดาชั้น 14” อีก “คดีความหนึ่ง” ที่”กรูทางกฎหมาย” ต่าง”เชื่อว่า” อาจจะเป็น”คดีความ” ที่เป็น”วิบากกรรม” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ที่มี”หลักฐาน”ที่”มัดตัว”มากกว่า”คดี 112” ดังนั้นเมื่อ”การเมือง” มี”คดีความ” ที่”อีรุงตุงนัง” เรื่องที่จะเห็น”การเมือง” มี”เสถียรภาพ” มีความ”ก้าวหน้า” ในเรื่อง”เศรษฐกิจ” และ”การลงทุน” และการ”หาเงิน” เข้า”ประเทศ” เรื่อง”ปากท้อง”ของ”คนยากจน” เรื่อง”ผลผลิต” ทางการ”เกษตร” จึง”เลิกคิด”กันได้ เพราะ”พรรคการเมือง” และ”นักการเมือง” ต่าง”คิด”ในเรื่องการ”เอาตัวรอด” จาก”คดีความ” มากกว่าที่จะถึง” อนาคต”ของ”ประเทศ” และ”ความอยู่ดีกินดี”ของ”ประชาชน

ดูที่”กรมการปกครอง” กระทรวงหมดไทย ที่เร่ง”โยกย้าย” นายอำเภอ” ทั่วประเทศจำนวน 22 ตำแหน่ง ที่เป็นการ”โยกย้ายนอกฤดูการ” ทั้งที่”ฤดูกาล”ของการ”โยกย้าย” ในเดือน”ตุลาคม” ก็อยู่ไม่ไกล และโดย”ธรรมเนียม”ของ”มหาดไทย” ต้อง”โยกย้าย” ผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อน แล้วจึง “โยกย้าย” ระดับ”นายอำเภอ”…..ซึ่งดู”รายชื่อ” ในการ”โยกย้าย” ก็เห็นชัดว่ามีการ”ล้างบาง” คนของ”พรรคภูมิใจไทย” และวางคนของ”เพื่อไทย” มาเพื่อเตรียม”รับมือ”กับ”การเลือกตั้ง” อย่างโยก”วิเชษษ์ สายกี้เส้ง” นายอำเภอสะเดา จ.สงขลา ไปเป็น”นายอำเภอควนเนียง” จาก”อำเภอเอก”ไปอยู่”อำเภอตรี” และ”โยก” นางสาวณัฐกานต์ สายน้อย” นายอำเภอคลองหอยโข่ง” จังหวัดสงขลา ที่มี”อาวุโสน้อย” แต่เป็น”หลานสะใภ้” ของ”นักการเมืองใหญ่”ไปเป็น”นายอำเภอสะเดา จ.สงขลา เป็นต้น…..ส่วน”มงคล สินยัง” นายอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ที่มี”ปัญหา”กับ”ผู้นำท้องที่” เที่ยวนี้ถูก”โยกย้าย”ไปเป็น”นายอำเภอทุ่งยางแดง” จังหวัดปัตตานี ซึ่งก็”น่าเป็นห่วง” เพราะ”บริบท” ของ”มงคล สินยัง” ที่ผ่านมา เป็น”นายอำเภอสะบ้าย้อย” ยัง”ร่อแร่” หวังว่าการไปเป็น”นายอำเภอทุ่งยางแดง” คงจะ”ปรับตัว” ให้เข้ากับ”สถานการณ์” ให้ได้ เพราะ”ทุ่งยางแดง” นอกจากปัญหา”ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน”แล้ว ยังมีเรื่อง”อิทธิพล” ที่”มากกว่า” สะบ้าย้อย” มากนัก

ข่าวว่า” โยกย้ายนายอำเภอครั้งหน้า”เอก ยังอภัย” ณ สงขลา “ นายอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ควรจะได้เป็น”ปลัดจังหวัด”ตามความ”อาวุโส” ก็จะ”ผิดหวัง”อีกครั้ง เพราะจะถูก”โยกย้าย”ไปเป็น”นายอำเภอขนอม” จังหวัดนครศรีธรรมราช และคนที่จะมีเป็น”นายอำเภอหาดใหญ่” จังหวัดสงขลา น่าจะเป็น”นายอำเภอรัตภูมิ”จังหวัดสงขลา นางสาว วิไลลักษณ์ เรืองผล” ซึ่งเป็นคนที่”เข้าออก-นอกใน”บ้านของ”เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ” นายกชาย” รมช.มหาดไทย” และ”เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์” นั้นเอง ก็ถือเป็นเรื่อง”ปกติ” ของ”ราชการไทย” เมื่อมีการ”ปรับเปลี่ยน” เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยจาก” อนุทิน ชาญวีรกุล “หรือ” เสี่ยหนู” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” มาเป็น”ภูมิธรรม เวชยชัย” หรือ” สหายใหญ่” ที่เป็น”แขนขวา” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย”ตัวจริง” ก็ต้องมีการ”ปรับเปลี่ยน” เพื่อนำ”ข้าราชการ”ที่”พรรคเพื่อไทย” ไว้วางใจ มาเป็น”ผู้ว่าราชการจังหวัด”และ”นายอำเภอ” เพราะทั้ง”สองตำแหน่ง” นั้น” พรรคเพื่อไทย” เชื่อว่า” จะ”ให้คุณให้โทษ” ในการ”เลือกตั้ง” โดยเฉพาะการ”เลือกตั้ง”แบบ”บ้านใหญ่” ของ”พรรคเพื่อไทย” ดังนั้น”ข้าราชการ”ของ”มหาดไทย” ก็ต้องยอมรับใน”ชะตากรรม” ของการเป็น”ม้าใช้” ของ”พรรคการเมือง” ที่”ควบคุม” กระทรวงมหาดไทย”……ซึ่งข่าวว่า” ผู้ว่าราชการจังหวัด” ที่มากับ”ภูมิใจไทย” ทุกคน วันนี้ก็”หนาวๆร้อน” บางคน”เก็บของล่วงหน้า”เพื่อไปเป็น”ผู้ตรวจราชการ”กันแล้ว เพราะรู้ถึง”อนาคต”ของ”ตนเอง”ส่วนที่”เปลี่ยนสี” หันมา”รับใช้” หรือ”นินอบพิเทา” กับ”เสนาบดี”ใน”มหาดไทย”อย่าง”ทันท่วงที” ก็อาจจะ”รอดตัว” อย่าง” ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม” ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ที่อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี แล้ว คงต้องไปทำหน้าที่ใน”ตำแหน่งใหม่” สำหรับ”โชตินรินทร์ เกิดสม” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ซึ่งมาเป็น”ผู้ว่าราชการจังหวัด”ได้ปีเดียว และถูกมองว่ามากับ”ภูมิใจไทย” คงต้อง”ลุ้น” ว่าจะ”อยู่”หรือ”ไป”

เชื่อว่าปีนี้ การ”โยกย้าย” ทั้ง”ปกครอง,ตำรวจ,ทหาร” จะไม่มีการ”โยกโย้ยืดยาด” เพราะ”การเมือง” ที่ไม่มี”เสถียรภาพ” ที่อาจจะมีการ”เปลี่ยนแปลง” โดยมีการ”ยุบสภา” ได้ทุกขณะ ทำให้”เพื่อไทย” ต้อง”จัดทัพ” ของ”ตำรวจ,ทหาร,” และ”มหาดไทย” เพื่อ”แย่งชิง”ความ”ได้เปรียบ” ในการ”เลือกตั้ง” เอาไว้ก่อน และที่ต้อง”จับตามอง” คือ”ตำแหน่ง”ของ”แม่ทัพภาคที่ 4” ที่วันนี้ “พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” ทำหน้าที่เป็น”แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 “ที่แม้จะ”ทำหน้าที่” ได้ดี แต่”อาจจะ”มีการ”เปลี่ยนตัว” เพื่อให้ไป”ก่อนตำแหน่ง” เป็น”พลเอก” ก่อน”เกษียณอายุ” เพราะมี”กระแส” จาก”ทีมที่ปรึกษา” ของ” รองนายกรัฐมนตรีความมั่นคง” ภูมิธรรม เวชยชัย” และจาก”พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผบ.ทบ” ที่อยากเห็น”ความเปลี่ยนแปลง” ในด้าน”ยุทธศาสตร์” ของการ”ดับไฟใต้”…..แต่ โดย”ความเป็นจริง” และ”ความต่อเนื่อง” ในการ”ดับไฟใต้” ต้องให้”แม่ทัพไพศาล” นั่งใน”ตำแหน่ง”ของ”แม่ทัพภาคที่ 4” และ”ผอ.กอ.รมน.ภาค 4” ไปอีก 1 ปี….เหตุผล แม้ว่า “สถานการณ์”ของ”ความรุนแรง” ยังเกิดอย่าง”ต่อเนื่อง”แต่ถ้าดู”ข้อมูล” ในการด้านการ”จับกุม” จะเห็นว่า”มีการ”จับกุม” กลุ่มผู้เป็น”แนวร่วม” โดยการ”จับเป็น”ได้อย่าง”ต่อเนื่อง” เป็น”จำนวนมาก” และผลจากการ”ซักถาม” เป็น”ประโยชน์” อย่างยิ่ง ในการต่อ”จิ๊กซอร์” เพื่อเข้าถึง” เครือข่าย”ของ”ขบวนการ” ใน”พื้นที่ และ ที่สำคัญ”1 ปีที่ “แม่ทัพไพศาล หนูสังข์” เป็น”ผอ.กอ.รมน.ภาค 4” ไม่มีการ”วิสามัญฆาตรกรรม”กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” แม้แต่”ศพเดียว” ทำให้”บีอาร์เอ็น”ไม่สามารถสร้าง”เงื่อนไข” ว่า”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ใช้”ความรุนแรง” ไม่มีการ”แห่ศพ” เพื่อการ”บิดเบือน”และ”โฆษณาชวนเชื่อ” ว่าผู้ถูก”วิสามัญ” เป็น”นักรบพระเจ้า” เพื่อ”ปลุกระดม” ให้”ประชาชน” เกลียดชัง “เจ้าหน้าที่รัฐ” และเข้าเป็น”แนวร่วม” หรือ”สมาชิก” ของ”บีอาร์เอ็น”

อีก”ประเด็น” เมื่อไม่มีการ”เงื่อนไข”ของการ”ใช้ความรุนแรง” กลุ่ม “เอ็นจีโอ” กลุ่ม”ปีกทางการเมือง” กลุ่ม”ภาคประชาสังคม” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็ไม่ สามารถ”ขับเคลื่อน” งานด้าน”การเมือง” ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลังจากการที่”กอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ได้”แจ้งความดำเนินคดี” กับ”ภาคประชาสังคม” ทั้งเรื่อง”วันมาลายูเดย์”และเรื่องการ”จัดกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน” แล้ว “ภาคประชาสังคม” ไม่มีการ”ขับเคลื่อน” กิจกรรม ที่เป็นเรื่อง”การเมือง” การ”แบ่งแยกดินแดน” แม้แต่อย่างใด…..ก็อยากจะ”สื่อ”ไปยัง”ผู้มีอำนาจ” ในการ”โยกย้าย” เพื่อเปลี่ยนตัว “แม่ทัพภาคที่ 4” ว่า สิ่งที่”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” ต้องการคือ” แม่ทัพภาคที่ 4” ที่ใช้”ความรุนแรง” ในการ”ดับไฟใต้” โดยเฉพาะการ”วิสามัญฆาตกรรม”และการ”ปิดล้อม ตรวจค้น” ที่สร้าง”เงื่อนไข” ให้กับ”ประชาชน” เพื่อที่จะได้ใช้”เงื่อนไข” ที่เกิดจาก” เจ้าหน้าที่รัฐ” ไป”ขยายผล” ให้”ประชาชน” เกลียดชัง” และเป็น”ศัตรู” กับ”เจ้าหน้าที่รัฐ

ก็”รู้ล่วงหน้า” ถึงความ”เคลื่อนไหว” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่”ขนอาวุธ” ข้ามมาจาก”รัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย เพื่อเตรียมการ”ก่อการร้าย”ใน”จังหวัดนราธิวาส  โดย”พล.อ.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่ง”กระสากลิ่น” ได้เรียกประชุม ให้”กองกำลัง”ในพื้นที่ ให้”ซีลแนวชายแดน” เพื่อป้องกัน”การก่อการร้าย” แต่  หลังการ”ประชุมป้องกัน”เพียง 2 วัน” กองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็น” จำนวน 15 นาย อาวุธและ”ระเบิดแสวงเครื่อง” ครบมือ ก็บุกเข้า”วางเพลิงวางระเบิด”โรงไฟฟ้าชีวะมวล” ที่ ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส  เสียหายหนัก…..แน่นอน”งานการข่าว” ของ”กองกำลังทหาร” ในพื้นที่ยัง”ไม่ดีพอ” จึงไม่ทราบความ”เคลื่อนไหว” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” และ”จุดอ่อน” จึงการ”ซีลชายแดน” ที่มี”แม่น้ำสุไหงโก-ลก” เป็น”เขตแดน” ยังไม่ได้ผล เพราะ”ท่าข้ามเถื่อน” กว่า 200 ท่าข้าม” ใน อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง” มีมากเกินกำลังของ”เจ้าหน้าที่” และหลังการ”ก่อเหตุ” ปรากฏว่า”กองกำลังติดอาวุธ” ข้าม”หลบหนี”ไปกิน”โกปี้” ยังฝั่ง”มาเลเซีย” อย่าง”ลอยนวล”…. ถามว่า ถึงเวลาแล้วยังในการที่จะ”ปิดท่าข้ามธรรมชาติ” หรือ”ท่าข้ามเถื่อน” ให้”เหลือน้อย” เพื่อ”ง่าย” ต่อการ”ควบคุมชายแดนด้าน จ.นราธิวาส และถึงเวลาแล้วยังที่จะ”สร้างรั้วชายแดนถาวร” ที่ไม่ใช่”รั้วลวดหนาม” และ”กล้องซีซี.ทีวี” เพื่อไว้ให้”โจรเผาทำลาย”…..ถึงเวลาแล้วยัง ที่”ตำรวจ,ทหาร,ปกครอง” ต้อง เลิก”พฤติกรรม” เปิด”ชายแดน” ให้เป็น”เขตปลอดเจ้าหน้าที่” เพื่อให้”ขบวนการค้าของเถื่อน” มี”เสรีภาพ” ในการ”ส่งสินค้าเถื่อนข้ามแดน”ไปยัง”มาเลเซีย” และส่ง”สินค้าเถื่อนข้ามแดน”จาก”มาเลเซีย” มายัง”ฝั่งไทย” ที่วันนี้ทุกอย่างยัง”เหมือนเดิม” ขบวนการ”ค้าวัวเถื่อน” ขบวนการ”ค้ายาเสพติด” ขบวนการ”บุหรี่เถื่อน” ขบวนการ”น้ำมันเถื่อน”และ อื่นๆที่”เถื่อนๆ” ยังทำกัน”เหมือนเดิม” ไม่มีอะไรที่”เปลี่ยนแปลง”ในทางที่ดี “พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์”  ผบ.ตร. “ ทราบแล้วเปลี่ยน”…..

ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล