วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

สังคมภูมิใต้ตอนล่าง…จับตา ‘เงินดิจิทัล’ความหวังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ!

จบจากการ”เยือนมิตรประเทศ” ทั้งที่เป็น”เพื่อนบ้าน” และ”ประเทศมหาอำนาจ” อย่าง”สหรัฐอเมริกา,จีน” และ”รัสเซีย” แล้ว”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ผู้นำ”รัฐนาวานิดหนึ่ง” เมื่อกลับมาแล้วต้องเร่ง”สะสาง” เรื่องของ”แรงงานไทย” ทั้งที่”เสียชีวิต” ทั้งที่ตกเป็น”ตัวประกัน” และที่ยังอยู่ระหว่างการ”อพยพ” กลับประเทศให้”สะเด็ดน้ำ” โดยเร็ว ต้องยอมรับว่า”สงคราม” ระหว่าง”อิสราเอล” กับ”กลุ่มฮามาส” ที่เกิดขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก…..หลายอย่างที่เป็น”ปัญหาอุปสรรค”ในการ”อพยพแรงงาน” ที่ได้รับความเดือดร้อน ที่ต้องการกลับประเทศ ไม่เป็นไปตามความต้องการ “ปัญหาอยู่ที่ไหน” และมาจากสาเหตุอะไร งานด้าน”การทูต”ของ”กระทรงต่างประเทศ ต้องมีการ”ปรับปรุงแก้ไข” หรือไม่ ต้องเก็บเอา”ปัญหา-อุปสรรค” ที่เกิดขึ้นมาเป็น”บทเรียน” และต้องมีการ”ถอดบทเรียน” เพื่อที่”ประวัติศาสตร์”จะได้ไม่”ซ้ำรอยเดิม” เพราะอย่างไรเสีย หลัง”ฉากทัศน์” ของ”สงคราม”ครั้งนี้จบลง” แรงงานไทย” ยังต้องเดินทางไปทำงานในประเทศ อิสราเอล ต่อไป เพราะ”ค่าแรง” ที่ได้รับคือเหตุ”จูงใจ” บางครั้งปัญหา”ความยากจน” และความต้องการที่จะ”ตั้งตัวได้” ก็ทำให้”แรงงานไทย” กล้าที่จะ”เสี่ยง” ด้วยการ”เอาชีวิตเป็นเดิมพัน” และเรื่องการ”โจมตี” ใน”อิสราเอล” ก็จะเกิดขึ้นต่อไปตาม”จังหวะเวลา”จนกว่าจะ”สิ้นโลก” ดังนั้น “รัฐบาล” จึงต้องมีความพร้อมในระดับหนึ่ง เพื่อ”รับมือ” กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน”อิสราเอล” ที่เป็นประเทศที่มี”แรงงานไทย”ไป”ขุดทอง”ไม่น้อยกว่า 50,000 คน

ส่วน”เศรษฐกิจ”ของประเทศไทย จะ”ฟื้นตัว” หรือจะ”ดำดิ่ง” ต่อไป หรือไม่ อย่างไร ยังคงต้องรอเวลา เพราะวันนี้ “เศรษฐกิจ” ในประเทศก็ยังไม่”ฟื้นตัว” การ”ส่งออก” ใน”ไตรมาส”สุดท้าย จะเป็นไปใน”ทางบวกหรือลบ” และ”ตลาดหุ้น” หรือ”ตลาดหลักทรัพย์” จะ”ดิ่งลง”หรือจะ”โด่งขึ้น” ก็ยังยากที่จะคาดเดา เพราะยังไม่มี”ปัจจัยบวก” ให้เห็น….. และการไปเยือน”ต่างประเทศ” เพื่อ”กระตุ้น” ให้”นักลงทุน” มาลงทุนในประเทศไทย ก็ยังหวังมากไม่ได้ เพราะหลายประเทศ ไม่ว่า”จีน”อเมริกา,รัสเซีย” ต่างมีปัญหา”เศรษฐกิจ” ในบ้านเมืองของเขา และที่สำคัญ”เรามีดีอะไร” ที่จะให้เขาเลือกมา”ลงทุน” ในประเทศของเรา ในเมื่ออีกหลายประเทศที่เป็น”คู่แข่ง”ของเรา ก็ต้องการ”ดึงนักลงทุน” จากประเทศเหล่านี้ไป”ลงทุน” ยังประเทศเขาเช่นกัน…..เหลือเพียงโครงการ”แจกเงินดิจิตัล” คนละ 10,000 บาท ที่”รัฐบาล” ถือเป็น”ความหวัง” ในการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ครั้งสำคัญ แต่มี”เสียงค้าน” จาก”กูรูเศรษฐกิจ” มากกว่าเสียง”สนับสนุน” ซึ่ง “รัฐบาลนิดหนึ่ง” ต้องมีความ”รอบคอบ” และต้องฟัง”เสียงคัดค้าน” อย่างคิดว่าเป็น”เสียงนกเสียงกา” หรือเป็นเสียงที่มี”อคติ” กับ”รัฐบาล” และ”พรรคเพื่อไทย…. ส่วน”ประชาชน” นั้น”โดยเฉพาะ”ชนชั้นล่าง” และ”ชนชั้นกลาง” น้อยคนที่จะ”ปฏิเสธ” เงินที่”แจกฟรี” ในเมื่อ วันนี้ “คนส่วนใหญ่” ยังอยู่ในความ”เดือดร้อน” ส่วน”แจกเงินแล้ว” ใช้เงินหมดแล้ว ถ้า”เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว” และประเทศมี”หนี้สิน” นั้นเป็นเรื่อง”ภายหน้า” ที่”คนส่วนใหญ่” เขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ก็ หวังเพียงอย่างเดียวว่า “เงินดิจิตัล” ที่”แจกให้ประชาชนนำไปใช้จ่าย” คนละ 10,000 บาท ในครั้งนี้ จะ”กระตุ้นเศรษฐกิจ”ได้จริง และทำให้”ตะกร้าเงิน” หมุนได้ 4 รอบ จริงตามที่”กูรู”ทางด้าน”เศรษฐกิจ” ของพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่น และเงินนี้เป็น”เงินต่อเงิน” ในการสร้าง”เศรษฐกิจให้โต” ไม่ใช่เงิน”สงเคราะห์” ประชาชน เพื่อทำตามนโยบายที่”หาเสียง”ไว้เท่านั้น

เช่นเดียวกับโครงการ”แจกโฉนดที่ดิน สปก.4-01 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่”แอบแฝง” นโยบายในการ”หาเสียง”ไว้กับประชาชน ที่ต้องถามว่าการทำที่กินทำกิน” สปก.”ให้เป็น”โฉนด” จะทำให้ เกษตรกร”มีกิน” ได้อย่างไร ในเมื่อการแจกที่ดินทำกินให้ เกษตรกรในชื่อ”สปก 4-01 ถึง 35 ล้านไร่ ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถทำให้”เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้”แต่อย่างใด การเอาที่ดิน”สปก 4-01” ให้เป็น”โฉนด” จำนวน 22 ไร่ ภายใน 5 ปี จะทำให้”เกษตรกร” สามารถ”มีกินมีใช้” ได้ทันทีทันควัน อย่างไร…..ปัญหาเกษตรกรไทยคือ ผลผลิตที่สู่ประเทศอื่นๆไม่ได้ เช่น”ผลผลิตปาล์มน้ำมัน,ข้าว,ยางพารา”ต่อไร่ สู้ประเทศที่เป็น”คู่แข่ง”ไม่ได้ราคาขายผลผลิตที่”ตกต่ำ” ถูก”พ่อค้าคนกลางกดราคา” และเป็น”หนี้เป็นสิน” ทั้งกับสถาบันการเงิน และ”หนี้นอกระบบ” และที่สำคัญ”ต้นทุน”ในการทำการเกษตรที่มีราคาแพงทั้งระบบ แหล่งน้ำในการทำการเกษตรมีไม่เพียงพอ ที่ทำให้อาชีพการเป็น”เกษตรกร” ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ทำให้”ลืมตาอ้าปาก” ไม่ได้ ถ้า….. “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนาบดี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่แก้ปัญหาเหล่านี้ที่เป็น”ต้นตอ” ของ เกษตรกรไทย” โฉนด สปก.” อาจจะเป็นได้แค่”ขายได้ในราคาที่แพงกว่าเดิมนิดหน่อย” ให้กับผู้ต้องการเพื่อ”เป็นทุน” ไป”ประกอบอาชีพ”อื่นๆ เท่านั่นเอง และนี่อาจจะเป็น”อานิสงค์” ของการ”แปลงที่ดิน “สปก.4-0 1 ให้เป็น”โฉนด” ในครั้งนี้

อีกหนึ่งความหวังของการสร้าง”เศรษฐกิจ” ของประไทยในภาพรวม คือ “รัฐบาลนิดหนึ่ง” ต้อง “ผลักดัน” โครงการ”อภิมหาโปรเจกส์” อย่าง”แลนด์บริดจ์” ที่ เป็น”สะพานบก” เชื่อมสองฝั่งทะเลอันดามัน หรือ มหาสมุทรอินเดีย ที่ฝั่ง จ.ระนอง กับทะเลอ่าวไทย หรือ ทะเลจีนใต้ที่ จ.ชุมพร ในภาคใต้ตอนบนให้สำเร็จ เพราะถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นได้”แรงงาน” จำนวนมาก จะมีงานทำ และจะมี การลงทุน ใน กิจการต่างๆ มากมายที่ตามมากับโครงการ”แลนด์บริดจ์” แห่งนี้ …..แต่สิ่งที่”รัฐบาลนิดหนึ่ง” ต้อง ดำเนินการโดยเร็ว และต้องให้”สำเร็จ” คือการ “สร้างความเข้าใจ” ในโครงการ”แลนด์บริดจ์” กับ ประชาชนในพื้นที่ ทั้ง 2 จังหวัด และต้อง”หยุด” ขบวนการต่อต้านของ”พ่อเจ้าพระคุณเอ็นจีโอ” ให้ได้เสียก่อน เพราะวันนี้” เอ็นจีโอตัวพ่อ” ทุกคนต่างลงไป”ปักหลัก” ในพื้นที่ เพื่อ “ต่อต้าน”โครงการ”แลนด์บริดจ์”อย่างเต็มพิกัดแล้ว และหากในพื้นที่และ”หน้าทำเนียบ” ยังมี”เอ็นจีโอ”นำชาวบ้าน ไป”เย้วๆ” การที่”รัฐบาล” จะไป”โรดโชว์” ต่างประเทศ เพื่อหา”กลุ่มทุน”มาร่วมลงทุนก็”ป่วยการ” ไม่มี”กลุ่มทุน”ไหน ที่อยากมาลงทุนในประเทศโดยเฉพาะ ในพื้นที่ ที่มีคาม”ขัดแย้ง”

อีกโครงการที่เป็นการ”พัฒนาเศรษฐกิจ” ในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ”ภาคใต้ตอนล่าง” คือ”นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” หรือ”เมืองต้นแบบที่ 4 “ ที่ “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” (ศอ.บต. ) เป็นผู้”ขับเคลื่อน” และ “รัฐบาล”ของ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ แต่ถูก”เอ็นจีโอ” นำ”มวลชน” ที่มีอาชีพ”ประมงพื้นที่บ้าน” จำนวน 200 กว่าคนทำการ”คัดค้าน” และ”ขัดขวาง” ด้วยการ”ล้มทุกเวที” ที่ เกี่ยวข้องกับการ”ขับเคลื่อน” โครงการ จน “รัฐบาล” ในอดีต ต้อง”เปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าภาพ” จาก”ศอ.บต. เป็น”สภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” (สศช ) เป็นผู้”ขับเคลื่อน” แทน ซึ่งการ”ขับเคลื่อน” ของ” สศช.” เป็นไปอย่าง”ล่าช้า” ยิ่งกว่าการ”คืบคลาน” ของ”หอยทาก” หลังมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ก็ยิ่งไม่เห็น”ความเคลื่อนไหวจาก สศช.” เรื่องนี้ “เศรษฐา ทวีสิน” ในนามผู้นำ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” ต้องตอบให้ชัดว่าจะ”เอาอย่างไรกับโครงการ” เมืองต้นแบบที่ 4” หรือ”นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” ถ้า”ไม่เอา” และจะมีโครงการ”อุตสาหกรรม”อะไรแบบไหนมา “ทดแทน” เพื่อให้เกิดการ”ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการลงทุน” และการ”สร้างงาน,สร้างเงิน,ให้กับคนในพื้นที่ หรือสุดท้ายแล้ว “รัฐบาลนิดหนึ่ง” ไม่ต้อง”ขับเคลื่อน” อะไรในภาคใต้ ปล่อยให้เป็นไป”ตามมีตามเกิด” คนจนคนว่างงานก็หาทางไป”มาเลเซีย”เพื่อขายแรงงาน ส่วนผู้จบการศึกษาใหม่ก็”ว่างงาน” และถูกดูดเข้าไปสู่”วังวน” ของอาชีพทุจริต เช่น “ค้ายาเสพติด”,ของเถื่อน” ในพื้นที่ แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย

เขียนถึง “แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย” ก็ต้องเขียนถึง”สินค้าหลบหนีภาษี” หรือ”ของเถื่อน” ที่เป็นอีก”หนึ่งปัญหา” ทาง”เศรษฐกิจ” ที่ “ปราบปราม”ไม่สำเร็จ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล เหตุผลเพราะ”ของเถื่อน”มีราคาถูก” ไม่ว่าจะเป็น”บุหรี่,น้ำมันปาล์ม,น้ำมันดีเซล,น้ำมันเบนซิน,หอม,กระเทียม,เนื้อหมู เนื้อวัว” และ”ของกินของใช้”อื่นๆ ซึ่งเป็น”ช่องทาง” ที่ทำให้ ทุกคนอยากให้”ของถูก” ในยามที่”กระเป๋าแฟบ” ดังนั้นการ”ปราบปรามของเถื่อน”ให้ได้ผล “รัฐบาล” ต้องทำให้ ราคาสินค้าเหล่านี่ถูกลง การ”จับกุม” จึงไม่ใช่”ทางออก” เพราะ วันนี้ผู้ที่อยู่ใน”ขบวนการค้าของเถื่อน” ที่ถูกจับเป็นประจำ ก็ยังค้าขายตามปกติ และ”ใหญ่มหึมา” ขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้”หมดเนื้อหมดตัว”กับการถูกจับกุมถูก”ยึดของกลาง” และถูก”จ่ายค่าปรับ” แต่อย่างใด

ข่าวดี”ชาวสวนยาง” รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี “รัดเกล้า อินทวงค์ สุวรรณคีรี” แจ้งว่า จะมีการช่วยเหลือ เกษตรกรชาวสวนยางพารา ที่ขึ้นทะเบียนกับถูกต้อง ด้วยการให้”สวัสดิการสงเคราะห์” ผู้ที่”เสียชีวิต” จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท นี่ก็”เกาไม่ถูกที่คัน” เพราะเรื่องที่”เกษตรกรชาวสวนยางต้องการ” ไม่ใช่”เงินสงเคราะห์” หรือเงิน”ค่าทำศพ” แต่ต้องการได้ราคายางที่”กิโลกรัมละ 80 บาท” เพื่อที่จะได้”หายจน” เพราะทุกวันนี้ หลังจากที่ไม่มีการ”ประกันราคา” ชาวสวนยางต้องอยู่กับ”ราคายางที่เป็นจริง” ทำให้กลายเป็น”คนจนที่จนแจ็กๆ” ไปแล้ว…..มาดูเรื่อง”ความมั่นคง” ที่ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” และอย่าคิดว่าเรื่องสงคราม ที่เกิดขึ้นที่”ตะวันออกกลาง” ระหว่าง”อิสราเอล” กับ”ฮามาส” ที่”ปาเลสไตล์” เป็นเรื่องที่”ห่างไกล”จากประเทศเรา เพราะ”โฆษกขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น”ออกแถลงการณ์ “สนับสนุนให้มุสลิมลุกขึ้นต่อสู้ทวงดินแดนอิสราเอลคืน” รวมทั้งมีการ”ฟาดหาง” มายัง “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ปลุกระดมให้คนในพื้นที่”ทวงคืนดินแดนปัตตานี” ที่ถูก”สยามยึดครอง” เห็นหรือยังว่า”การก่อการร้ายไร้พรมแดน” ก็ติงเตือนกันไว้ สงคราม ครั้งนี้อาจจะ”ลากยาว” กลุ่ม”เป้าหมาย” นอกจากประเทศอิสราเอลแล้ว คนอิสราเอล และ กิจการของอิสราเอล ในประเทศต่างๆ ก็อาจจะเป็น”เป้าหมายการทำลายร้าง” ของ”กลุ่มก่อการร้ายสากล” ที่”กองทัพภาคที่ 4 พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 ประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่”วันก่อน” มี”มือดี” นำธงชาติของปาเลสไตล์ ชักขึ้นเหนือยอดไม้ในหมู่บ้าน”เกาะหม้อแกง” อ.เทพา จ.สงขลา นี้คือที่พบเห็น แต่ที่”ไม่เห็น” จะมีการ “เคลื่อนไหว” อย่างไรก็ไม่มีใครรู้ เพราะ”ทางการ” พยายามที่จะ”ปกปิด” ทุกข้อมูลในพื้นที่ เพื่อ”ปิดบังอำพราง” มิให้”ส่วนกลาง” เห็น”ของจริง” สถานการณ์จริงของ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นอย่างนี้มานานนมแล้ว…..ส่วน “ปฎิบัติการ”ล่าสุด ของ”เจ้าหน้าที่ทหาร” คือการ”ปิดล้อม”และ”จับกุม” ผู้”ต้องหาตามหมายจับ” ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนี้ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ก็ระวังป้องกันให้ดี ตรงไหน”หละหลวม” อาจจะได้”ไปป์บอมบ์,บอลล์บอมบ์” หรือการ”กราดยิง” แล้วหลบหนี ที่เป็นการ”ตอบโต้” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” ในพื้นที่

ก็น่าเห็นใจ”รัฐบาลนิดหนึ่ง” ที่คิดแต่ในเรื่อง”ปั๊มเงิน”เพื่อให้”เศรษฐกิจโต” เพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มองในเรื่อง”อบายมุข” เช่นการมี”แนวคิด” จะให้”สถานบันเทิงเปิดได้ถึงตี 4 “ เพื่อบริหาร “กลุ่มนักท่องเที่ยว” และนัก”ย่ำราตรี” เรื่องนี้ “นักธุรกิจบันเทิง” เห็นดีเห็นงาม แต่” หมอพรหมมินทร์ กัณธิยะ” ผอ.เครือข่ายลดอุบัติเหตุ ( สคอ.) ออกมา “คัดค้าน”ไม่เห็นด้วย ขอให้มีการทบทวน เพราะเชื่อว่าการเปิด”สถานบันเทิงถึงตี 4 “ จะทำให้ “อุบัติเหตุบนท้องถนน” เพิ่มขึ้น คนเจ็บ คนตาย จะมากขึ้น…..แต่ที่”หมอพรหมมินทร์” ไม่ได้พูดคือนอกจากเรื่อง”อุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ” แล้วสถานบันเทิงคือแหล่ง”มั่วสุมที่มีเรื่องยาเสพติด” ที่มากที่สุด เพราะทุกแห่งของ”สถานบันเทิง” ต้องมีเรื่อง”มั่วยา เมายา อัพยา” ไม่มาก ก็น้อย ถ้าจะให้”สถานบันเทิง” เปิดถึงตี 4 “ ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ต้องมีแผนในการ”ป้องกัน”ให้ดีๆ เพราะเรื่อง”อบายมุข” เรื่อง”สถานบันเทิง” คนที่”ร่ำรวย” ไม่ใช่”เจ้าของกิจการ” เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง”ส่วย” ที่ต้องจ่ายให้หน่วยงานต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย รัฐมนตรี”มหาดไทย” อนุทิน ชาญวีรกุล” และ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. ต้อง”ควบคุม” มิให้”เจ้าหน้าที่”รับผลประโยชน์ ไม่ว่าจะ”ตามน้ำ”หรือ”ทวนน้ำ” ก็ไม่ได้…..แต่โดยข้อเท็จจริง ณ วันนี้ เมืองท่องเที่ยวทุกจังหวัดของประเทศไทย “สถานบันเทิง” ก็เปิดเกินเวลาที่กำหนดอยู่แล้ว หลายแห่ง”เปิดยันสว่าง” ก็มี โดยเฉพาะ”สถานบันเทิงเส้นใหญ่” ที่มี”หุ้นส่วน” เป็น”นักการเมือง” เป็น”คนในเครื่องแบบ” และ แน่นอน วิธีการของ”นายทุน” คือการให้”หุ้นลม” แก้คนที่มี”อำนาจ” ทั้งที่เป็น”นักการเมือง” และคนใน”เครื่องแบบ” เพื่อใช้เป็น”ยันต์กันผี” ตรงนี้ถามว่า มท.1 และ”ผบ.ตร. ว่าจะแก้อย่างไร

เรื่องการ”หลอกลวง”การขายสินค้าทาง”ออนไลน์” ยังเป็นปัญหาที่”แก้ไม่ตก” จับไม่หมด ล่าสุด”น้องพลอย” นักเรียนชั้น มัธยมปีที่ 6 ที่ จ.นครศรีธรรมราช กลายเป็น”เหยื่อ” ของการ”หลอกลวง” ให้ซื้อ”ไอโฟนเงินผ่อน” โอนเงินไปเข้า”บัญชีม้า” ต้อง”สูญเงิน” จนสุดท้าย “คิดสั้น” ด้วยการ”ฆ่าตัวตาย” ถามว่า “กี่ศพแล้วต่อกรณีการ”หลอกลวง” ก็ไม่ได้โทษ”ตำรวจ” เพราะการ”จับกุม” เป็นเรื่องที่”ปลายเหตุ” ส่วน”ต้นเหตุ” ที่ไม่มีการ”พูดถึง” คือเรื่องการ”ป้องกัน” ด้วยการให้ทุกคน” เข้าถึงข่าวสาร”การ”หลอกลวง” ของ”มิจฉาชีพ”ที่เป็นแก๊งค์”คอลเซ็นเตอร์” ต้องยอมรับว่าวันนี้”คนไทย” ไม่สนใจติดตาม”ข่าวสารบ้านเมือง” จนกลายเป็น”เหยื่อ” ของ”แก๊งค์มิจฉาชีพ” ที่อาศัยช่องทาง”อออนไลน์” ในการ”หลอกลวง” ที่เห็นและเป็นข่าว เป็นเพียง”ส่วนน้อย” แต่ที่”ถูกหลอกลวง” แต่”ไม่เป็นข่าว” คือส่วนใหญ่ เป็นหน้าที่ของ”เสนาบดี”กระทรวงไอทีซี ที่ต้องหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น …..สำหรับ”ตำรวจ” ซึ่งมีหน้าที่ในการ”สืบสวน สอบสวน จับกุม” ผู้เป็น”มิจฉาชีพ”มาลงโทษ “ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. ต้องทำการ”ติวเข้ม” ให้ ตำรวจทุก สภ. มีความรู้ ความชำนาญในการ ปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้การ”สืบสวนสอบสวน “ และ”จับกุม” ทำได้รวดเร็วขึ้น โดยต้องสาวให้ถึง”ต้นตอ” ของ ขบวนการ และถ้าเป็นไปได้ ต้องมีการ”แก้กฎหมาย” เพื่อ”เพิ่มโทษ” ที่อาจะทำให้”เข็ดหลาบ” เศร้านะ กับ ชะตากรรม ของผู้ที่กลายเป็น”เหยื่อ”

หน้าหนาวของภาคอื่น แต่เป็น”หน้าฝน”ของภาคใต้ ที่ปีนี้มี”แนวโน้ม” ว่าจะมีฝนตกหนัก และปัญหาที่ตามมาคือ”น้ำท่วม” กับ”น้ำขัง” สำหรับเรื่อง”น้ำท่วม” ก็จะมีพื้นที่ที่เรียกว่า”ท่วมซ้ำซาก” ถ้า”ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกเทศบาล นายก อบต. มีการวางแผน”รับมือ” กันเนิ่นๆ ปัญหาความ”สูญเสีย” ก็อาจจะป้องกันได้ ปัญหาจึงอยู่ที่”ท้องถิ่น ท้องที่ ฝ่ายปกครอง” มีการ”บูรณาการ” หรือต่างคนต่างทำ…..ที่ จ. สตูล ปีนี้ ฝนตกมาก ตกน้อย ก็มีปัญหาเรื่องของ”น้ำท่วม” ปีนี้ได้ ชาวสตูล ได้” ศักระ กบิลกาญจน์ “ มาเป็น”ผู้ว่าราชการจังหวัด” หลังจากไม่มี”ผู้ว่าฯ” มากว่า 6 เดือน ก็หวังว่าปัญหา”น้ำท่วม” คงจะ”เอาอยู่”…..ส่วน จ.ยะลา,ปัตตานี เป็นสองจังหวัด ที่เชื่อมต่อกัน ของหน้าฝนปีนี้ได้และหาก น้ำท่วมยะลา ที่อยู่”ต้นน้ำ” ก็จะส่งผลกระทบถึง”ปัตตานี” ที่เป็นพื้นที่ปลายน้ำ และที่สำคัญ”น้ำจากเขื่อนบางลาง” คือ”ตัวแปร” ว่าน้ำจะท่วมพื้นที่ของ สองจังหวัดนี้หรือไม่ จ.ยะลา ได้ผู้ว่าราชการจังหวัด”มือใหม่”ที่มาจาก”ผู้ตรวจราชการ”ที่ชื่อ “อำพล พงษ์สุวรรณ” แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะ”รอบข้าง” มี”รอง ผวจ.” ที่รู้งาน ทั้ง 3 คน และแถมมี”ปลัดจังหวัด”มือดี” อยู่ด้วย…..ส่วนที่ จ.ปัตตานี ปีที่ผ่านมา หลายพื้นที่ หลายอำเภอ ถูกน้ำท่วม ดังนั้น”พาตีเมาะ สะดียามู” ผู้ว่าหญิงแกร่ง คงมีการสรุปบทเรียนของปีที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาได้ และยังมี”สนั่น สนธิเมือง” รอง ผวจ.ฝ่ายความมั่นคง ที่คงจะ”ช่วยได้อีกแรง”

ที่น่าเป็นห่วงคือ จ.พัทลุง เพราะมี”ป่าไม้ และน้ำตก” เป็นจำนวนไม่น้อย ที่มักจะมีการ”ท่วมฉับพลัน” และเป็น”อันตราย” กับ”ประชาชน” ดังนั้น “นิศากร วิศิษฐ์สรอรรถ” ผู้ว่า”หญิงเก่ง” อีกคนของ”กรมการปกครอง” ต้องมีการ”บูรณาการ” กับ”อุทยานแห่งชาติ” ในพื้นที่ ถ้าเห็นว่าจะมี”อันตราย” ก็จะได้ประกาศห้ามให้ “นักท่องเที่ยว” เข้าไปในพื้นที่ทำ”เซฟตี้โซน” ไว้ก่อน เพื่อความไม่ประมาท…..เช่นเดียวกับ”เทศบาลนครสงขลา” ที่มักมี”นักท่องเที่ยว” เสียชีวิตจากการเล่นน้ำทะเล วันนี้”ปักธงแดง” อย่างเดียวไม่พอ เพราะคนมันดื้อ”วันชัย ปริญญาศิริ” นายกเทศมนตรี เทศบาลนครสงขลา ต้องเตรียม”เจ้าหน้าที่” และ”เครื่องมือกู้ภัย” ให้พร้อม…..ส่วนพื้นที่ “เทศบาลนครหาดใหญ่” จ.สงขลา ปัจจุบัน น้ำคงจะไม่ท่วมใหญ่ เหมือนที่ผ่านๆมา เพราะมีการ”ขยายคลอง ร 1 “ ให้สามารถรับ”มวลน้ำ”ได้มากขึ้น แต่เรื่อง”น้ำท่วมขัง” เพราะระบายจาก”คูคลอง”ลงในแม่น้ำ ไม่ทัน จะแก้อย่างไร ที่ผ่านมากเห็นๆอยู่ ฝนกตก “สองจั๊ก” น้ำขังเต็มพ้นที่ “อุโมงค์ทางลอด” ก็เป็น”อัมพาต” นี่คือปัญหาที่” พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ต้อง”มีแผน” ในการ รับมือ แน่นอน”น้ำท่วม”กับน้ำ”ระบายไม่ทัน” ต่างกัน แต่ความเดือดร้อน และเสียง”ก่นด่า” ของชาวบ้าน ที่”จมน้ำ” ไม่ต่างกันนะ “พี่หลวง”

สัปดาห์ที่แล้ว เขียนถึง “สมนึก พรมเขียว” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กับการแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ” เรื่อง”การค้าชายแดน” เรื่องด่านศุลกากรใหม่ ของ อ.สะเดา และ ด่านพรมแดนบ้านประกอบ อ.นาทวี ที่”สร้างแล้ว มีแล้ว” แต่ไม่มีการ”ใช้ประโยชน์” ในการ”ค้าชายแดน” อย่างที่ควรจะเป็น วันนี้ก็ ฝากถึง”ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา” คือปัญหาหนึ่ง นั่นคือ”จราจร จลาจล” ใน เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เมืองชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่กลายเป็น”ปัญหาโลกแตก” ที่ไม่มีการ”แก้ไข” เพราะมีการปล่อยให้ ถนนทุกเลน ถูก”ยึดครอง” โดยรถบรรทุกหัวลาก ที่วิ่งบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศ และยิ่งใน”วันหยุด” และ”เทศกาล” ที่มี “นักท่องเที่ยว” ชาวมาเลเซีย เดินทางมาเที่ยว จ.สงขลา มากเท่าไหร่ ถนนสายนี้ก็เป็น”อัมพาต” เท่านั้น จำได้ว่าใน”สมัยหนึ่ง” แม่ทัพภาคที่ 4 คนหนึ่ง เคยเข้ามา”จัดการ” กับปัญหา”จราจร จลาจล” ใน เทศบาลสำนักขาม แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่”แก้ผ้าเอาหน้ารอด” ก็ฝากเรื่อง”จราจร จลาจล” ให้เป็น”การบ้าน” กับ”สมนึก พรหมเขียว” แสดงฝีมือให้คนสงขลาได้ประจักษ์…..เข้าใจงาน และ รู้หน้าที่ พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และ”โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” หลังรับตำแหน่ง ก็”เดินสาย” สารสัมพันธ์” กับ” “สื่อมวลชน” ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อ”แสวงหาความร่วมมือ” ในการนำเสนอ”ข่าวสาร” ที่เป็นประโยชน์ ก็ขอ ชื่นชม นะ

ส่วน” พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนประณีต ผบช. ตำรวจตระเวนชายแดนคนใหม่ ลงพื้นที่ ติดตามปัญหา”นักเรียนนายสิบ” ที่”เสียชีวิต” ในขณะทีทำการฝึกที่”ค่ายท่านมุก” อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อแก้ไขความ”บกพร่อง” ที่เกิดขึ้น และมีการ”โยกย้าย” เจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ในข่าย”บกพร่อง” ออกจากหน่วย ก่อนตั้ง”กรรมการสอบสวน” อีกเรื่องที่ต้องฝาก ผบช. ตชด. คนใหม่ เพราะสังเกตว่า ผลงานของ “ตชด.” ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้ ที่ผ่านมา”ไม่ปรากฏ” ทั้งที่ในพื้นที่มีทั้ง”การค้ามนุษย์, การค้ายาเสพติด,การค้าของเถื่อน” ที่ใช้”แนวชายแดน” ในการ”เข้า-ออก” หรือ หน้าที่ของ”ตชด. เปลี่ยนใหม่ ไม่ต้อง”ปราบปรามป้องกัน” ขบวนการผิดกฎหมายแล้วก็ไม่รู้…..ยังมีนะ “น้ำมันเถื่อน” ที่ลักลอบโดยการใช้”เรือประมงดัดแปลง” และ”เทียบท่าขนถ่าย” ในพื้นที่ฝั่งทะเล จ.สงขลา ข่าวว่า”นายทุนใหญ่” และผู้ที่รับซื้อรายใหญ่ในการนำ”ขึ้นบก”เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นอกจาก”ผิดกฎหมาย” ยังเป็นการทำลาย”เศรษฐกิจ”ของชาติ ผกก. อย่าลืม”สั่งการให้”ผู้ใต้บังคับบัญชา” ตรวจสอบ และ จับกุมด้วย…..เทศกาลกินเจที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ปีนี้ไม่”คึกคัก” เท่าที่ควร “นักบุญชาวมาเลเซีย –สิงคโปร์” ก็มาน้อยลง ไม่ใช่เพราะ”เจ้าภาพจัดได้ไม่ดี” แต่เป็นเพราะ”เศรษฐกิจ” ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จึงทำให้”เม็ดเงิน” ไม่สะพัดเท่าที่ควร แต่สิ่งหนึ่งที่ได้ฟังจน”หูชา” คือเรื่องของทุกอย่างที่ใช้ในการ ทำอาหารเจ แพงหูฉี่ เหมือนกับ ไม่มีใครรับผิดชอบ ปล่อยให้มีการ”ค้ากำไร”เกินตัว เท็จจริงอย่างไร “ฉัตรสุดา ชุมแสง” พาณิชย์จังหวัดสงขลา น่าจะตอบได้ แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก