วันเสาร์, 7 มิถุนายน 2568

เลขาธิการ คปภ. ฉายภาพผลงานเด่นต่อเนื่อง 8 ปี นำสำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยไทยก้าวข้าม Digital Disruptionทะยานสู่มาตรฐานสากล พร้อมส่งต่อภารกิจให้เลขาธิการ คปภ. ท่านใหม่

10 ก.ค. 2566
122

เลขาธิการ คปภ. ฉายภาพผลงานเด่นต่อเนื่อง 8 ปี นำสำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยไทยก้าวข้าม Digital Disruptionทะยานสู่มาตรฐานสากล พร้อมส่งต่อภารกิจให้เลขาธิการ คปภ. ท่านใหม่

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) สรุปผลงานเด่น ๆ ตลอด 8 ปี ในตำแหน่งและฉายภาพทิศทางการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยภายใต้บริบทใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในงาน Press Conference : the new landscape of insurance supervision towards sustainable growth เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรม ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีผลงานเด่นที่ได้ดำเนินการากมาย อาทิเช่น สะสางปัญหาการบริหารที่ค้างอยู่และปรับปรุงโครงสร้างสำนักงาน คปภ. เป็นผลสำเร็จ เป็นกำลังสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์และเตรียมความพร้อมจนสาขาประกันภัยไทยสามารถผ่านการประเมินภาคการเงิน (Financial Sector Assessment Program : FSAP)โดยได้คะแนนประเมินเป็นลำดับที่ 2 ของ ASEANและเป็นลำดับที่ 4 ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นผู้บุกเบิกในการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย Center of Insurtech, Thailand (CITจนมีผลงานมากมาย ริเริ่มการจัดให้มีรางวัล OIC InsurTech Awardเพื่อเฟ้นหาสุดยอด InsurTechของไทยเป็นครั้งแรกและให้จัดเป็นประจำทุกปี นำอุตสาหกรรมประกันภัยทยานสู่มิติดิจิทัลในระดับสากลด้วยการริเริ่มจัดงาน Thailand InsurTech Fair(TIF) ต่อเนื่องทุกปี ปรับเพิ่มวงเงินคุ้มครองประกันภัย พ.ร.บ. เชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real-time เพื่อตรวจสอบการจัดทประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับการชำระภาษีรถประจำปี การยืนหยัดช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ประกันภัยโควิดแบบเจอจ่ายจบให้รอดพ้นจากปัญหาการถูกบอกเลิกกรมธรรม์ฯ จนตัวเองต้องถูกฟ้องคดี ขับเคลื่อนการพัฒนาฐานข้อมูลด้านการประกันภัย (Insurance Bureau System : IBSพัฒนา Application ME Claim” พัฒนา OIC Gateway เชื่อมต่อกับ Chatbot คปภ. รอบรู้” ในรูปแบบ AI บนแพลตฟอร์ม LINE ทำให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง พัฒนา Super Application ด้านประกันภัยในชื่อ “กรมธรรม์ของฉัน หรือ “MyPolicy” สำหรับให้ประชาชนใช้ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัยนอกจากนี้

ยังเป็นผู้จุดประกายโครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ พัฒนากรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (Micro Insuranceจนมาสู่ประกันภัยอุบัติเหตุที่มีเบี้ยประกันภัย 7 บาท และ 10 บาท ส่งเสริมให้มีการพัฒนาเว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัยภายใต้ชื่อ “กูรูประกันภัย” จุดประกายและขยายผลโครงการ Insurance Regulatory Sandbox : IRS ผลักดันการแก้ไขกฎหมายแม่บทด้าประกันภัยจนยกร่างสำเร็จและผ่านความเห็นชอบจาก ครม. โดยร่างกฎหมายในกลุ่มที่ 1 ได้รับการตราเป็นกฎหมายและมีผลใช้บังคับแล้ว ซึ่งครอบคลุมถึงความผิดฐานใหม่คือการฉ้อฉลประกันภัย อีกทั้งยังออกคำสั่งนายทะเบียนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการลดเบี้ยประกันภัยหากมีการติดตั้งกล้องติดรถยนต์ และปรับปรุงเงื่อนไขระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพื่อป้องกันกรณีเมาแล้วขับฯลฯ ส่วนภารกิจที่ได้เริ่มแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จและจำเป็นต้องฝากให้เลขาธิการ คปภ. ท่านใหม่สานต่อมี มิติ คือ มิติที่ 1 ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลโดยต้องทำให้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลมีความยืดหยุ่นและกำกับเท่าที่จำเป็นให้สอดคล้องกับกติกาสากล ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินโครงการ Regulatory Guillotine เพื่อทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายอนุบัญญัติ ปรับปรุงกฎหมายแม่บทว่าด้วยการประกันภัย ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปรับปรุงการทำ Stress Test และ Scenario Analysis ของสำนักงาน คปภ.

ทั้งนี้ งานที่เริ่มแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จยังรวมถึงการสานต่อการผลักดันร่างกฎหมายแม่บทด้านประกันภัยที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม. แล้ว แต่ยังค้างอยู่ คือ ร่าง พ.ร.บ. กลุ่มที่ การเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงของบริษัท และร่าง พ.ร.บ. กลุ่มที่ ส่งเสริมการควบโอนกิจการและความรับผิดของกรรมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทประกันภัย โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มบทลงโทษ สำหรับผู้บริหารบริษัทประกันภัยที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนด้านการประกันภัย ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงาน คปภ. ทำได้เพียงเข้าควบคุมธุรกรรมการเงินเพื่อป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สินหรือมีการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ถือกรมธรรม์โดยกองทุนประกันวินาศภัย (ในฐานะผู้ชำระบัญชี) แต่ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายสำหรับการละเมิดหรือทุจริตในธุรกิจประกันภัยสำหรับผู้บริหารบริษัทประกันภัยอย่างจริงจัง หากการแก้ไขกฎหมายและเพิ่มบทลงโทษเป็นผลสำเร็จก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดฉ้อฉลประกันภัย และบริษัทประกันภัยจะตื่นตัวในการรับผิดชอบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้เอาประกันภัย

นอกจากนี้ จำเป็นต้องสานต่อการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ประกันภัยทางทะเลเป็นกฎหมาย เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายประกันภัยทางทะเลบังคับใช้เป็นของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีธุรกรรมการประกันภัยเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเล แต่ไม่มีกฎหมายประกันภัยทางทะเลของไทยใช้เอง หลายกรณีต้องนำของประเทศอังกฤษมาปรับใช้ ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจาก ครม. แลอยู่ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจวนจะแล้วเสร็จ ซึ่งหากประเทศไทยมี พ.ร.บ. ประกันภัยทางทะเลฉบับแรกของประเทศไทย ก็จะเกิดความชัดเจนในการใช้กฎหมายสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยทางทะเล ตลอดจนภาคการประกันภัยเกิดความชัดเจนในการดำเนินการและสามารถลดความเสี่ยงหากเกิดวิกฤตได้ในอนาคต

มิติที่ 2 ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้กับภาคธุรกิจประกันภัยมุ่งไปสู่ Digital Insurance อย่างเต็มรูปแบบ
โดยต้องเร่งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีและใช้เทคโนโลยีอย่างจริงจัง ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลกลางด้านประกันภัย (Insurance Bureau System : IBS) ต่อยอดโครงการจัดตั้งศูนย์บริหารและพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการประกันภัยแห่งชาติ (National Insurance Bureau : NIB) ขยายขอบเขตการให้บริการข้อมูลและควบรวมฐานข้อมูล “ประกันชีวิต-วินาศภัย” สู่ Big data เพื่อยกระดับและเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมประกันภัยในระดับสากล โดยที่ NIB จะเป็นศูนย์ที่รวมข้อมูลประกันภัย ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิต จากระบบ IBS ทั้งสองระบบ และใช้ประโยชน์จาก OIC Gateway ระยะที่ จาก My Policy สู่ My Portfolio ต่อยอดโครงการ Insurance Regulatory Sandbox เป็น Smart Sandbox เพิ่มบทบาทเพื่อยกระดับศูนย์ Center of InsurTechThailand (CIT) ให้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัย พัฒนาเครื่องมือในการประเมินระดับความพร้อมด้านการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Resilience Assessment Framework : CRAF)

รวมทั้งต้องเร่งขับเคลื่อนระบบประกันภัยไทยไปสู่ดิจิทัล เพื่อการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวของธุรกิจประกันภัยให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล และในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาระบบประกันภัยดิจิทัลจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีผลต่อประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ลดต้นทุนดำเนินการ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดสากล ซึ่งจำเป็นต้องนำนวัตกรรม Tech Trends มาใช้กับการให้บริการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทั้งนี้บริษัทประกันภัยจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มองหาช่องทางการเติบโต ไม่ว่าจะผ่านบริการรูปแบบใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ หรือมุ่งเน้นที่การป้องกันมากขึ้น รวมทั้งทำให้ผู้เอาประกันภัยเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยหากมีการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้แม่นยำบริษัทประกันภัยก็จะสามารถ Tailor Made แผนและเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับผู้เอาประกันภัยแต่ละรายได้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพช่องทางดิจิทัล รวมทั้งขยายระบบนิเวศการขายให้มีประสิทธิภาพ

และยังมีภารกิจที่รอการสานต่อในการทำให้ประเทศไทยเป็น InsurTech hub สำหรับภูมิภาคอาเซียน หากสำเร็จจะเป็นก้าวสำคัญในการนำพาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและเติบโตของภาคธุรกิจ InsurTech ในภูมิภาค ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการให้บริการประกันภัยที่มีคุณภาพแก่ผู้บริโภคในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยศูนย์ CIT จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น InsurTech Startup Huที่เชื่อมโยงเครือข่ายภาคธุรกิจ Startups และ Tech firms ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรมการปรับเปลี่ยนทางด้านกฎหมายและการสร้างระบบที่สนับสนุนการเติบโตของ InsurTech ด้วย

มิติที่ 3 ขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยมุ่งสู่Sustainable Insurance โดยต้องดำเนินการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจประกันภัยมุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ทั้งการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยเชิงรุก (Forward looking and Pro-active Intervention) การส่งเสริมให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงิน และเสริมสร้างศักยภาพให้พร้อมรองรับความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในด้านธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย การพิจารณารับประกันภัย การเสนอขายไปจนถึงการจัดการค่าสินไหมทดแทน

นอกจากนี้ การเชื่อมโยงและลิงก์ข้อมูลต่าง ๆ ด้านประกันภัยในอาเซียน ทั้งการพัฒนาระบบการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประกันภัยในภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากรระหว่างประกันภัยในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจประกันภัยของไทย จะทำให้ธุรกิจประกันภัยของไทยมีความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน

มิติที่ 4 ยกระดับการกำกับดูแลและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย โดยต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการกำกับดูแลเพื่อเตรียมการรองรับมาตรฐานสากลที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งยกระดับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีพัฒนาเครื่องมือใหม่ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการกำกับดูแล (SupTechยกระดับแนวทางการตรวจสอบและกำหนดแนวทางพัฒนาระบบงานตรวจสอบบริษัทประกันภัย (Onsite Examination System: OES) เพื่อรองรับการดำเนินการตรวจสอบ ณ ที่ทำการ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยด้วยเทคโนโลยี พัฒนาระบบในการให้บริการและให้ข้อมูลด้านการประกันภัยแก่ประชาชน เช่น ระบบการติดตามเรื่องร้องเรียนและส่งเสริมความรู้ให้กับประชาชนผ่าน Mobile Application ยกระดับระบบบริการสายด่วน คปภ. 1186 เป็น Cloud system ต่อยอดระบบ PPMS ระยะที่ โดยเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างภาคธุรกิจประกันภัยและสำนักงาน คปภ. เข้าด้วยกันทั้งระบบ ต่อยอดระบบสารสนเทศที่ใช้ในกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัยมาสู่ระบบ E-Arbitration ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วมีความคืบหน้าแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

“ในระยะแรกที่ผมเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เน้นการแก้ไขปัญหาด้านบริหารภายในองค์กรที่คั่งค้างมานานจนเป็นผลสำเร็จ จากนั้นก็ขับเคลื่อนการปรับปรุงกฎหมายแม่บทต่าง ๆ อย่างเต็มพิกัด จนสามารถยกร่างสำเร็จและผ่านความเห็นชอบของ ครม. แล้ว รวมทั้งเตรียมการเข้ารับการประเมิน FSAP จนสามารถสอบผ่านได้เป็นลำดับที่ 2 ของอาเซียน ส่วนการขับเคลื่อนเรื่องฐานข้อมูลและดิจิทัลเทคโนโลยีก็ได้ดำเนินการควบคู่กันไปจนสามารถตั้งไข่ได้แลมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้กำหนดนโยบายและเดินหน้าการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ภายใต้ Mission เพื่อให้องค์กรนี้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดยภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งคือการพยายามทำให้ประกันภัยเป็นเรื่องที่คนทุกระดับสามารถเข้าถึงได้ และถ้าเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นสำนักงาน คปภ. ต้องเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือได้ทันที ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง คงหลักการสำคัญของการประกันภัย แต่ต้องมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนรวดเร็วเท่าทันกับสถานการณ์ มุ่งกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมภายใต้หลักคิด จะทำอย่างไรให้ “ประกันภัย” อยู่ในใจ “ประชาชน” มาวันนี้ สำนักงาน คปภ. เดินมาได้ไกลเกินครึ่งทางแล้ว และคงต้องฝากไปถึงท่านเลขาธิการ คปภ. ท่านใหม่ที่จะเข้ามาดูแลบ้าน “คปภ.” หลังนี้ช่วยสานต่อและต่อยอดหลายสิ่งที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น หากได้รับการพัฒนาสำเร็จเต็ม Scale ประโยชน์สูงสุดก็จะตกแก่ประชาชนและประเทศชาติ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา