ในที่สุดเงิน “ดิจิตัลวอลเล็ต” ซึ่งพรรคเพื่อไทย และ”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ต้องการให้เป็น”เครื่องมือ” ในการ”กระตุกกระตุ้นเศรษฐกิจ” ของประเทศไทย ให้”ผงาด” อย่าง”ทันตาเห็น” และต้องการ”เอาใจ” กลุ่ม”รากหญ้า” ที่เป็น”ฐานคะแนนเสียง”ของ”เพื่อไทย” ให้ได้รับการ”แจกเงินคนละ10,000 บาท” ก็ยังมีทีท่าที่ไม่ ”สะเด็ดน้ำ” ยังมี”ขวากหนาม” ให้ต้อง”ฟ่าฟัน” อีกหลายด่าน แถมยัง”สุมเสี่ยง”ที่”เพื่อไทยจะ”สดุดหกล้ม” กับโครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” อีกด้วย…..สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ใคร” สถาบันไหน” จะกล้า ”การันตี”ได้ว่า การ”แจกเงิน” เพื่อให้”ประชาชน” ได้ใช้จ่ายด้วยการ”สร้างหนี้” ให้กับ”ประเทศชาติ” และ”คนในชาติ” ที่เดียว 500,000 ล้านบาท จะทำให้”เศรษฐกิจ” ของประเทศ”ฟื้นตัว” ตามที่”เพื่อไทย” ออกมาให้”ความหวัง” และ”การันตี” เพราะทุกเรื่องที่”พรรคการเมือง ” และ”คนการเมือง” ออกมา”การันตี” ส่วนใหญ่เป็น”ราคาคุย” และที่สำคัญ เมื่อเกิดความ”ล้มเหลว” และ”เสียหาย” พรรคการเมืองและ”คนการเมือง” ไม่เคยรับผิดชอบ เรื่อง”เงินดิจิตัลวอลเล็ต” จึงเป็นเรื่อง”สุ่มเสี่ยง” และ”หายนะ” ของประเทศ และที่สำคัญ มีคน”หลายกลุ่ม” ที่ไม่อยู่ในการได้รับ”เงินแจก” แต่ต้องมีส่วนในการ”แบกหนี้” ทั้ง”เงินต้น” และ”ดอกเบี้ย” นี่คือความ”ไม่เป็นธรรม” ที่เกิดขึ้น
และแล้ว”เรื่องไข่” ก็เป็นเรื่องที่”คู่กับการเมือง” มาทุกยุคทุกสมัย ครั้งที่”จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” เป็น “รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ก็มีเรื่อง”ของไข่” ที่ขึ้นราคาแล้วขึ้นราคาอีก วันนี้เมื่อ”ภูมิธรรม เวชชชัย” มาทำหน้าที่”รัฐมนตรีพาณิชย์” ก็”ซ้ำรอยเดิม เพราะ”ราคาไข่ไก่” ขึ้นที่เดียวแผงละ 9 บาท ทำให้”คนรากหญ้า” ที่ชีวิตประจำวันหนีไม่พ้นเรื่อง”ไข่” ถึงกับ”บ่นพึมพำ” ว่าสุดท้าย”ไข่ภูมิธรรม” กับ”ไข่จุรินทร์” ก็มีแต่”ขึ้น”ไม่มี”ลง” ผิดกันที่”จุรินทร์” จะโทษ”ดินฟ้าอากาศ” ที่ทำให้”ไก่ไข่น้อยลง”ทำให้ต้อง”ขึ้นราคา” แต่”ภูมิธรรม” โทษว่าเป็นเพราะ”สื่อพาดหัวข่าว” ให้น่ากลัว ตกลงเรื่อง”ไข่ขึ้น” จึงเป็นเรื่อง”ปกติ” ของ”นักการเมือง” ทั้งที่เป็นความ”เดือดร้อน” ของประชาชน
เรื่องของ สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลัง “พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.กอ.รมน. เป็นผู้”กล่าวโทษ “กับ “ตำรวจ” ให้ดำเนินคดีกับ 9 แกนนำภาคประชาสังคม นักเคลื่อนไหว ที่เป็นผู้นำ ในการจัดการ”ชุมนุมวันมาลายูเดย์” ที่หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อปี 2565 เพราะมี พยาน หลักฐาน ว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย”ความมั่นคง” เพราะมีทั้ง”ธงของบีอาร์เอ็น” มีทั้งคำกล่าวที่เป็นลักษณ์”การแบ่งแยกดินแดน” และอื่นๆ ที่”เข้าข่ายผิดกฎหมาย” รวมทั้งการที่”ดีเอสไอ” ได้มีการ ดำเนินคดีกับกลุ่ม”พ่อบ้านใจกล้า” ที่ออกมา”ขับเคลื่อน”ช่วยเหลือ” แนวร่วม” ขบวนการ”บีอาร์เอ็น” ที่ถูก” ทหาร” ทำการ”วิสามัญ” ด้วยการขอรับ”บริจาคเงิน” เพื่อช่วยเหลือ”ครอบครัว” ของผู้ถูก”วิสามัญ” ซึ่งมี”หลักฐาน” ว่ามีการทำเงินไปใช้ผิด”วัตถุประสงค์” เป็นการ”ฉ้อโกง” เงิน”บริจาค”
การที่”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้”กฎหมาย” ในการ”เอาผิด”กับ”กลุ่มบุคลคล” ดังกล่าวจึงถูกนำไปเป็น”เงื่อนไข”ให้ปีกทางการเมือง” ที่อยู่ในคราบ”เอ็นจีโอ,กลุ่ม”สิทธิมนุษย์ชน” และ”ภาคประชาสังคม” นำไปทำ”ไอโอ” ว่า “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” “แจ้งความ” เอาผิด เพื่อ”ปิดปาก” และเป็นการ”ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก” ตาม”รัฐธรรมนูญ” ซึ่ง ก็เหมือนกับทุกครั้ง ที่”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าใช้”กฎหมาย” ในการ”เอาผิด”กับ”กลุ่มบุคคล”เหล่านี้ ดังนั้น “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงต้อง”เข้มแข็ง”และต้อง”หยัดยืน”ในการใช้”กฎหมาย” ให้ถึงที่สุด เพราะนี้คือหลักการของ”สันติวิธี” ที่ไม่มีการ”ซ้อมทรมาร “ และการ”อุ้มหาย” อย่างที่ กลุ่มบุคคล”เหล่านี้เรียกร้อง …..ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์”ฟ้องร้อง”ให้”เอาผิด” กับกลุ่ม”นักเคลื่อนไหว” สิ่งที่ติดตามมาคือความรุนแรงที่ ”กองกำลังติดอาวุธ” ในพื้นที่”ปฏิบัติการ” ต่อ “เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้ง”ทหารพราน” ทั้ง”ตำรวจตระเวนชายแดน” ที่ล่าสุด”ร.ต.ท.สถาพร สุจินโณ รอง สว.(ป) กก.ตชด.44 จ.ยะลา ต้อง”พลีชีพ” จากการ”ซุ่มโจมตี” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” และมีผู้ “บาดเจ็บ”อีก 2 นาย เหตุเกิดบนถนนสายหลัก ในพื้นที่บ้านยือราแป ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และก่อนหน้าเพียงวันเดียว ก็มีการ”ยิงถล่ม” ตำรวจตระเวนชายแดน” ขณะออกจาก”ฐานปฏิบัติการ” มาซื้อของยังตลาดบ้านบาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้กำลังพล”บาดเจ็บสาหัส” 2 นาย ข้อสังเกตคือ ”ซุ่มโจมตี” ครั้งนี้ของ”กองกำลังติดอาวุธ” มีการใช้”อาวุธหนัก” ที่กองกำลังติดอาวุธยึดไปจาก” เจ้าหน้าที่ทหาร” เมื่อหลายปีก่อน เป็นการ”ยกระดับการโจมตี”เจ้าหน้าที่รัฐด้วย”อาวุธหนัก” ที่ไม่”ธรรมดา” แน่นอน
ในขณะที่”ฝ่ายข่าว” ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยังออกมาเตือน กำลังพล “ทหาร,ตำรวจ”และ”กองกำลังท้องถิ่น” ให้ ระมัดระวัง ป้องกันตนเอง ป้องกันฐานปฏิบัติการ ที่อาจจะมีการ”โจมตี” ด้วยการ”ซุ่มยิง” และ”ระเบิดแสวงเครื่อง” รวมทั่ง”คาร์บอมบ์” ในห้วงของ”เทศกาลตรุษจีน” ซึ่งเป็นวันที่เป็น”สัญลักษณ์”ของผู้ที่ต่าง”ศาสนิก” ดังนั้น”เทศกาลตรุษจีน” ในปี 2567 ที่จะถึง จึงเป็นช่วงเวลาที่ ประชาชนในพื้นที่ต้อง”ระมัดระวัง” ป้องกันตนเองให้ดี อย่างหวังที่จะ”พึงพา” เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะ”พวกเขา” ต้อง”ป้องกันระวังตนเอง” และ”ป้องกันฐานปฏิบัติการ” จะเอาเวลาที่ไหนมา “รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน” ซึ่งการรักษาความปลอดภัยใน”เขตเมืองที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ” ต้อง”พึ่งพา” กำลังจาก”เจ้าหน้าที่ตำรวจ” และเจ้าหน้าที่ฝ่าปกครอง” ที่มีกำลังของ”อาสาสมัครรักษาดินแดน” อยู่ในทุกอำเภอ……ดังนั้น ”ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด” และ”ผู้ว่าราชการจังหวัด” ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องมีการ”สั่งการ” ให้” ผกก.” ทุก สภ. และ”นายอำเภอ”ทุกอำเภอ มีความพร้อม ในการ รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนใน ตลอดเวลาใน”เทศกาลตรุษจีน”ที่จะถึงนี้ ……สำหรับ”มือเก่า ขับนาน” อย่าง” พล.ต.ต. เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์” ผบก.ยะลา และ “ พล.ต.ต.ไมตรี สันตยานุกูล” ผบก.นราธิวาส ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะมีประสบการณ์”โชกโชน” รวมทั้งเติบโตมาจาก”งานการข่าว ” เป็น “มือดี” ของ ผบช.9 แต่ที่ยังเป็นห่วง เพราะเป็น”มือใหม่” ในพื้นที่ อย่าง “พล.ต.ต.สันทัด เชื้อพุฒตาล” ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ “พล.ต.ต. เชาวลิตร เลี้ยงสุพงษ์ “ ผบก.ภ.จว. สงขลา ซึ่งเป็น “มือใหม่” ในพื้นที่ของ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่ต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท และต้องใช้”ลูกน้อง” ให้ตรงกับความรู้ ความสามารถของแต่ละคน
วิเคราะห์ สถานการณ์ของปี 2567 จะมีความรุนแรงที่เกิดจาก”กองกำลังติดอาวุธ” ของขบวนการบีอาร์เอ็น อย่างต่อเนื่อง ที่มากกว่าปี 2566 ที่ผ่านมา เพราะมี”สัญญาณ” จาก”บีอาร์เอ็น” โดยอาศัย”เงื่อนไข” การ”จับกุม” นักเคลื่อนไหว ในพื้นที่ และมีแผนในการ”ขับเคลื่อน” เวทีการ”พูดคุยสันติสุข” ให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง โดยใช้การ”ก่อเหตุ”เป็นการ ”ต่อรอง” ใน”โต๊ะของการพูดคุย” ข้อเรียกร้องของ”บีอาร์เอ็น” ที่จะมีการนำเสนอบน”โต๊ะพูดคุย” พอจะเห็น”เนื้อใน”แล้ว แต่”ยุทธศาสตร์” ในการ”ขับเคลื่อน” โต๊ะการพูดคุยสันติสุข “ของ””ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช ) ในฐานะ”หัวหน้าคณะการพูดคุยสันติสุข” ที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย ยังไม่เห็นมีอะไรที่ใหม่กว่า”คณะพูดคุย”ชุดเดิม ที่เห็นก็เป็นเรื่องเดิมๆ คือ ประชุมฟังความคิดเห็นของ หน่วยงาน ในพื้นที่ ซึ่งก็เป็นเรื่องเดิมๆ เก่าๆ ที่ยังมองไม่เห็นถึง”แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ที่จะ”ยุติ”ความรุนแรงของ”ไฟใต้”…..สิ่งที่อยากเห็น เพื่อเป็นการ”หนุนเสริม” เวทีการ”พูดคุยสันติสุข”ที่จะเริ่มขึ้นใหม่ คือ”บทบาท” ของ”พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์” แม่ทัพน้อยที่ 4 ซึ่ง เป็น นายทหาร ที่มี”ประสบการณ์ และเข้าปัญหาของ”ไฟใต้” อย่าง”ปรุโปร่ง” แต่ วันนี้ ยังไม่เห็นการ”ขับเคลื่อน” ของ”ศูนย์สันติวิธี” ที่”เข้มข้น” รวมทั้งการ”คลี่คลาย” ความ”ขัดแย้ง” และการ”บิดเบือน” ข้องเท็จจริง ของ”กลุ่มนักเคลื่อนไหว” ที่หลังจากถูก”กล่าวหา”จาก “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ก็ยิ่งมีการ”เคลื่อนไหว” ที่”เข้มข้น” มากขึ้น โดยเฉพาะในการใช้”เวทีการเมือง” สร้างความ”เข้าใจผิด” ให้กับประชาชน ที่สำคัญ วันนี้การ”ชี้แจงข้อเท็จจริง” ของ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น หรือการ”สื่อสารกับสังคม” ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยังคง”อ่อนปวกเปียก” ปัญหาเกิดจาก”คน” หรือ”งบประมาณ” แม่ทัพน้อยที่ 4 ต้องเร่ง”ปรับปรุงแก้ไข”
จากเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มามองเรื่อง”การเมือง”กันบ้าง ติดตามดูความเคลื่อนไหวของ”ประชาธิปัตย์” พรรคการเมือง”เก่าแก่” ที่ยังก้าวไม่พ้น”วิบากกรรม” หลังจากที่พอจะกู้ชื่อ” กลับมาได้บ้าง(เล็กน้อย ) จากการ”อภิปรายงบประมาณ”ปี 2567 ที่มาจาก”นักการเมือง”รุ่นใหม่” หลายคน และ”ฝีปาก”ของ”รุ่นเก่า” อย่าง”จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” อดีตหัวหน้าพรรค ที่ “คอการเมืองภาคใต้” หลายคนบอกว่า”ประชาธิปัตย์” กำลัง”คืนฟอร์ม” การเป็น”ฝ่ายค้าน”แล้ว แต่เมื่อมีเรื่อง”หมูเถื่อน” ที่ไม่ใช่”หมูป่า” ที่”ดีเอสไอ” ออก”หมายจับ”ผู้ต้องหา”พ่อ- ลูก” ที่เกี่ยวพันกับ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมาดๆ ซึ่งแม้ว่า”เฉลิมชัย” จะออกมา”ปฏิเสธ” ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง”หมูๆ” ที่เป็น”หมูเถื่อน” และ ไม่เคยรับผลประโยชน์จากเรื่อง”หมูเถื่อน” ในขณะที่เป็น”รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ “ ทุกคนได้ยิน ได้ฟัง การออกมาแสดงความ”บริสุทธิ์ และ”มือสะอาด” ของ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” แต่ ก็มีคน “เชื่อ” และ “ไม่เชื่อ” ซึ่งเป็นเรื่องที่”ห้ามกันไม่ได้” ก็ต้องปล่อยให้”ดีเอสไอ” ทำการ”สืบสวนสอบสวนต่อไป แต่ที่สำคัญคือ”ข่าวรั่ว” ก่อนการเข้า “ตรวจค้น” และ”จับกุม” ตรงนี้ต่างหากที่มีการสงสัยว่า”เกลือเป็นหนอน” ใน”ดีเอสไอ” ที่ปล่อยให้”พ่อ-ลูก” หลบหนีไปต่างประเทศอย่าง”ลอยนวล”เรื่อง”ข่าวรั่ว” เป็นเรื่องที่”ดีเอสไอ” ตรวจสอบหน่วยงานของตนเองด้วย ……ส่วนนักการเมืองอีกคน ที่เป็น อดีต รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานคือ “สุชาติ ชมกลิ่น “หรือ”เสี่ยแฮ๊งค์” ก็ออกมาบอกกับสังคมว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียก”หักหัวคิว” แรงงานไทยที่”ขายแรง” ในประเทศฟินแลนด์ ตามที่มีการ สอบสวน และ ดำเนินคดี กับ ผู้ที่ทำผิด ซึ่งถูกระบุว่า เป็น อดีตรัฐมนตรี ในกระทรวงแรงงาน และพวกรวม 4 คน ยุคนี้เป็นยุค” น้ำลดตอผุด” ใครทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเอาไว้ ก็ต้อง”รับผิด” ซึ่งเป็นเรื่องที่”ประชาชน” ในฐานะผู้เป็น”หุ้นส่วน”ของประเทศไทย ต้องติดตามผลการ “สืบสวนสอบสวน” ของเจ้าหน้าที่ว่าสุดท้ายแล้ว”ไอ้โม่ง” ที่เป็น อดีตนักการเมืองในกระทรวงแรงงานเป็นใคร
เป็น สส.ได้แค่ 4 เดือน ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยการ”ชี้มูลความผิด” จาก กกต. โดยการ”แจกใบแดง ให้กับ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.เขต 8 จ.นครศนรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย และมีการสั่งให้เลือกตั้งใหม่ ก็ต้องติดตามดูว่า “ภูมิใจไทย” เจ้าของ”ที่นั่งเดิม ” จะส่งใครลงสมัครแทน “มุกดาวรรณ” และ พรรคการเมืองอื่นๆ มีความพร้อมในการ”ชิงที่นั่ง” ในการ”เลือกตั้งซ่อม “ ครั้งนี้หรือไม่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรค”ฝ่ายค้าน” สำหรับ”ประชาธิปัตย์” จะใช้ “สนามเมืองคอน” เป็นตัว”ชี้วัด” ความนิยมของ”คนใต้” ว่ายัง”ศรัทธา” ใน”อุดมการณ์”ของพรรคหรือไม่ รวมทั้งจะได้เป็นการ”พิสูจน์กึ๋น”ของ”เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรค และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” ( นายกชาย ) เลขาธิการพรรค รวมทั้ง”ชัยชนะ เดชเดโช” รองหัวหน้าที่ ที่เป็น”คนโต” ใน จ.นครศรีธรรมราช อย่ามีเแต่”ราคาคุย” เอา”สนามเลือกตั้ง” เขต 8 นี่แหละเป็นเครื่องชี้วัดความนิยมของ”คนใต้” ที่มีต่อพรรคเก่าแก่ เจ้าของตรา”พระแม่ธรณีบีบมวยผม”…..ส่วน”ก้าวไกล” ก็ควรจะส่งผู้สมัครใน”สนามนี้” เพื่อเป็นตัว”ชี้วัด” ว่า ความนิยมของพรรค หลังการทำหน้าที่”ฝ่ายค้าน” มา 4 เดือน ว่า”ก้าวไกล” ยังสามารถ”ครองใจ” ของ “ประชาชน” เหมือนกับการ”เลือกตั้ง” ที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะหลังจากที่”ก้าวไกล” ไม่มี”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่เป็น”ตัวตึง”ของพรรค “กระแส”ของ”ก้าวไกล” ก็แผ่วลงด้วย
ส่วนพรรคพลังประชารัฐของ”ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ผู้สมัครของพรรคได้คะแนนมาเป็นที่ 2 ครั้งนี้”ลุงป้อม” และ”เลขาธิการพรรค” อย่าง”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับ”ภูมิใจไทย” จะ สนใจ 1 เสียง ของ สนามเลือกตั้งนี้หรือไม่ ถ้า”สนใจ”ด้วยการส่งผู้สมัคร ”ลงแข่ง” สนาม”เมืองคอน”เขตเลือกตั้งที่ 8 ต้อง”แข่งดุ” เพราะ”เจ้าของที่นั่งเดิม” อย่าง”ภูมิใจไทย” คงสู้ไม่ถอย งานนี้ “อนุทิน ชาญวีระกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย”ทุ่ม” เต็มที่ในการรักษา”ที่มั่นเดิม” และผู้ที่”เหนื่อยหน่อย” น่าจะหนีไม่พ้น”โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ “รัฐมนตรีแรงงาน” รองหัวหน้าพรรคผู้ดูแลพื้นที่ภาคใต้ นั่นเอง
มันเป็น”เวรเป็นกรรม” ของการ”พัฒนาภาคใต้” หรืออย่างไร ที่ โครงการใหญ่ๆ จะต้องมีแต่”ปัญหาและอุปสรรค” วันนี้”เพื่อไทย” ชูโครงการ”แลนด์บริดจ์” ที่เป็น”สะพานบก” ในการเชื่อม มหาสมุทรอินเดีย กับ ทะเลจีนไทย ฝั่ง จ.ระนอง กับ จ.ชุมพร ซึ่ง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี “เดินสาย” ขาย”ไอเดีย” ให้ “ต่างชาติ” เข้ามาลงทุนไปแล้วในหลายประเทศที่ “นายกนิด” ไปเยือน และทำหน้าที่”เซลล์แมน” ที่ วันนี้”แลนด์บริดจ์” กลายเป็นโครงการที่มีปัญหา มีความ”เห็นต่าง” จาก”พรรคการเมือง” มีการ”ลาออก”จากการเป็น”กรรมาธิการ” เพื่อไม่ร่วม”สังฆกรรม” กับ”รัฐบาล” เพราะ เห็นว่าโครงการ”แลนด์บริดจ์” ยังไม่มีความ”ชัดเจน” ในเรื่องของ”ข้อมูล” ที่สำคัญ ข้อมูลของ “สนข.” กับข้อมูลของ” สภาพัฒน์ฯ” ไปกันแบบ”คนละทิศละทาง” ด้วย “สนข.ประเมินจากการศึกษาว่า”เจ๋ง” แต่”สภาพัฒน์” ที่ว่าจ้าง” มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ทำการศึกษาบอกว่า”เจ๊ง” สุดท้ายไม่รู้ว่าจะยึดการศึกษาฯของใครเพื่อเป็นตัว”ชี้ขาด” ……ส่วนโครงการ”ขุดคลองไทย” ในเส้นทาง 9 เอ จาก จ.สงขลา ไปยัง จ.ตรัง ที่ มีการศึกษา และ”ผลักดัน” ในยุคของ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็คงจะ” ค้างเติ่ง” ไม่มีการพูดถึง และโครงการ”ท่าเรือน้ำลึก”และ”ทางรถไฟ”ที่เชื่อมต่อกับ “มาเลเซีย” ที่ อ.ละงู จ.สตูล ก็ถูก รัฐบาลของ”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรีสั่ง”ยกเลิก”ไปแล้ว หลังจากที่”ผลาญงบ”การ”ศึกษา”ไปจำนวนไม่น้อย เช่นเดียวกับ”เซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด”” ที่”คึกคัก”เป็นอย่างยิ่งในสมัยที่”ประชาธิปัตย์”เรืองอำนาจ ที่วันนี้”เซาท์เทิร์นซีบอร์ด” ได้กลายเป็น”สวนปาล์ม” และที่”รกร้าง” ทั้งหมดคือแผน”พัฒนาภาคใต้” ที่”ล้มเหลว” คิดได้ แต่ทำไม่สำเร็จในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ”แลนด์บริดจ์” ที่หากยังไม่”ตกผลึก” หรือการศึกษา” ผลได้-เสีย” ยังไม่”สะเด็ดน้ำ” ก็ไม่ควรที่จะ”กระดี้กระด้า” ว่าเป็นโครงการที่”เลอเลิศ” ที่สามารถ”พลิกฟ้าพลิกดิน”เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคใต้ให้กลายเป็น”สวรรค์ของนักลงทุน”
วันนี้”เอ็นจีโอ” คงนั่ง”หัวเราะกันฟันโยก” เพราะไม่ต้อง”ลงทุน ลงแรง” ในการออกชักชวนชาวบ้าน”คัดค้าน” โดยปล่อยพรรคการเมืองก็ออกมา”ซัดกันนัวเนีย” แล้ว และสุดท้ายแล้ว ก็”หวั่นๆ” ว่า “แลนด์บริดจ์” คงจะไปไม่ถึงไหน เช่นเดียวกับทุกโครงการที่เป็น”อภิมหาโครงการ” ของภาคใต้ ที่ถ้า”นักการเมือง”ไม่ซัดกันเอง ไม่ขัดกันเอง ก็จะถูก”พ่อเจ้าพระคุณเอ็นจีโอ” ทำการ”ขัดขวาง” เหมือกับโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4 “ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ที่เป็นโครงการของ” บริษัทพีทีไอโพลีน พาวเวอร์” ที่เดินไปแล้ว”ครึ่งทาง” แต่ถูก”เอ็นจีโอ” บังคับ ให้ รัฐบาล”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี ให้”นำกลับมา “ตั้งต้นใหม่” ด้วยการให้ “สภาพัฒน์ฯ เป็น”เจ้าภาพ” และ”ว่าจ้าง” ให้” มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” รับฟังความคิดเห็น ซึ่งในเวทีการแสดงความคิดเห็น”เต็มพรืด”ไปด้วย”เอ็นจีโอ” และ”องค์กร” ท้องถิ่น” ที่”มีธง” ในการ”คัดค้าน” ที่สุดท้ายแล้ว เชื่อว่าการ”ศึกษาความเป็นไปได้” ที่”สภาพัฒน์ฯ เป็นผู้”ว่าจ้าง” ให้”นักวิชาการ” จาก”มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์”ทำ ก็ส่อที่จะ”ไม่น่าเชื่อถือ” เป็นการ”หมดเงิน”ไปแบบ”เปล่าๆปลี้ๆ” อีกครั้ง สุดท้าย”ภาคใต้” ก็จะไม่มีการ”พัฒนา” และต้อง”จมปลัก ดักดาน” อยู่กับปัญหาเดิมๆ คือ”ความยากจน” และ”การก่อการร้าย” คนส่วนใหญ่”ว่างงาน” คุณภาพชีวิต”ย่ำแย่” ยึดอาชีพ”ขายน้ำท่อม,ยาบ้า”จนเข้าใจว่าเป็น”สัมมาอาชีพ” อย่างที่เห็นและเป็นอยู่
”บ่อนการพนัน” กับ”สังคมไทย”เป็นของคู่กัน ต่อให้มี”บ่อนเสรี” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย “บ่อนเถื่อน” ก็ยังมีอยู่ตามปกติ แต่เมื่อ”นายบ่อน” ทำตัวใหญ่เกินตัว ไม่เห็นกฎหมายใน”สายตา” เพราะถือว่า”จ่ายส่วย” ให้เจ้าหน้าที่แล้ว จึง”บังอาจโอหัง” เปิดเล่นการ”กลางเมือง” อย่าง”ผู้ยิ่งใหญ่”อย่างเช่น”บ่อนที่นครศรีธรรมราช” ที่”ท้ายสุด” พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร” ผบช.ภ.8 มีการสั่งย้าย” พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา “ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.8 ตาม”ธรรมเนียมปฏิบัติ” หลังมีการ”จับบ่อน”ในพื้นที่ เชื่อเถอะในวงการตำรวจถือเป็นเรื่อง”ปกติ” ไม่มีใคร”รู้สึกรู้สา” กับการถูก”สั่งเด้ง ”เพราะ ”นาย” ก็รู้ดีว่ามีบ่อน …..ส่วน”บ่อนเถื่อน” จำนวน 3 บ่อน ใน อ.เมืองยะลา และ “บ่อนเถื่อน” ใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อีก 2 บ่อน เมื่อไหร่ชุด ฉก.ของ”กรมการปกครอง จะไป”จับกุม” เพื่อที่”เดอะโต้ง” พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 จะได้ เซ็นคำสั่ง”โยกย้าย” ตำรวจออกจากพื้นที่บ้าง ก็เห็นด้วยนะกับการ”จับบ่อน” โดย”ฝ่ายปกครอง” และมีการ”ย้ายนายอำเภอ”ที่ปล่อยให้พื้นที่มี”บ่อนการพนัน” ไป”ช่วยราชการ” เช่นเดียวกับ”ตำรวจ” ที่ถูก”เด้ง” แต่เชื่อเถอะ เรื่องการ”โยกย้าย” จากการ”จับบ่อน” ไม่มีใคร”เข็ดหลาบ” เดี่ยวก็เปิดได้เหมือนเดิม เพราะถ้าการ”เด้ง” ทำให้”เข็ดหลาบ” ป่านนี้”บ่อนเถื่อน” หมดไปจาก”ประเทศไทย” นานแล้ว
คดี”วางเพลิงสายไฟฟ้า” เพื่อ”ลักทรัพย์ ตัดสายไฟฟ้าไปขาย ที่ฐานสะพานติณสูลานนท์ หรือสะพานข้าม”เกาะยอ” ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา โจรขายสายไฟขายได้เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ”ระบบ”สายส่งของไฟฟ้ามากถึง 50 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ “พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าเจริญ” ผกก.สภ.เมือง สงขลา ต้องติดตามจับกุม”คนร้าย” มาลงโทษให้ได้ และที่สำคัญ ถ้า”คนร้าย” กลับมา”วางเพลิง” เพื่อ”ลักสายไฟฟ้า”อีก จะป้องกันอย่างไร ช่วยกันคิดเพื่อป้องกันความ เสียหาย และความสูญเสีย” ด้วย…..และอีกเรื่องจาก”เกาะหมี- จนถึง เขตเทศบาลนครสงขลา ริมถนนกาญจนวณิชย์ มี”ซุ้ม”หรือ”ร้าน” ที่สร้างเป็นเพิง รุกล้ำเขตทางหลวง เพื่อ”ขายน้ำกระท่อม” เกือบ 30 แห่ง ก็ไม่รู้ว่าเป็น”น้ำกระท่อม”ที่ผสม”ยาแก้ไอ” หรือ”สารเสพติด” อื่นๆ หรือไม่ เรื่องนี้ถ้าเป็น”ปัญหาสังคม” ก็ต้อง”ใช้”กฎหมาย” ในการ”เอาผิด” ถ้าเป็น”ปัญหาปากท้อง” ก็ต้องใช้หลัก”รัฐศาสตร์” ในการ ควบคุม และ แก้ไข ก็ฝากให้” พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าเจริญ” ผกก.สภ.เมืองสงขลา “ตำรวจน้ำดี” คนของวงการ”สีกากี” ไป”คิดอ่าน” กับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
ไปเห็นมาที่ สภ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็น”ถิ่นน้ำท่อม” เหมือนกัน แต่” พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม” ผกก. ใช้”กฎหมาย” เข้า”จัดการ” โดยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่”สาธารณสุข” และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุม ส่งฟ้อง ให้ ศาลตัดสิน ซึ่ง ศาลจังหวัดนาทวี ตัดสินให้”จำคุก” ผู้”ขายน้ำท่อม” คนละ 3 เดือน ปรับ 2,500 บาท โทษจำรอลงอาญา 2 ปี วิธีนี้ได้ผลนะ เพราะอย่างน้อยคนที่”ทำผิด” จะไม่กลับมาเป็น”ผู้ขายน้ำท่อม” อย่างน้อยก็ 2 ปี เข้าท่านะ สภ.อื่นๆ ควรเอาไปใช้ และอย่างคิดว่า เรื่อง”น้ำกระท่อม” เป็นเรื่อง”มโนสาเร่” เพราะ”ผู้เสพ” เมื่อ”เสพติด” ก็มีอาการ”หลอน” ที่เป็น”ภัย”กับคนรอบข้างไม่แพ้”ยาบ้า” รวมทั้งเป็น”ภัยกับสุขภาพ” อีกต่างหาก
เห็นด้วยนะกับเรื่องการปัญหา”โพงพาง” ที่”รุกล้ำร่องน้ำเดินเรือในทะเลสาปสงขลา” ที่”สมนึก พรหมเขียว” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มีนโยบายให้ หน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงอย่าง” เจ้าท่าภูมิภาค” และ”ประมงจังหวัด” เป็นผู้”ร้องทุกข์ กล่าวโทษ” ต้องให้”พนักงานสอบสวน” ให้หาตัวผู้ทำผิดมา”รับผิดชอบ” ตั้งแต่การให้ไป”รื้อถอน”เอง ถ้าไม่”รื้อถอน” ก็ต้องเป็น”ผู้ต้องหา” เพราะเป็นความผิดทั้งการตั้ง”โพงพา”กีดขวาง”และ”รุกล้ำร่องน้ำการเดินเรือ” ซึ่งเป็นหน้าที่ของ”เจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 “ในการ “ร้องทุกข์กล่าวโทษ” ส่วน”ประมงจังหวัดสงขลา” ก็ต้อง”ร้องทุกข์ กล่าวโทษ” ในข้อหาใช้”เครื่องมือประมงที่กฎหมายไม่อนุญาต” ถ้ายัง”ดื้อแพ่ง” ก็ให้”พนักงานสอบสวนส่งฟ้อง” และให้”ศาลสั่งรื้อถอน” ก็ให้รู้กันไปว่าจะมี”ผู้ยิ่งใหญ่คนไหน”จะ”ใหญ่กว่าศาล”
มีการ”ฉวยโอกาส” จัดงาน”วันเด็ก” ที่ หาดตะโละกะโปร์ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จัดกันตั้งแต่วันที่ 12-23 มกราคม มีการ”แสดง”โดย”ศิลปิน” มากมาย แต่แฝงไว้ด้วย”อบายมุข” หลายหลาย”รูปแบบ” ซึ่งปรากฏว่ามีการออกมา”ต่อต้าน”จาก”ผู้นำศาสนา” เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง เรื่องนี้”พาติเมาะ สดียามู” ผวจ. ปัตตานี ต้องมีการ”ตรวจสอบ” ว่าใครเป็นผู้”เซ็นใบอนุญาต” ให้มีการ”ละเล่นการพนัน” ในงานที่อ้างเป็น”วันเด็ก” ดังกล่าว
ฝากถามมาจาก”ประชาชน” ชาวบ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก” จ.นราธิวาส ที่ได้รับ”เคราะห์กรรม” จาก”โกดังพลุระเบิด” เมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา เงินที่มีผู้”บริจาค” เพื่อช่วยเหลือ”เหยื่อโกดังพลุ” จำนวน 100 กว่าล้านบาท วันนี้”อยู่ที่ไหน” และถ้ายังอยู่จะมีการ”บริหารจัดการ” อย่างไร เพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้”รับเคราะห์กรรม” เอ้า “ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม” ผวจ.”ป้ายแดง” ของ จ.นราธิวาส ทำการ”ตรวจสอบ” และตอบให้ประชาชนชื่นใจด้วย…..อ้าว แล้วกัน มี”สายข่าว” แจ้งมาว่า” เจ้าหน้าที่บางหน่วย ”ชายแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา มีการ”ไฟเขียว” ให้ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน” เข้า-ออก ระหว่างฝั่งไทย กับ มาเลเซีย เพื่อไป”บรรทุก น้ำมันเถื่อน ได้”ครึ่งวัน” ก็เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่า ประเทศนี้มีการ”อนุญาต” ให้ทำความผิดได้”ครึ่งวัน” ส่วนที่เหลืออีก”ครึ่งวัน” ห้าม นี้คงเป็น”กฎหมายคนละครึ่ง” สำหรับเมืองชายแดน “ปาดังเบซาร์” ….. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดี ครับ
ไชยยงค์ มณีพิลึก