นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อน “โครงการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว (Safety Zone) ประเภท Event Zone ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” โดยมีเป้าหมายยกระดับประเทศไทยให้เป็น “Global Safe Tourism Destination” และเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในปี 2568
อธิบดีกรมการท่องเที่ยวระบุว่า โครงการ Safety Zone เป็นส่วนสำคัญของวิสัยทัศน์ “Thailand 4.0” ที่เน้นการพัฒนาด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี โดยมุ่งสู่เป้าหมายให้ประเทศไทยติดอันดับ Top 10 ของ World’s Safest Countries for Tourism ภายในปี 2570 ความปลอดภัย คือรากฐานสำคัญของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เมื่อนักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย พวกเขาจะกลับมาเยือนอีก และจะแนะนำให้ผู้อื่นมาเที่ยวประเทศไทย และการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 จะเป็น “Global Showcase” สำหรับมาตรฐาน Safety Zone โดยคาดว่าจะมีนักกีฬาและผู้เข้าชมจาก 11 ประเทศในอาเซียน สื่อมวลชนนานาชาติกว่า 5,000 คน และนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2 ล้านคน กรมการท่องเที่ยวจะจัด “ASEAN Tourism Safety Summit” ควบคู่กับการแข่งขันซีเกมส์ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค
โครงการ Safety Zone กรมการท่องเที่ยว ได้ริเริ่มโครงการ Safety Zone ขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการสร้างความปลอดภัยและสุขอนามัยให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ประกอบด้วย 3 ประการหลัก คือ ประการแรก เพื่อพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัย หรือ Safety Zone ให้สามารถรองรับการจัดงานเทศกาลและกิจกรรม Event ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ประการที่สอง เพื่อยกระดับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สามารถรองรับการจัดเทศกาลและกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบและครบครัน ประการที่สาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาของนานาประเทศ
“ในโครงการนี้ กรมการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและประสานงาน โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างครบครัน กรมการท่องเที่ยวจะทำหน้าที่กำหนดมาตรฐาน ตรวจสอบคุณภาพ และให้การรับรองพื้นที่ที่ผ่านเกณฑ์ Safety Zone เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของการบริการ นอกจากนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายต่อทุกภาคส่วน สำหรับประชาชนในท้องถิ่น จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว การสร้างงานและอาชีพใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่จะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว สำหรับพื้นที่จัดงาน จะได้รับการพัฒนาให้มีมาตรฐานสากล มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี มีสาธารณูปโภคที่เพียงพอ และมีบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดี ซึ่งจะทำให้พื้นที่เหล่านี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่น่าเชื่อถือ สำหรับผู้ประกอบการ จะได้รับการสนับสนุนในการยกระดับธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และประโยชน์ในภาพรวม การเตรียมความพร้อมในครั้งนี้จะนำไปสู่ประโยชน์ในภาพรวมหลายด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจแบบทวีคูณไปยังธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ด้านสังคม จะช่วยสร้างความภาคภูมิใจในชุมชน เสริมสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีไทย ด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจะคำนึงถึงความยั่งยืน การจัดการขยะ การประหยัดพลังงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่เพื่อคนรุ่นหลัง ด้านภาพลักษณ์ประเทศ โครงการนี้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานระดับสากล ” นายจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ คุณศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสงขลา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับที่พักและโรงแรม เราให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรกเพราะเป็นที่ๆ ลูกค้าต้องผ่อนคลายที่สุด ต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าอยู่ในสถานที่ที่สามารถผ่อนคลายได้ทั้งกายและใจ และมิติความปลอดภัยในที่นี้มีตั้งแต่ความปลอดภัยด้านมาตรฐานสาธารณะสุข (Hygiene) ความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) ความปลอดภัยด้านความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน (Security) ความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)”