วันอังคาร, 3 มิถุนายน 2568

“วัดช้างให้” หรือ “วัดราชบูรณะ” อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

“วัดช้างให้” หรือ “วัดราชบูรณะ” อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ ที่พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตแน่วแน่ มั่นคงต่อพระพุทธศาสนา และความศรัทธายึดมั่นในบารมีธรรมของหลวงปู่ทวด อย่างไม่เสื่อมคลาย

ประวัติของวัดช้างให้ ตามตำนานกว่า 300 ปีที่แล้ว เล่ากันว่า พระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ขณะนั้น ต้องการตั้งเมืองใหม่ให้พี่สาว จึงตัดสินใจเสี่ยงทายโดยปล่อยช้างให้เดินเตร็ดเตร่ไปในป่า ร่วมกับเจ้าเมืองและกองทหาร ซึ่งเดินทางเรื่อยมาวันแล้ววันเล่า จนถึงวันหนึ่งที่โชคชะตากำหนดการเดินทางของช้างหยุดลงกลางป่า ได้ส่งเสียงร้องก้องกังวานสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ตีความเหตุการณ์นี้ว่า เป็นนิมิตหมายอันเป็นสิริมงคล จึงตัดสินใจที่จะ สร้างเมืองบริเวณนั้น แต่น้องสาวของท่านไม่ประสงค์สถานที่นั้น พระยาแก้มดำจึงสั่งให้สร้างวัดขึ้นแทน ให้ชื่อวัดว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกขานว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก และท่านได้เดินธุดงค์ไปมา ระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้ และได้สั่งลูกศิษย์ไว้ว่า ถ้าท่านมรณะภาพ ขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ ซึ่งเมื่อท่านมรณะภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ก็ได้นำศพท่านมา ทำการฌาปนกิจที่วัดช้างให้ อัฐิของท่านส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัดช้างให้

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2480 พระครูมนูญเจ้าอาวาสวัดพลานุภาพ เจ้าคณะตำบลทุ่งพลา ให้พระช่วงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ ท่านได้ชักชวนชาวบ้านมาแผ้วถางป่า สร้างกุฎิ ศาลาการเปรียญ พร้อมเสนาสนะอื่น ๆ จึงได้ชื่อว่า วัดราษฎร์บูรณะ เจ้าอาวาสองค์ต่อ ๆ มาก็ได้บูรณะเพิ่มเติมวัดช้างให้ มาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน วัดช้างให้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2500 และผูกพันธสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2501

และในวันที่ 28-29 ก.พ.นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ มีกำหนดเดินทางตรวจติดราชการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ก็จะเดินทางมา “วัดช้างให้” อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อเข้าสักการะสถูปเก็บพระอัฐิหลวงปู่ทวด สักการะหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ในวิหาร และ เยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยมีการเตรียมกิจกรรมต้อนรับจากนักเรียนโครงการโขนเยาวชนชายแดนใต้ไว้ด้วย ซึ่งประชาชนในพื้นที่หวังให้รัฐบาลร่วมผลักดัน Soft Power ด้วยพลังศรัทธาดังกล่าว สู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอย่างยั่งยืน