วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 2 พฤษภาคม 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชมข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

การเมืองไทยการปรับครม.ทุกครั้งไม่ว่าจะปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ ต้องมีการกระเพื่อมเกิดขึ้นทุกครั้งแทนที่การปรับ ครม. จะทำให้รัฐบาลมีความแข็งแกร่ง กลายเป็นอ่อนแอ และแตกแยก ไม่ได้ส่งผลให้ประเทศชาติ และประชาชนได้ประโยชน์ กับการปรับครม.ครั้งนี้ นอกจากเป็นเรื่องสมบัติผลัดกันชม ในการสับเปลี่ยน ตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงต่างๆ แล้ว ก็ยังเป็นความปริร้าวในพรรคเพื่อไทย ที่สร้างความอ่อนแอ ให้กับรัฐบาลและมีการมองว่านายกฯนิด เศรษฐา ทวีสิน เป็นเพียงนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญที่นอกจากไม่มีอำนาจ ในการบริหารบ้านเมืองแล้ว ยังไม่มีความสันทัดในเรื่องของการเมือง เป็นได้เพียงซีอีโอ ทางเศรษฐกิจ ที่เป็นอาณาจักรของตนเองที่ไม่ใช่ประเทศไทย

การลาออกของปานปรีย์ มหิทธานุกร เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศหลังการปรับ ครม. โดยถูกยึดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ให้กับนักการเมืองสายของนายใหญ่เพื่อการเถลิงประโยชน์ ที่เห็นชัดคือการประเคนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ให้กับสุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ เสนาบดีกระทรวงคมนาคม ที่ต้องถามว่าระหว่าง รัฐมนตรีต่างประเทศ กับรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ท่านคิดว่า เสนาบดี ท่านไหน ที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็นในการบริหารประเทศ โดยต้องมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มากกว่า ตรงนี้เศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ก็สอบตกทางการเมืองแล้ว    ยิ่งในขณะที่ประเทศไทย มีปัญหาเรื่องความมั่นคงจากศึกสงคราม ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ กับรัฐบาลเมียนมา ที่ประชิดติดชายแดน ด้าน จ.ตาก และยังมีปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่ต้องอาศัย เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศที่มีฝีมือ ซึ่งที่ผ่านมา ปานปรีย์ มหิทธานุกร อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศทำได้ดี ดังนั้นการเปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศครั้งนี้ ถ้าเป็นความคิด ที่มาจากเสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ แต่ถ้าเป็นความคิดและความต้องการ จากผู้ที่อำนาจ นอกรัฐบาล อาจจะเป็นเรื่องของการกำจัดศัตรูหัวใจ หรือไม่พอใจที่ไม่ทำตามในบางเรื่องที่อาจจะผิดกฎหมาย ใช่หรือไม่

ตำรวจ สภ.ทุ่งลุงอ.หาดใหญ่ เข้มงวด พ.ร.บ.จราจรกับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย แต่พอ บรรดารถบรรทุก 10 ล้อ และรถพ่วง รถทัวร์ วิ่งเลนขวา ไม่ทราบว่า ตำรวจทุ่งลุงจะมองเห็นไหม ชาวบ้านฝากถามมา แต่ถ้าเป็นนโยบายของ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ก็ไม่ว่ากัน

ชาว ต.ท่าโพธิ์ และใกล้เคียงเริ่มได้รับผลกระทบ เมื่อบรรดารถบรรทุกขยะจากหลาย อบต.และหลายเทศบาล โดยเฉพาะขยะของ ทน.หาดใหญ่ กว่า 270 ตัน ต่างขับผ่านพื้นที่ ต.พังลา และ ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา เพื่อนำไปทิ้งยังพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ของขยะที่บรรทุกผ่านพื้นที่ดังกล่าว ทำให้นายคล่อง เรืองสังข์  ปลัดอาวุโส อ.สะเดาลงพื้นที่บ้านสองพี่น้องฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านเมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา สรุปว่า คนในพื้นที่ห้ามรถขนขยะของ ทน.หาดใหญ่ วิ่งผ่าน

นี่ก็มีโรงงานบางโรงปล่อยกลิ่นเหม็นเน่า มานานในพื้นที่ บ้านคลองแงะ ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา แต่พอชาวบ้านรวมตัวประท้วงที เจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอสะเดาสิ่งแวดล้อมฯ และอุตสาหกรรมจังหวัด ที่ไม่เคยได้กลิ่นเหม็นเน่าที่ชาวคลองแงะได้รับ ก็ต้องพากันลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ แต่พอให้หลังกลับไป กลิ่นเหม็นเน่า ก็ส่งกลิ่นขึ้นมาอีก แปลกที่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวคลองแงะได้ เมื่อไรจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นเน่าให้พี่น้องชาวคลองแงะที

งามหน้า ผับเถื่อน ย่านถนนธรรมนูญวิถี อ.หาดใหญ่ ที่เปิดใกล้วัดและโรงเรียน จัดงานสงกรานต์ มีรายการทำร้ายร่างกาย ตบโชว์สนั่นเมืองหาดใหญ่ แต่เรื่องก็เงียบไป ถ้าผับเถื่อนเส้นไม่ใหญ่ จะกล้าเปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปใช้บริการหรือ และที่สำคัญ ผับเถื่อน มีการจ่ายรายการให้เจ้าหน้าที่บางหน่วย เพื่อสามารถเปิด ผับเถื่อน ด้วยหรือไม่??

ที่ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ตำรวจ CIB บุกตรวจสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แถมตรวจค้นนักท่องเที่ยวบางคนมียาเสพติดด้วย ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นผับเถื่อนหรือไม่ และในพื้นที่ยังมี ผับเถื่อน อีกหลายแห่ง ช่วยตรวจจับด้วยครับผม…แต่เชื่อเถอะอีก 3 วันก็เปิดเหมือนเดิม…ll

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์