วันที่ 13 ก.ค. 67 เวลา 14:00 น. นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ ร่วมแถลงข่าวการบุกทลายเครือข่ายบุหรี่เถื่อนหาดใหญ่ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำแถลงข่าวการจับกุมบุหรี่และสุราผิดกฎหมายในพื้นที่หาดใหญ่ และมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสมนึก พรมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ร่วมแถลงข่าว มี ร.ต.อ. เขตรัฐ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีหาดใหญ่ พร้อมด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่และสถานีตำรวจภูธรคอหงส์ ให้การต้อนรับ ณ ที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ซึ่งมท.1 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นปฏิบัติการ “สิงห์สยบควัน” ซึ่งได้เริ่มต้นมาจาก ผู้ประกอบธุรกิจค้าบุหรี่ สุรา ถูกกฎหมายในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร้องเรียนมาที่กระทรวงมหาดไทยว่าได้รับความเดือดร้อนจากร้านขายบุหรี่ สุราเถื่อน ที่ขายถูกกว่าราคาตามท้องตลาด ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย อีกทั้งยังทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละหลายพันล้านบาท “เมื่อได้ทราบเรื่องร้องเรียน ผมจึงได้มอบหมายให้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง เข้าไปแฝงตัวในพื้นที่นานกว่าครึ่งเดือน จนเห็นความชัดเจนของการกระทำผิดจึงสั่งให้เปิดปฏิบัติการปูพรมกวาดล้างบุหรี่เถื่อน สุราเถื่อนทั่วเมืองหาดใหญ่พร้อมกันทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ กลุ่มเปิดเป็นร้านขายของชำบังหน้า 3 แห่ง โกดังเคลื่อนที่ 2 แห่ง ร้านขนส่งพัสดุเอกชน 1 แห่ง และตึกแถวที่ใช้เป็นจุดพักสินค้า 1 แห่ง” จากการรายงานของชุดปฏิบัติการพิเศษ ขบวนการดังกล่าวได้ปรับวิธีการขายเพื่อตบตาและหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ โดยไม่สต็อกสินค้าเถื่อนไว้ภายในร้านหรือโกดัง แต่ปรับวิธีการโดยสต๊อกสินค้าเถื่อนในรถยนต์ที่ตัดแปลงเป็นโกดังและสามารถเคลื่อนที่ได้ เรียกว่าโกดังเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังพบว่า ขบวนการดังกล่าวใช้รูปแบบกองทัพมด อาศัยความมืดในตอนกลางคืนลักลอบขนย้ายสินค้าเถื่อน กระจายสินค้าส่งไปยังหน้าร้านขายของชำทุกวัน หวังหลีกเลี่ยงและลดความเสี่ยงจากการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดจับกุม ส่วนวิธีการจัดส่งสินค้านั้นมีการเปิดร้านขนส่งพัสดุเอกชนบังหน้า จัดพนักงานเข้าเวรกินนอนภายในร้านคอยรับออเดอร์ออนไลน์และแพคสินค้า ซึ่งอาศัยกระบวนการขนส่งพัสดุเอกชนกระจายสินค้าเถื่อนไปยังปลายทางทั่วประเทศ
สำหรับผลการจับกุมครั้งนี้สามารถยึดของกลางจำนวนมหาศาล ทางเจ้าหน้าที่ทำการนับของกลางตั้งแต่ปฏิบัติการจนถึงเช้า โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 5 คน รถยนต์จำนวน 15 คัน ที่สำคัญพบของกลางเป็นสุราเถื่อนกว่า 120 ขวด บุหรี่เถื่อนกว่า 4,646,000 มวน หรือกว่า 232,300 ซอง และบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 19,000 ชิ้น ทั้งนี้ ของกลางที่เป็นบุหรี่ซิกาแรต และเหล้า ที่ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต พนักงานสอบสวนจะส่งไปให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่รับผิดชอบเพื่อตรวจพิสูจน์ ส่วนรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิดเจ้าหน้าที่ สรรพสามิตมีอำนาจตรวจยึดไว้ได้ และของกลางที่เป็นบุหรี่ไฟฟ้า พนักงานสอบสวนจะส่งไปให้ศุลกากรพื้นที่รับผิดชอบต่อไป รวมของกลางทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 32,910,000 บาท หากคิดเป็นราคาภาษีที่ต้องเสีย เป็น 219,638,100 บาท รวมทั้งสิ้น 313,278,100 บาท การกระทำความผิดดังกล่าวนี้ มีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. ศุลกากร ในส่วนที่เกี่ยวกับการนำเข้ามาโดยยังมิได้ผ่านพิธีศุลกากร จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือถูกปรับเป็น 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ (ม.242) รวมถึงการปกปิด ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซึ่งตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีศุลกากร จำคุกไม่ เกิน 5 ปี หรือถูกปรับเป็น 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ (ม.246) พ.ร.บ. สรรพสามิต ในส่วนการครอบครองสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีครบถ้วน ต้องปรับตั้งแต่ 2 ถึง 10 เท่าของภาษีที่จะต้องเสีย (ม.203) รวมถึงการขายสินค้าที่มิได้เสียภาษี จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5 ถึง 15 เท่า ของภาษีที่จะต้องเสีย หรือทั้งจำทั้งปรับ (ม.204)