ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่าเรื่อง “แก๊ส” ซึ่งเป็นสถานบริการที่มีการขายเหล้า มีนักร้อง มีดนตรี มีที่ตั้งที่ถนนธรรมนูญวิถี เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ในพื้นที่ของการดูแลของตำรวจ สภ.คอหงส์ ซึ่งมี พ.ต.อ.บัณฑูร เทพสุวรรณ เป็น ผกก.หัวหน้าสถานีตำรวจ ซึ่งถูกพลเมืองดีร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ตรวจสอบว่า เป็นสถานบันเทิง หรือสถานบริการที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เนื่องจากสถานบริการ “แก๊ส” เป็นสถานบริการที่อยู่นอกโชนของพื้นที่โซนนิ่งของ อ.หาดใหญ่ ที่มีกฎหมายให้สถานบริการ หรือสถานบันเทิงเริงรมย์ทั้งหลายต้องอยู่ในพื้นที่โซนนิ่ง นั่นคือ ย่านถนนราษฎร์อุทิศ นอกจากนั้น “แก๊ส” ยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานศึกษา และวัด ซึ่งเป็นข้อห้ามสำหรับการเปิดสถานบันเทิงอีกต่างหาก
ที่ผ่านมา “แก๊ส” ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าตรวจค้นเป็นระยะๆ ตลอดเวลาหลายปีที่เปิดกิจการ แต่เป็นการตรวจค้น และแจ้งข้อหาเรื่องเปิดเกินเวลา คือหลังเที่ยงคืน ยังให้บริการกับแขกเหรื่อที่เข้าไปหาความสุขสำราญ ไม่เคยมีการขอดูใบอนุญาตว่าแก๊ส มีการขอใบอนุญาตตั้งสถานบริการจากฝ่ายปกครองหรือไม่ ไม่เคยมีการตรวจปัสสาวะนักท่องเที่ยวว่ามีสารเสพติดหรือไม่ และไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ใส่ใจในเรื่องของสถานที่ตั้ง ซึ่งไม่อยู่ในโซนนิ่ง และอยู่ใกล้กับสถานศึกษา และวัด
จวบจนเมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา เมื่อนายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี อดีตนายอำเภอหาดใหญ่ นำกำลังเข้าจับกุมแก๊ส ในข้อหาตั้งสถานบริการตามมาตรา 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 26 (22) ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า “แก๊ส” แห่งนี้เป็นสถานบริการเถื่อนเพราะไม่มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการ และที่สำคัญ “แก๊ส” เปิดมานานกว่า 8 ปี อยู่กลางเมืองหาดใหญ่ อยู่ภายใต้การรักษากฎหมายของ สภ.คอหงส์
คำถามคือ ตำรวจและฝ่ายปกครองปัจจุบัน เอก ยังอภัย ณ สงขลา มาเป็นนายอำเภอหาดใหญ่ ไม่รู้เลยหรือว่า แก๊สเป็นสถานบันเทิงที่ไม่มีใบอนุญาต และที่ไปจับกุมกันบ่อยๆ ในข้อหาเปิดเกินเวลา แต่ไม่แจ้งข้อหาว่าเป็นสถานบริการเถื่อนเพราะไม่มีใบอนุญาต เจ้าหน้าที่ทำผิดในข้อหาละเว้นตาม ม.157 หรือไม่
ประเด็นต่อมา ในการเข้าจับกุมแต่ละครั้ง ไม่เห็นเจ้าหน้าที่นำนักท่องราตรีที่อยู่ในสถานที่แก๊ส ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะแต่อย่างใด ผิดกับการเข้าจับกุม ตรวจค้นสถานบริการ สถานบันเทิงในท้องที่อื่นๆ ที่ต้องนำนักท่องราตรีไปตรวจฉี่ เพื่อหาสารเสพติด คำถามคือทำไม่ที่แก๊ส จึงมีการยกเว้นและคำถามต่อไปคือ เมื่อมีการแจ้งข้อหาแก๊ส ว่าเป็นสถานบริการเถื่อน เพราะไม่มีใบอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 26 (22) แล้ว “แก๊ส” ยังจะเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้หรือไม่ ถ้าหลังถูกจับกุม ถูกแจ้งข้อหาแล้วยังเปิดให้บริการอยู่จะดำเนินการอย่างไร
ที่ต้องถามอย่างนี้เพราะการที่แก๊สเปิดสถานที่บริการโดยไม่มีใบอนุญาต (เถื่อน) มานานกว่า 8 ปี โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่เคยถามถึงใบอนุญาตว่ามีหรือไม่นั้น แสดงให้เห็นว่า “แก๊ส” ต้องมีแบ็กอัปที่ใหญ่มาก เพราะตั้งสถานบริการผิดกฎหมาย โดยที่เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครองไม่แตะต้อง ทำได้เพียงเลี่ยงบาลี เมื่อมีผู้ร้องเรียนด้วยการจับและปรับในข้อหาเปิดเกินเวลาเท่านั้น หรืออีกประเด็นที่แก๊สทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายได้ เพราะมีการ “จ่าย” ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย จนทำให้สภาพของผู้รักษากฎหมายกลายเป็น “ง่อย” ไม่มีประสิทธิภาพ ที่จะทำให้บ้านเมืองมีขื่อมีแป
และที่ต้องถามผู้รับผิดชอบในเรื่องการรักษากฎหมายต่อไปคือ ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.คอหงส์ ไม่ได้มีเฉพาะแก๊ส ที่เดียว แต่ยังมีที่อื่นๆ อีกบานตะเกียง เช่น ในย่านที่เรียกว่าศรี ใกล้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งมีร้านขายเหล้าที่มีนักดนตรี นักร้อง และบริการนักท่องราตรี เจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการเดียวกับ “แก๊ส” หรือไม่
เพราะในสถานบริการเหล่านั้นนักเที่ยว นักดื่มส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่เด็กมหาลัย แต่เป็นเด็กมัธยมปลาย เด็ก ปวช. เด็ก ปวส. รวมทั้งไม่ได้อยู่ในโซนนิ่งที่กฎหมายกำหนด ประเด็นนี้ หนักกว่านักเที่ยว นักดื่มที่แก๊สเสียอีก
ที่สำคัญที่ต้องถามคือ ถ้าสถานบริการในย่านนั้นเป็นแบบเดียวกับแก๊ส ทำไมตำรวจและปกครองจึงปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมาย กันมากมายขนาดนั้น
ทั้งหมดทั้งปวงคือข้อห่วงใยและถามถึงมาตรฐานของการใช้กฎหมายของผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ที่คนสงขลา ต้องการขอคำตอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว และ พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา
