วันพุธ, 16 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 29 สิงหาคม 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

เรื่องของอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของภาคเหนือ และภาคอื่นๆ แม้จะเป็นภัย ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ก็จริงอยู่ ที่เป็นเรื่องที่เหนือกฎเกณฑ์ของการควบคุม แต่สิ่งที่ทำให้อุทกภัยมีความรุนแรงมากขึ้น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ปล่อยให้มีการตัดไม้ทำลายป่า ทำลายธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ในพื้นที่ภาคเหนือ ภูเขาทั้งหมดกลายเป็นภูหัวโล้น ในขณะที่แม่น้ำ ลำคลอง และห้วย หนอง คลอง บึง ที่มีอยู่ต่างตื้นเขินระบบชลประทาน และเขื่อน ที่มีอยู่ไม่สามารถบริหารจัดการ กับมวลน้ำ ตามธรรมชาติ จำนวนมหาศาล จึงกลายเป็นโศกนาฏกรรมกับมนุษยชาติและความสูญเสียทางด้านของทรัพย์สิน ที่ยากจะประเมินค่า เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เสนาบดี ต้องมีการบูรณาการ กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงที่ดูแล รับผิดชอบ กรมการปกครอง ที่มีกลไก ตัวเล็กสุด ในพื้นที่ทุกหมู่บ้านคือ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน จนถึงนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ต้อง จับมือ เพื่อทำงานร่วมกัน จึงจะได้ผลในการลดการทำลายธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นเหตุของอุทกภัย และที่สำคัญรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ กับปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง

เช่นเดียวกับ จ.ภูเก็ต ที่ได้รับความเสียหาย อย่างร้ายแรง จากกรณี ดินโคลนถล่ม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต ถึง 13 คน ในจุดเดียว เรื่องนี้ต้องถามหน่วยงานในพื้นที่ ต้องถาม ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ว่าทำไมจึงมีการปล่อยปละละเลย ให้การโค่นป่า บนเทือกเขา จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ และหลังจากนี้ไป จะมีการแก้ไขที่จะไม่ให้ประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นแบบซ้ำรอย อย่างไร ภูเก็ต คือเมืองท่องเที่ยว คือเพชรเม็ดงามของภาคใต้ และประเทศไทย รายได้นับแสนล้านของภูเก็ต ล้วนมาจากเม็ดเงินของการท่องเที่ยว เมื่อข่าวนี้ สะพัดออกไปทั่วโลกย่อมส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวไม่มากก็น้อย

ที่สำคัญ  วันนี้ หน่วยงานทุกหน่วย ทั้งที่เป็นภูมิภาค และท้องถิ่น ต้องมีแผนในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกาะภูเก็ต ซึ่งไม่ใช่มีเพียงเรื่องอุทกภัย ที่เกิดดินโคลนถล่ม เพียงอย่างเดียว แต่เรื่องฝนตกน้ำท่วม กลายเป็นปัญหาใหญ่ของเกาะภูเก็ตไปแล้ว และเรื่องการแก้ปัญหาสารพัดของเกาะภูเก็ต ลำพังผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงาน ในพื้นที่ คงไม่มีปัญญา ในการแก้ปัญหา ต้องเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งดำเนินการ ก่อนที่จะมีการกระทบกระเทือน ถึงเรื่องของการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลัก ของเกาะภูเก็ต แห่งนี้

ซึ่งก็เหมือนกับหลายๆเกาะในภาคใต้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน, เกาะเต่า, เกาะสมุย, เกาะพีพี และอีกหลายแห่ง ที่มีปัญหาเรื่องน้ำ และขยะ เรื่องไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานท้องถิ่น ไม่สามารถที่จะแก้ไข ด้วยตนเอง และเรื่องเหล่านี้ ก็คาราคาซัง ที่รัฐบาลแล้ว รัฐบาลเล่า ไม่เคยให้ความสำคัญ กับ ปัญหาเหล่านี้

เช่น ปัญหาการรุกที่ดิน ของอุทยานแห่งชาติฯ ที่ เกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล ในยุคที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. เรืองอำนาจ มีการใช้กฎหมาย ที่เป็นยาแรง กับผู้ที่บุกรุกเข้าครอบครอง แต่หลังจากที่บิ๊กโจ๊ก เจอกับวิบากกรรมของเส้นทางการเงิน จากบัญชีม้า จากบ่อนออนไลน์ จนต้องถูกสั่งให้ออกจากราชการเรื่องความคืบหน้าของคดีการบุกรุกที่ดิน ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ บนเกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.สตูล ก็ไม่มีการสานต่อ วันนี้นายทุน จึงกลับมาเริงร่า อีกครั้ง นี่คือวัฏจักรการบังคับใช้กฎหมาย ของประเทศไทย

เช่นเดียวกับปัญหาของโพงพาง กว่า 1,500 ปาก ในทะเลสาบสงขลา ที่เป็นเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายที่ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องมือทำลายล้างสัตว์น้ำตัวเล็กตัวน้อย และส่วนหนึ่งมีการใช้เล่ห์กล สร้างโพงพาง เพื่อให้กีดขวางร่องน้ำของการเดินเรือพาณิชย์ เพื่อให้เรือพาณิชย์ เหล่านั้น เฉี่ยวชนกับโพงพาง เพื่อที่เจ้าของจะได้เรียกค่าเสียหายการที่จะแก้ปัญหาให้โพงพางหมดไปจากทะเลสาบสงขลา นอกจากใช้กฎหมายเข้าจัดการแล้วยังต้องใช้งบประมาณ ในการแก้ปัญหา ซึ่งจำได้ว่า ในหลายเดือนก่อนที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้าจับกุมโพงพาง จนนำมาถึงการปิดแพขนานยนต์เพื่อให้เกิดความเดือดร้อน กับประชาชน เป็นการต่อรอง มิให้เจ้าหน้าที่ เข้ารื้อถอนโพงพาง ที่ผิดกฎหมาย สมนึก พรหมเขียว  ผวจ.สงขลา ได้ทำหนังสือ ร้องไปยังทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโพงพาง ทั้งกรมเจ้าท่า ทั้งกรมประมง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ นี่ผ่านไปแล้ว 3 -4 เดือน ยังไม่มีคำตอบจากหน่วยงานส่วนกลาง นี่คือการบริหารประเทศ ที่เหมือนกับไม่มีการบริหาร โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานระดับจังหวัด ที่ไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้  ก็เป็นการยกตัวอย่าง ให้เห็นกันแบบจะจะถึงความล้มเหลว ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศไทย

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์