รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชมข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เริ่มที่ภาพใหญ่ของประเทศ นั่นคือเรื่องของการเมือง ที่เป็นเรื่องใกล้ตัว ของประชาชน เพราะถ้าการเมืองดี รัฐบาลมีเสถียรภาพ ย่อมนำพาประเทศเดินหน้าไปสู่ ความสำเร็จ ของการแก้ปัญหาทุกอย่างที่คั่งค้างกันมาในรอบหลายปี ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน เรื่องผลผลิตทางการเกษตร ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ของคนที่เป็นเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ของประเทศ ที่สำคัญ รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ จะทำให้เกิดการลงทุน ทั้งจากภายในประเทศ และกลุ่มทุน ที่มีจากภายนอกประเทศ
แต่เมื่อดูครม.อุ๊งอิ๊งค์ 1 ตั้งแต่เริ่มต้นในการนำบุคคล จากพรรคการเมือง ต่างเข้ามานั่งในตำแหน่งเสนาบดี ที่ ส่วนหนึ่ง เป็นมือใหม่ ที่ทำหน้าที่ในการสืบทอด ตำแหน่งจากคนในครอบครัวเหมือกับกระทรวงต่างๆ เป็นสมบัติส่วนตัวของครอบครัวของวงศ์ตระกูล ก็ค่อนข้างที่จะเป็นห่วงว่า รูปร่างหน้าตา ที่เป็นแบบนี้ ของครม. น่าจะไม่มีเสถียรภาพ ทั้งภายใน และภายนอก เพราะเป็นครม. หรือเป็นรัฐบาล ที่มีจุดอ่อน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากนักวิชาการ และสื่อมวลชน และกลายเป็นช่องทาง ให้มีการร้องเรียน จาก นักร้องอาชีพ และจากฝ่ายค้าน และฝ่ายแค้นจนรัฐบาล ต้องทำหน้าที่ในการขับเคลื่อน แบบที่เรียกว่า ยักตื้นติดกึก ยังลึกติดกัก
และยิ่งฟังการแถลงนโยบาย ของครม.ชุดนี้ ก็ยังค่อนข้างว้าเหว่ เพราะยังมองไม่เห็นว่าจะมีการพัฒนาการ ที่ก้าวหน้า กว่ารัฐบาลชุดเก่า ที่มีเศรษฐา ทวีสิน ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ใน 1 ปี ที่ผ่านมา ก่อนที่จะสะดุดขาตนเอง จากการถูกศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่ามีความผิดด้านจริยธรรม อย่างร้ายแรง เหลียวหน้า แลหลัง จึงยังมองไม่เห็นอนาคตของประเทศและของประชาชนว่าจะอยู่ดี กินดีตามที่มีการแถลง 10 นโยบายเร่งด่วน จริงหรือไม่ แต่ก็เอาเถอะ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป ก็ขอเอาใจช่วย นายกรัฐมนตรีหญิง แพทองธาร ชินวัตร ให้ใช้ สติปัญญา ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา เพื่อบริหารประเทศให้ เดินไปข้างหน้าอย่างเป็นมรรคเป็นผลเพราะนอกจากคณะรัฐมนตรีใน ครม. แล้วยังมียอดคุณพ่อ อย่างทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องปกป้อง และผลักดัน การบริหารประเทศ ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร อย่างเต็มความสามารถ สิ่งที่ต้องติดตามดูอีกเรื่องคือการที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำแล้วย้ำอีกว่า ครม.ใหม่ ผู้นำใหม่ มีรัฐมนตรีหญิงถึง 8 คน ว่าสุดท้ายแล้ว คนรุ่นใหม่ ที่เป็นครม.ใหม่ จะมีอะไรที่ใหม่ๆ ให้กับ คนไทย และประเทศไทย และเรื่อง บ่อนการพนันเสรี และการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน และ ทรัพย์สิน อื่นๆ เป็นเวลา 99 ปี ถือว่าเป็นนโยบายใหม่ หรือไม่ รวมทั้งทำอย่างไรให้ประเทศไทย ก้าวทันประเทศต่างๆ อย่าง มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,เวียดนาม ที่ไปไกลกว่าเรามากแล้ว นี่ต่างหากคือเรื่องใหม่ ที่คนไทยต้องการเห็น
ส่วนเรื่องการออกมาเปิดโปง ถึงเบื้องหลัง เบื้องหน้า ของการเป็นนักโทษเทวดา ใน ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนหน้านี้ จากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เตมียเวส ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ที่กำลังหักเหลี่ยม และเฉือนคม แบบที่ตั้งใจจะเอาให้ตายคาเขียงซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คนในประเทศให้ความสนใจ ดูแล้วทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับการออกมาเปิดโปงของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เตมียเวส ที่วันนี้การเปิดโปง เรื่องราวของทักษิณ ลุกลามไปยัง บุคคล อื่นๆเป็นจำนวนมาก แต่มีคำถาม จากสังคมไทยต่อ พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส เช่นกันว่า เรื่องเลวร้าย ในขบวนการ ทั้งหมดที่นำมาเปิดโปง ถ้าสมมุติว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส มีการสะบั้นไมตรี กับทักษิณ ชินวัตร สังคมไทยจะรู้เรื่องนี้หรือไม่
ชาวบ้านที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เขาสงสัย ฝากคำถามถึง ทวี บุญสอนผอ.แขวงการทางสงขลา 2 (นาหม่อม)ที่แขวงการทางเพิ่งติดตั้งหมุดสะท้อนแสงได้เดือนเศษ หน้าโรงพยาบาลนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา แต่วันนี้มีการนำ แท่งแบริเออร์ มาวางทับหมุดสะท้อนแสง แท่งแบริเออร์ ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อน ในการกลับรถ รถเก๋ง รถจักรยานยนต์ มองไม่เห็น แม้แต่ นักเรียนเทศบาลก็มองไม่เห็นเพราะแท่งแบริเออร์ สูงมาก ชาวบ้านสงสัยว่า แขวงการทางงบเยอะ ถ้าอย่างไรก็ ช่วยตรวจสอบ เพื่อให้เห็นว่าชาวบ้านเดือดร้อน จริงหรือไม่
ผลงานในการทำหน้าที่ตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติ ใน สามจังหวัด และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ของพล.ต.ต.พิชญวุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ตชด.ภาค 4 มีให้เห็นเป็นระยะๆ พบการบุกรุกป่าด้วยการตัดไม้ เพื่อแปรรูป ส่งขายให้นายทุน และนำเอาพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ปลูกสวนยาง สวนทุเรียน สวนผลไม้ นี่คือปัญหาที่เป็นภัยแทรกซ้อน ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือ ในการจับกุมทุกครั้งไม่เคยได้ผู้ต้องหา และหลังการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เคยสืบสวน สอบสวน หาผู้ทำความผิดมาลงโทษ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ มอดไม้ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะทำผิดโดยไม่ต้องรับโทษ
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์