วันพุธ, 16 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 26 กันยายน 2567

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

เรื่องความระหองระแหง ระหว่างนักการเมืองในพรรคเพื่อไทย กับ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ จากรัฐบาล ชุด เศรษฐา 1  จนมาถึง อุ๊งอิ๊งค์ 1  ในเรื่องของดอกเบี้ย ก็ยังไม่จบ เพราะล่าสุด พิชัย นริพทะพันธ์  เสนาบดี กระทรวงพาณิชย์ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ถึง นโยบายของ แบงก์ชาติชนิดที่ถามถึงการศึกษาของผู้ว่าแบงก์ชาติ ว่า จบมาจากไหน สงสัยว่าเสนาบดีกระทรวงค้าขาย จะเล่นผิดบทบาท หรือไม่ เพราะ วันนี้เรื่องของกระทรวงค้าขาย ต้องคิดอ่าน ว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้นายทุน ขึ้นราคาสินค้า ที่เป็นการสร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชน เสนาบดีกระทรวงค้าขาย รู้หรือไม่ว่า ขณะนี้พ่อค้า มีการแอบขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีการขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว จำนวนเท่าไหร่ วันนี้แม้แต่ชาเย็น และเครื่องดื่ม ต่างก็ขึ้นราคาไปแล้ว แก้วละ ถุงละ 5 บาท ชาวบ้านถามถึงบทบาท ของพาณิชย์จังหวัด ว่ามีหน้าที่ อะไร เพราะไม่เห็นการออกมาปฏิบัติหน้าที่ ตรวจสอบ หรือเอาผิด กับ กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ที่ฉวยโอกาสในการขูดรีดประชาชนแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องของแบงก์ชาติ เป็นเรื่องที่ต้องมีการ พูดคุยกัน ด้วยหลักการ รัฐบาลอาจจะเห็นต่าง จากนโยบายด้านการเงินของแบงก์ชาติ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิด และแบงก์ชาติ มีความเห็นต่าง จากรัฐบาล ก็ไม่ผิด แต่ทั้งสองฝ่ายต้องหาจุดลงตัว ในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องตั้งอยู่บนหลักการ และข้อเท็จจริง การวิวาทะ ระหว่าง ผู้ว่าการแบงก์ชาติ กับนักการเมือง ในฟากรัฐบาล ไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบฉาวโฉ่ ที่มีการส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ของประเทศจากนักลงทุน ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ อายเขานะไม่น่าเป็นห่วง แต่การพาประเทศล่มจมนี่ซิที่น่าเป็นห่วง

เป็นข่าวดี หรือเป็นข่าวเท็จ ก็ไม่รู้ได้ แต่ข่าวว่า จังหวัดสงขลา ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช.สงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการประชุม วางแผนในการแก้ปัญหาโพงพาง ที่รุกร่องน้ำ ในทะเลสาบสงขลา ในร่องการเดินเรือ ความยาว 5 กิโลเมตร ซึ่งมีโพงพาง ที่รุกล้ำร่องน้ำ 150 กว่าปาก โดยจะดำเนินการรื้อถอน ภายใน 6 เดือน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการ  ตามแผนที่มีการประชุมกัน เพราะสุดท้าย เมื่อสมนึกพรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัด เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน นี้ ต้องดูว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาคนใหม่ คือใคร และมีนโยบาย อย่างไรกับเรื่องของโพงพาง ที่เป็นปัญหาเผือกร้อน จนทำให้โพงพาง ที่ทำผิดกฎหมาย ข้อแรก โพงพาง เป็นเครื่องทำการประมงที่ผิดกฎหมาย และข้อ 2 โพงพาง ทั้งหมด ในระยะทาง 5 กิโลเมตร รุกล้ำร่องน้ำการเดินเรือ ที่ผิดกฎหมาย ของกรมเจ้าท่า แต่เพราะความหน่อมแน้มของผู้รักษากฎหมาย จึงทำให้โพงพาง ในทะเลสาบสงขลา ยืนเย้ยฟ้าท้ากฎหมาย ประจาน ผู้ถือกฎหมาย อย่างที่เห็น

ร้องกันมาหนาหู ว่ามีสถานบริการ บิ๊กเอ็มเขตพื้นที่คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการเปิดให้เสพยาเสพติดกันยันสว่าง เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจับ เพราะที่นี่ เส้นใหญ่ ที่สำคัญมีใบอนุญาต หรือไม่ ถึงกล้าเปิดกันยันสว่าง เท็จจริงอย่างไร พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ลองส่งมือดีตรวจสอบหน่อยครับ

เรื่องที่ควรกังวล สำหรับแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่เรื่องค่าแรง แต่เป็นเรื่องการแย่งอาชีพ ของคนไทย เพราะวันนี้คนต่างชาติ อย่างเมียนมา ส่วนหนึ่งเป็นนายทุน ที่เข้ามาทำธุรกิจ เพื่อแข่งขันกับคนไทย ยกตัวอย่างที่ จ.สงขลา อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจท่องเที่ยว วันนี้มีกลุ่มทุน จาก เมียนมาเปิดบริษัททัวร์ เป็นเจ้าของร้านนวดแผนโบราณ ร้านนวดแผนโบราณ จำนวน 150 แห่งใน อ.หาดใหญ่ เป็นของ เมียนมา กับมาเลเซีย หมอนวด ก็เป็นเมียนมา ที่ค่าแรงถูกกว่าหมอนวดไทย มีการลดราคา ให้กับลูกค้า จนธุรกิจของคนไทย ต้องเลิกกิจการ หมอนวดตกงาน  ต้องเดินทางไปทำมาหากินที่ประเทศมาเลเซีย และถูก โกงค่าแรง และถูกจับกุม เพราะไม่มีอนุญาตการไปทำงาน แม้แต่งานรับเหมาก่อสร้าง ก็ถูกกลุ่มทุนที่มาจาก เมียนมา ทำหน้าที่ซับงาน จาก ผู้รับเหมาชาวไทยไป ดำเนินการกลายเป็นผู้รับเหมา รายย่อย  ที่ผู้รับเหมาคนไทยชอบ เพราะราคาถูก ไม่ทิ้งงาน  สรุปสั้นๆ วันนี้ ชาวเมียนมา เข้ามายึดครอง ในส่วนของตลาดแรงงาน แล้วกว่าครึ่งประเทศ เรื่องนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ ที่รัฐบาลต้องมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ และต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง ของประชาชน และประเทศชาติ

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์

รอบรั้วเมืองใต้ 26 กันยายน 2567

26 ก.ย. 2024
77

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

เรื่องความระหองระแหง ระหว่างนักการเมืองในพรรคเพื่อไทย กับ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ จากรัฐบาล ชุด เศรษฐา 1  จนมาถึง อุ๊งอิ๊งค์ 1  ในเรื่องของดอกเบี้ย ก็ยังไม่จบ เพราะล่าสุด พิชัย นริพทะพันธ์  เสนาบดี กระทรวงพาณิชย์ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ถึง นโยบายของ แบงก์ชาติชนิดที่ถามถึงการศึกษาของผู้ว่าแบงก์ชาติ ว่า จบมาจากไหน สงสัยว่าเสนาบดีกระทรวงค้าขาย จะเล่นผิดบทบาท หรือไม่ เพราะ วันนี้เรื่องของกระทรวงค้าขาย ต้องคิดอ่าน ว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้นายทุน ขึ้นราคาสินค้า ที่เป็นการสร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชน เสนาบดีกระทรวงค้าขาย รู้หรือไม่ว่า ขณะนี้พ่อค้า มีการแอบขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีการขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว จำนวนเท่าไหร่ วันนี้แม้แต่ชาเย็น และเครื่องดื่ม ต่างก็ขึ้นราคาไปแล้ว แก้วละ ถุงละ 5 บาท ชาวบ้านถามถึงบทบาท ของพาณิชย์จังหวัด ว่ามีหน้าที่ อะไร เพราะไม่เห็นการออกมาปฏิบัติหน้าที่ ตรวจสอบ หรือเอาผิด กับ กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ที่ฉวยโอกาสในการขูดรีดประชาชนแต่อย่างใด

ส่วนเรื่องของแบงก์ชาติ เป็นเรื่องที่ต้องมีการ พูดคุยกัน ด้วยหลักการ รัฐบาลอาจจะเห็นต่าง จากนโยบายด้านการเงินของแบงก์ชาติ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิด และแบงก์ชาติ มีความเห็นต่าง จากรัฐบาล ก็ไม่ผิด แต่ทั้งสองฝ่ายต้องหาจุดลงตัว ในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องตั้งอยู่บนหลักการ และข้อเท็จจริง การวิวาทะ ระหว่าง ผู้ว่าการแบงก์ชาติ กับนักการเมือง ในฟากรัฐบาล ไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบฉาวโฉ่ ที่มีการส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ของประเทศจากนักลงทุน ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ อายเขานะไม่น่าเป็นห่วง แต่การพาประเทศล่มจมนี่ซิที่น่าเป็นห่วง

เป็นข่าวดี หรือเป็นข่าวเท็จ ก็ไม่รู้ได้ แต่ข่าวว่า จังหวัดสงขลา ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช.สงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการประชุม วางแผนในการแก้ปัญหาโพงพาง ที่รุกร่องน้ำ ในทะเลสาบสงขลา ในร่องการเดินเรือ ความยาว 5 กิโลเมตร ซึ่งมีโพงพาง ที่รุกล้ำร่องน้ำ 150 กว่าปาก โดยจะดำเนินการรื้อถอน ภายใน 6 เดือน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการ  ตามแผนที่มีการประชุมกัน เพราะสุดท้าย เมื่อสมนึกพรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัด เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน นี้ ต้องดูว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาคนใหม่ คือใคร และมีนโยบาย อย่างไรกับเรื่องของโพงพาง ที่เป็นปัญหาเผือกร้อน จนทำให้โพงพาง ที่ทำผิดกฎหมาย ข้อแรก โพงพาง เป็นเครื่องทำการประมงที่ผิดกฎหมาย และข้อ 2 โพงพาง ทั้งหมด ในระยะทาง 5 กิโลเมตร รุกล้ำร่องน้ำการเดินเรือ ที่ผิดกฎหมาย ของกรมเจ้าท่า แต่เพราะความหน่อมแน้มของผู้รักษากฎหมาย จึงทำให้โพงพาง ในทะเลสาบสงขลา ยืนเย้ยฟ้าท้ากฎหมาย ประจาน ผู้ถือกฎหมาย อย่างที่เห็น

ร้องกันมาหนาหู ว่ามีสถานบริการ บิ๊กเอ็มเขตพื้นที่คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการเปิดให้เสพยาเสพติดกันยันสว่าง เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจับ เพราะที่นี่ เส้นใหญ่ ที่สำคัญมีใบอนุญาต หรือไม่ ถึงกล้าเปิดกันยันสว่าง เท็จจริงอย่างไร พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ลองส่งมือดีตรวจสอบหน่อยครับ

เรื่องที่ควรกังวล สำหรับแรงงานต่างชาติ ไม่ใช่เรื่องค่าแรง แต่เป็นเรื่องการแย่งอาชีพ ของคนไทย เพราะวันนี้คนต่างชาติ อย่างเมียนมา ส่วนหนึ่งเป็นนายทุน ที่เข้ามาทำธุรกิจ เพื่อแข่งขันกับคนไทย ยกตัวอย่างที่ จ.สงขลา อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจท่องเที่ยว วันนี้มีกลุ่มทุน จาก เมียนมาเปิดบริษัททัวร์ เป็นเจ้าของร้านนวดแผนโบราณ ร้านนวดแผนโบราณ จำนวน 150 แห่งใน อ.หาดใหญ่ เป็นของ เมียนมา กับมาเลเซีย หมอนวด ก็เป็นเมียนมา ที่ค่าแรงถูกกว่าหมอนวดไทย มีการลดราคา ให้กับลูกค้า จนธุรกิจของคนไทย ต้องเลิกกิจการ หมอนวดตกงาน  ต้องเดินทางไปทำมาหากินที่ประเทศมาเลเซีย และถูก โกงค่าแรง และถูกจับกุม เพราะไม่มีอนุญาตการไปทำงาน แม้แต่งานรับเหมาก่อสร้าง ก็ถูกกลุ่มทุนที่มาจาก เมียนมา ทำหน้าที่ซับงาน จาก ผู้รับเหมาชาวไทยไป ดำเนินการกลายเป็นผู้รับเหมา รายย่อย  ที่ผู้รับเหมาคนไทยชอบ เพราะราคาถูก ไม่ทิ้งงาน  สรุปสั้นๆ วันนี้ ชาวเมียนมา เข้ามายึดครอง ในส่วนของตลาดแรงงาน แล้วกว่าครึ่งประเทศ เรื่องนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ ที่รัฐบาลต้องมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ และต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง ของประชาชน และประเทศชาติ

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์