นายอำเภอหาดใหญ่ ผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตร ภาครัฐ และเอกชน เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ขณะที่ประชาชนสามารถติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ผ่านกล้อง CCTV แบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือนด้วยระบบ Line OA สู้ภัยน้ำท่วม
วันที่ 14 พ.ย. 67 เวลา 09.30 น. นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอหาดใหญ่ เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการซักซ้อมแนวปฏิบัติการใช้ Line OA ” หาดใหญ่สู้ภัยน้ำท่วม ” โดยมีผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาสงขลา ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสงขลา ผู้แทนหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ผู้แทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการสมาชิก อส. ประเภทสำรอง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดร.สมพร สิริโปราณานนท์ ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน สมาคม มูลนิธิ และเครือข่ายสงขลาสู้ภัย ณ ห้องประชุมชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชั้น 3 ที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ซึ่งนายอำเภอหาดใหญ่ กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดสงขลาได้เข้าสู่หน้ามรสุมแล้วตั้งแต่พฤศจิกายนไปจนถึงมกราคมของ ปี 2568 โดยเฉพาะในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าพื้นที่จังหวัดสงขลาอาจจะเผชิญกับปัญหาการเกิดอุทกภัย ดังตัวอย่างที่เกิดกับพื้นที่ภาคเหนือและอื่น ๆ ตามข่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกเดือดที่มีความผันผวน ไม่แน่นอน คาดเดาได้ยากมากขึ้นปรากฏการณ์ลานีญายังจะส่งผลให้มีโอกาสเกิดพายุโซนร้อนได้มากขึ้นอีกด้วย ทำให้อำเภอหาดใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงอยู่แล้ว ยิ่งต้องเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่ ประชาชนในพื้นที่ทีมีประชากรในทะเบียนราษฎร์รวมถึงประชากรแฝง นักท่องเที่ยว มหาวิทยาลัย ห้างร้าน ศูนย์การค้า โรงแรม สถานที่ราชการจำนวนมาก หากเกิดอุทกภัยใหญ่จะมีผลต่อความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมากไปด้วยทางอำเภอก็ได้เตรียมความพร้อม ลงตรวจเยี่ยมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานหลักเป็นพิเศษเพื่อให้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนการขุดลอก การระบายน้ำในจุดเสี่ยงต่างๆการประชุมครั้งนี้จึงได้เชิญตัวแทนท้องถิ่น ท้องที่ ส่วนราชการ หน่วยทหาร ตำรวจ และองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อที่จะซักซ้อมแนวปฏิบัติร่วมกัน
ทั้งนี้ อำเภอหาดใหญ่ พร้อมพัฒนาระบบเตือนภัยและแผนเผชิญเหตุขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อลดการเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากเหตุอุทกภัยใหญ่และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการช่วยเหลือประชาชนขณะเกิดเหตุ ซึ่งระบบดังกล่าวจะเสริมหนุนการทำงานของภาครัฐและภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
