วันอาทิตย์, 8 มิถุนายน 2568

เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาปัจจัยเสี่ยงในสังคม หลังเกิดเหตุ อส.กราดยิงในร้านอาหาร

24 ธ.ค. 2567
63

24 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา ศาลากลางหลังเก่า จังหวัดสงขลา นายชาญวิทูร สุขสว่างไกร ภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม ได้จัดแถลงการณ์กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 โดยเหตุการณ์ดังกล่าว อส.ใช้อาวุธปืนกราดยิงในร้านอาหารกลางเมืองหาดใหญ่ เนื่องจากไม่พอใจที่พนักงานร้านเก็บโต๊ะอาหาร หลังเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุรับประทานเสร็จแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย ในการนี้นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบหมายให้นายรุ่งโรจน์ และสุบ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เป็นผู้รับหนังสือเรียกร้องจากภาคีฯ ดังกล่าว

เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ภาคีเครือข่ายฯ ต้องออกมาเรียกร้อง และเน้นย้ำว่า สาเหตุสำคัญของเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) จนขาดสติและก่อเหตุรุนแรง โดยมีข้อเรียกร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การกำกับดูแลการพกพาอาวุธของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ออกมาตรการควบคุมการพกพาอาวุธในพื้นที่สาธารณะอย่างเคร่งครัด และกำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเข้มงวด รวมไปถึงการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เสี่ยง และควรมีการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว และให้จังหวัดมีส่วนในการส่งเสริมพื้นที่ปลอดภัยและรณรงค์สร้างความตระหนักถึงภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์กฤษฎา อภินวถาวรกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันกฎหมายอาวุธปืนของไทยกำหนดให้การครอบครองและพกพาอาวุธปืนต้องจดทะเบียนและได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติพบว่าการอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนยังทำได้ง่ายและเป็นเรื่องทั่วไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาความปลอดภัยในสังคมได้ มีข้อเสนอว่าการอนุญาตครอบครองอาวุธปืนควรจำกัดเฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้น ส่วนการพกพาอาวุธปืนที่ถูกกฎหมายต้องอยู่ในขอบเขตที่ชัดเจน โดยเฉพาะการยกเว้นสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ได้รับมอบหมาย

คำถามที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ ประเทศไทยควรพิจารณากฎหมายให้เหมาะสมกับบริบทของตนเองหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องอิงกับสิทธิเสรีภาพในการครอบครองอาวุธปืนแบบสหรัฐฯ ครอบคลุมถึงด้านกฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์ แม้กฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์ของไทย เช่น มาตรา 29 (ห้ามขายให้ผู้มึนเมา) จะมีความเข้มงวด แต่การบังคับใช้ยังมีช่องโหว่ ผู้ประกอบการบางรายยังฝ่าฝืน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุและเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ในสังคม ข้อเสนอคือ ควรเพิ่มบทลงโทษที่ชัดเจนและเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะความรับผิดชอบทางแพ่งต่อผู้ฝ่าฝืน และดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น

ทั้งนี้ภาคีเครือข่ายฯ ยังเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างโปร่งใส และมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งขอให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอีกในอนาคต