วันเสาร์, 7 มิถุนายน 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง…เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รอยร้าวเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ?

19 เม.ย. 2568
28

เรื่อง”แผ่นดินไหว” ใน”ประเทศเมียนมา” ที่มีการ”ไหว” ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ล่าสุดก็”ไหว” อีก 5.4 ก็สร้างความ”ผวา” ให้กับ”คนไทย” โดยเฉพาะใน”กรุงเทพฯ” ที่กลายเป็น”สังคมอ่อนไหว” กับเรื่องของการ”ขยับรอยเลื่อนเปลือกโลก”จาก”ผลพวง”การ”ถล่มทลาย” ของ”อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” ( สตง.) ซึ่ง”ประชาชน” ยังคง”ค้างคาใจ” อยากที่จะ”รู้ผล” การ”ตรวจสอบ” ว่า”สาเหตุ”การ”ถล่มทลาย” ของ”ตึก สตง.” มาจากอะไร เพราะจะต้องมี”สาเหตุ” อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น”เรื่องของแบบแปลน” เรื่องของ”วัสดุ” และเรื่องของ”ฉ้อราษฏร์บังหลวง” เพราะหากไม่มีความ”ผิดพลาด” เกิดขึ้น อาคารขนาด 30 ชั้น จะ”พังครืน” ลงมาได้อย่างไร เพราะในขณะที่เกิด”แผ่นดินไหว” อาคารที่อยู่ระหว่างการ”ก่อสร้าง” ไม่ได้มีเพียง”อาคารของ สตง.” เพียงอาคารเดียว แต่นี้มีเพียง”อาคาร”ของ” สตง.” ที่กลายเป็น”ตึกกากเต้าหู้” ตาม”ศัพท์การก่อสร้าง”ของ”ผู้รับเหมาจีน” ที่เรียกตึกที่ไร้”คุณภาพ” เหล่านี้ว่า”กากเต้าหู้”…..ปัญหาที่น่า”หนักใจ” สำหรับ”กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือ” ดีเอสไอ” ซึ่งเป็น”เจ้าภาพ” ในการ”สืบและสอบ” เพื่อหาข้อ”ผิดพลาด” และ”จุดบกพร่อง” ในการ”ถล่ม” ของ”ตึก สตง.” ซึ่งหาก “ดีเอสไอ” สรุปว่าเรื่องนี้ ไม่มี”คนผิด” เช่น”ไชน่าเรลเวย์ฯ “ ไม่ผิด” คอลเซ้าท์” ที่ทำหน้าที่ในการ”ควบคุมการก่อสร้าง” ก็”ไม่ผิด” เพราะ”เหล็ก หิน ปูน ทราย” ที่ใช้ในการ”ก่อสร้าง” ถูกต้อง ได้”มาตรฐาน” จากการทดลองของ”ห้องแลป” การ”ถล่ม” ของ”ตึก สตง.” เป็นเพราะเกิดจาก”แผ่นดินไหว”เชื่อว่า”คนไทย” รับไม่ได้ และ”ดีเอสไอ” ก็จะถูกตั้ง”คำถาม”ว่าเป็น”หน่วยงาน” ที่”เชื่อถือ” ได้หรือไม่ วันนี้ “คนไทย”กว่า”ค่อนประเทศ” ไม่”เชื่อมั่น” ในการเป็น”รัฐบาล” ของ”พรรคเพื่อไทย” และเชื่อว่า”บ้านเมืองนี้” เต็มไปด้วยเรื่องการ”ฉ้อราษฏร์บังหลวง” ใช้”อิทธิพล” เพื่อเข้าหา”ผลประโยชน์” กับ โครงการใหญ่ของรัฐ เรื่องความ”เชื่อ” เป็นเรื่องสำคัญทาง”การเมือง”

เช่นเดียวกับปัญหาทาง”การเมือง” ของ”พรรคเพื่อไทย” ซึ่งเป็น”แกนนำ” ในการ”จัดตั้งรัฐบาล” ที่ หลังจาก”เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย” ลุกขึ้น”อภิปราย” ไม่เอา”กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่ส่งผลน้องๆ”แผ่นดินไหว” ใน”พรรคเพื่อไทย” ที่แม้จะผ่านมาแล้วหลายวันแต่ยังมีการเกิด”อาฟเตอร์ช็อก” ทาง”การเมือง” ตามมาเป็น”ละลอกๆ”…..ด้วยคำถามว่าจะมีการ”ยุบสภา” หรือจะมีการ”ปรับ ครม.” หลังพ้นเทศกาลสงกรานต์”ซึ่งอยู่ในการ”ปิดสมัยประชุมจองสภาผู้แทนราษฏร” หรือไม่  หรือระหว่างการ”ปรับ ครม.” กับการ”ยุบสภา” ผู้มีอำนาจอย่าง”ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีจะเลือกแบบไหน เพราะในทา”การเมือง” การออกมา”เห็นต่าง”ของ”พรรคร่วม”ในเรื่อง”พรบ.ของรัฐบาล” ถือว่าเป็น”รอยร้าว” ที่ยากจะ”ประสาน” ภายในพรรค ที่”แกนนำรัฐบาล” ต้อง “เลือก” ว่าจะ “แก้เกมการเมือง” อย่างไร เพื่อให้”รัฐบาล” ยังสามารถ”เดินหน้า”ได้ต่อไป….แน่นอน การ”ปรับ ครม.” เป็น”อำนาจ”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่หากต้องการ”หักดิบ” ด้วยการ”ปรับ ครม.” แม้จะไม่มีการให้”พรรคภูมิใจไทย” ไปเป็น”ฝ่ายค้าน”โดยการ”ขอคืน” กระทรวง”เกรดเอ” อย่าง”มหาดไทย” และ”ศึกษาธิการ” ที่เป็น”สองกระทรวงหลัก” ที่บริหารโดย”ภูมิใจใทย” โดย”ภูมิใจไทย” ยังคงเป็น”พรรคร่วม” หลังจากนั้นก็ดู”อาการ”ของ”รัฐบาล”ว่าจะมี”แรงกระเพื่อม” หรือจะมี”อาฟเตอร์ช็อก” หรือ”สึนามิ” เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มีก็”ประคับประคอง” ให้”รัฐบาล” เดินหน้าต่อไป จนถึงจุดที่”พรรคเพื่อไทย” มีการ”ได้เปรียบ” ทาง”การเมือง” จึงค่อย”ยุบสภา” เพื่อเป็นการ”ล้างไพ่” ด้วยการ”คืนอำนาจ” ให้กับ”ประชาชน” เพื่อ”เลือกตั้งใหม่”

เพราะไม่ว่าจะอย่างไร”รอยร้าว” ระหว่าง”เพื่อไทย” กับ”ภูมิใจไทย” ไม่ทำให้”ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากการเป็น”พรรคร่วม” อย่างเด็ดขาด ดูได้จาก”บริบท” ของ” เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล ผู้เป็น”หัวหน้าพรรค” ที่มีตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี” และ”เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย” และก็เชื่อว่าการ”ยุบสภา” จะเป็น”ทางเลือกสุดท้าย” ของ”พรรคเพื่อไทย” เพราะหากตัดสินใจ”ยุบสภา” ใน ขณะนี้”เพื่อไทย” ไม่มี”จุดขาย” ในการ”เลือกตั้ง” เพราะนอกจาก”แจกเงิน” ให้”ประชาชน” คนละ “10,000 บาทแล้ว “เพื่อไทย” ยังไม่มี”ผลงาน” ที่เป็นของ”เพื่อไทย” ตามที่”หาเสียง”ไว้กับ”ประชาชน” เช่นการ”แก้รัฐธรรมนูญ” ก็ ”ล้มเหลว” และ”พรบ.อินเตอร์เทนเม้นส์ฯ ก็”ล้มเหลว” เรื่อง”เศรษฐกิจ-ปากท้อง” ยิ่งไม่ต้อง”พูดถึง” เพราะไม่มีอะไรที่”เป็นชิ้นเป็นอัน” ในการที่”หยิบมา”เพื่อ”หาเสียง”กับประชาชน ในขณะที่”ภูมิใจไทย” ได้”คะแนนเสียง” จากการลุกขึ้นมาของ”เลขาธิการพรรค” ในการ”ประกาศ” ใน”ที่ประชุมสภาฯ” ด้วยการ”ไม่เอา”และ”ไม่รับ” พรบ. อินเตอร์เทนเม้นส์คอมเพล็กซ์” ที่เป็นเรื่องของ”อบายมุข” และ”การพนัน” ซึ่ง”โดนใจ” คน”ส่วนใหญ่” ของ”ประเทศ ถ้า”เพื่อไทย” ทำการ”ยุบสภา” ในขณะที่เรื่อง”กาสิโน”หรือ”บ่อนเสรี” ยังอยู่ใน”กระแสสังคม”และ”กระแสการเมือง” พรรคภูมิใจไทย คือ”คู่แข่ง” ที่”น่ากลัว” สำหรับ”พรรคเพื่อไทย” และนี่คือ”เหตุผล” ที่”หัวเด็ดตีนขาด” ผู้มีอำนาจ พรรคเพื่อไทย ก็ไม่”ยุบสภา” แน่นอน

ส่วนเรื่องปรับ”ครม.” มีแน่ แต่อาจจะไม่” แตะต้อง” ตำแหน่งของ”ภูมิใจไทย” เพราะ”ทักษิณ ชินวัตร” ก็รู้ดีว่า”ภูมิใจไทย” ไม่ใช่พรรคการเมืองที่”ตอแย”ได้ง่าย และ”ภูมิใจไทย” ก็ไม่ใช่” ตะเกียงขาดน้ำมัน” การปรับ”ครม.” เพื่อเอา”พรรคภูมิใจไทย”ออกไป หรือ”ยึด”เอากระทวง”เกรดเอ” คืนมา ย่อมทำให้””เพื่อไทย” อยู่แบบ”ไม่เป็นสุข” ดังนั้นจึง”เชื่อขนม”กินได้”ล่วงหน้า” ว่า ปรับ”ครม.” ครั้งนี้ “ภูมิใจไทย” ยังอยู่ และยัง”กอดกระทรวงเกรดเอ” เอาไว้ได้ เพราะ”เพื่อไทย” ทำการ”บวก ลบ คูณ หาร” แล้ว ยังไม่พร้อม และยังไม่ได้เปรียบ ที่จะ”แตกหัก” กับ”พรรคภูมิใจไทย”…..เรื่อง”อินเตอร์เทนเมนส์คอมเพล็กซ์” ณ วันนี้ เป็นเรื่องที่เลยจุดที่จะ”อธิบาย” หรือทำความเข้าใจ” กับ”ประชาชน” ว่า”ดีอย่างไร” และหากมีได้จะเกิด”ประโยชน์”กับ”เศรษฐกิจ” ของ”ประเทศชาติ” หรือของ”ส่วนรวม” อย่างไร เพราะในความ”รู้สึก” ของ”ประชาชน” ไม่ได้มี”ส่วนดี” หรือ”ส่วนเสีย” ของ”อินเตอร์เทนเม้นส์คอมเพล็กซ์” แต่”ประชาชน” ต่าง”ไม่ไว้วางใจ”ในการ”บริหารประเทศ”ของคนใน”ตระกูลชินวัตร” ต่างหาก ซึ่งจะได้ใน”ทุกเรื่อง” ที่” ชินวัตร” เข้าไป”เกี่ยวข้อง” ตั้งแต่เรื่องของ”พื้นที่อ้างสิทธิ์” และ”ทับซ้อน” ใน”ทะเลเกาะกูด” ใน”อ่าวไทย” ของ”จังหวัดตราด” เรื่องของ”พรบ.ประชามติ” เพื่อ”แก้รัฐธรรมนูญ” เรื่องการ”ดับไฟใต้” และ”ทุกเรื่อง” ที่มีคนของ”ชินวัตร” เข้าไป”เกี่ยวข้อง” จะถูกตั้งข้อสังเกตด้วยความ”ระแวงสงสัย” จนกลายเป็นการ”ไม่เชื่อมั่น” ในการบริหารประเทศของ”แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งนอกจากไม่เชื่อมั่นในเรื่อง”ประสบการณ์” ทาง”การเมือง”และ”เศรษฐกิจ” แล้ว” ประชาชน” ยังไม่เชื่อมั่นเพราะ”เธอ” เป็น” บุตรสาว” ของ” ทักษิณ ชินวัตร” และกลายเป็น”วิบากกรรม” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” ที่วันนี้”เธอ” กลายเป็น”เป้าโจมตี” ของ”ทุกเรื่อง” แม้แต่เรื่อง”ส่วนตัว” อย่าง”เสื้อ ผ้า หน้า ผม” รวมถึง”บริบท”ใน”กิจวัตร”ในหน้าที่ของ”นายกรัฐมนตรี” ซึ่งเป็นเรื่องที่”น่าเห็นใจ” เป็นอย่างยิ่ง และ”รัฐบาล”ไหนก็ตามถ้า”ประชาชน” มีการ”หวาดระแวง” และไม่”เชื่อมั่น” ก็จะ”อยู่ยาก” และจะ”อยู่แบบ” อย่างที่”เพื่อไทย” และ”แพทองธาร ชินวัตร “ เป็นอยู่ในขณะนี้นั่นเอง

เช่นเดียวกับเรื่องการแก้ปัญหาของ”รัฐบาล” ในการขึ้น”ภาษีสินค้าส่งออก” ของ”ประเทศไทย” ที่จะส่งไปยัง”สหรัฐอเมริกา” ที่แม้ว่า” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะ”แถลง”ด้วยตนเอง หลายครั้ง รวมทั้งให้”ทีมงาน” ที่เป็น”โฆษก” น้อยใหญ่ ออกมา”ทำความเข้าใจ” กับ”ประชาชน” และ”สื่อมวลชน” ว่า”รัฐบาล” กำลัง”ทำอยู่” แต่”กระแส” ของ”ความเชื่อมั่น” ก็ยังไม่เกิดขึ้น จนเหมือนกับว่า ประเทศไทย เป็น ประเทศเดียว ในกลุ่ม”อาเซียน” ที่”ล่าช้า และ”ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดมาจาก”ความไม่เชื่อมั่น” ที่”รัฐบาล” ต้อง”เข้าใจ” และ”รับรู้” ถึงความ”รู้สึก”ของ”ประชาชน” ที่มีต่อ”รัฐบาล” และ เลือกที่จะ”แก้ไข” ให้”ถูกจุด” รัฐบาล จึงจะ”ไปรอด”…..ในขณะที่”เศรษฐกิจ”ของประเทศ”ซึมลึก” หันมาดู”เศรษฐกิจ”ใน”ภูมิภาค” ก็ไม่ต่างกัน ที่”ภาคใต้” วัดกันที่”เทศกาลสงกรานต์” ที่ผ่านมา ที่ ปีนี้”จำนวนนักท่องเที่ยว” ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ”นักท่องเที่ยวจีน”มีแต่ละ”เมืองท่องเที่ยว” ใน”ภาคใต้” มีอยู่แบบ”โหรงเหรง” ในขณะที่”หาดใหญ่” จ.สงขลา ก็น่า”ผิดหวัง” ตั้งแต่”เทศกาลฮารีรายอ” หรือ”วันปีใหม่”ของผู้ที่เป็น”มุสลิม” ที่ชาวมาเลเซีย เข้ามา”ท่องเที่ยว”ค่อนข้างน้อย และ”เทศกาลสงกรานต์”ปีนี้ “ชาวมาเลเซีย”และ”สิงคโปร์” ซึ่งเป็น”นักท่องเที่ยวหลัก” ก็ไม่”คึกคัก” เท่าที่ควร “ห้องพัก”ไม่เต็ม การ”ใช้จ่าย”ของ”นักท่องเที่ยว”ลดน้อยลง

ฟังจาก”สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา” หรือ” ดร.อ๋อง” นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ สงขลา พูดถึงสาเหตุของการ”ลดลง” ของ”นักท่องเที่ยว” เพื่อนบ้าน มาจากหลาย”ปัจจัย” เช่น “ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้” เรื่องข่าว”แผ่นดินไหว” และ”กระทบถึง กทม. เรื่อง”หาดใหญ่ สงขลา” ไม่มี”แหลางท่องเที่ยว” ใหม่เกิดขึ้น เรื่องความ”ไม่สะดวก” ในการ”ข้ามแดน” จาก”ตรวจคนเข้าเมือง” ที่”ล่าช้า” ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ทั้งหมดคือ”เหตุผล” ที่ถูกนำมา”ต่อจิ๋กซอร์” ให้เห็นถึง”ปัญหา” การหายไปของ”นักท่องเที่ยว” ก็ต้องถามว่าเมื่อรู้ถึง”สาเหตุ” แล้วจะ”แก้อย่างไร” หน่วยงานไหนจะเป็นผู้”แก้” รัฐ หรือ เอกชน และที่”สำคัญ” ใครจะมี”บารมี” ในการ”นั่งหัวโต๊ะ” เพื่อเป็น”เจ้าภาพ” ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่สำคัญ”ส่วนราชการ” อย่าง” ผู้ว่าราชการจังหวัด, องค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น,เทศบาล” และ”ผู้แทนราษฎร”ให้ความ”สำคัญ” และให้ความ”สนใจ” กับ”ปัญหาเหล่านี้หรือไม่ หรือเป็นเรื่อง”ตัวใครตัวมัน”

แต่นี้ก็เป็น”ข่าวดี” เล็กๆ ในวงการท่องเที่ยวของ “จังหวัดสงขลา” เมื่อ”โมห์ด รานีฮิวาม ซัมซูดิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการรถไฟมาลายา ติดต่อประสานงานกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย ในการเดินรถไฟระหว่างสถานี”บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย มายัง”ชุมทางหาดใหญ่” ที่เรียกว่า”ขบวนรถไฟมายสวัสดี” เพื่อ”ส่งเสริมการท่องเที่ยว” ระหว่าง”ไทย-มาเลเซีย โดยจะเริ่มวิ่งใน”ไตรมาส ที่ 3 “ ของปี 2568 ซึ่งทางการ”รถไฟมาเลเซีย” ยังรอความพร้อมและการ”ยืนยัน” ของ”รฟท. หรือ”รถไฟไทย” อยู่….เรื่อง”ท่องเที่ยว” เป็นเรื่องที่”อ่อนไหว” ข่าว”แผ่นดินไหว” ที่ “อำเภอเหนือคลอง” จังหวัดกระบี่ ที่เกิดจาก”รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย”ซึ่ง พาดผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี,กระบี่,พังงาน,ภูเก็ต” ในความลึก 2.5 กิโลเมตร และแรงสั่นไหว 4.5 ได้สร้างความ”แตกตื่น” ให้กับ”ประชาชน” และ”นักท่องเที่ยว” เพราะหวั่นว่าจะมี”สึนามิ” ตามมา ที่ สำคัญ”โซน” ที่ “รอยเลื่อนพาดผ่าน” เป็น”โซนการท่องเที่ยว” แม้ว่า”ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่” จะออกมา”แถลงข่าว” อย่าง”ทันทีทันควัน” เพื่อสร้างความ”มั่นใจ” และอย่างให้”ประชาชน” มีความ”แตกตื่น” ก็ช่วยให้คนใน”พื้นที่” มั่นใจได้ แต่กับ”ธุรกิจท่องเที่ยว” ย่อมมีผลกระทบ ไม่มากก็น้อย เรื่องนี้ต้องมีการทำ”ความเข้าใจ” และการให้”ความรู้” กับ”ประชาชน รวมทั้งการ”ก่อสร้าง”ตึกสูง” ต่างๆ ต้องมีการ”ป้องกัน” เพราะ”ภาคใต้”ตอนบน นอกจาก”รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย” แล้วยังมี”รอยเลื่อนระนอง” อยู่ด้วย รวมทั้งยังมี”เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ”เขื่อนรัชประภา” ตั้งอยู่ในพื้นที่ และ “ทางการ” ยังมีโครงการที่จะ”สร้างเขื่อนคลองมะรุ่ย” ก็ต้องคิดให้ดีว่าจะมี”ปัญหา”ใน “อนาคต” หรือไม่ ก็ได้แต่”หวังว่า” การเกิด”แผ่นดินไหว” ใน”จังหวัดกระบี่” จะไม่ทำให้”ธุรกิจการท่องเที่ยว” ในพื้นที่ 4-5 จังหวัด ได้รับ”ผลกระทบ” เป็นการ”ซ้ำเติม” ให้”เศรษฐกิจการท่องเที่ยว” ให้”ย่ำแย่”ลงกว่าเดิม

คดี”พิพาท” ระหว่าง”โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม คลองท่อม จังหวัดกระบี่ กับ”นิคมสหกรณ์คลองท่อม จังหวัดกระบี่ ที่ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” เข้ามารับผิดชอบเป็น”คดีพิเศษ” ผ่านไปแล้ว 3 ปี ยังอยู่ระหว่างการ”สอบสวน” ยังไม่มีการส่ง”สำนวนฟ้อง” ให้กับ”พนักงานอัยการ” แต่”ดีเอสไอ” อนุญาตให้”คู่กรณี” เข้าไป”ยึดโรงงาน” ตั้งแต่”คดียังไปจบ”  ผู้”เสียหาย” ที่”ซื้อโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม” แห่งนี้ เรียกร้องไปยัง” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้”พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดี ดีเอสไอ คืนความเป็นธรรม ให้กับ”ประชาชน” ที่”ถือหุ้น” ในโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม” แห่งนี้ด้วย

กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ส่ง”สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย” ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย” มาทำหน้าที่”รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา” แทน”อำพล พงษ์สุวรรณ์”ที่ถึงแก่”อนิจกรรม” สำหรับ”สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย” เคยเป็น”ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา” มาแล้ว รอบหนึ่ง “ฝีไม้ลายมือ” ในการทำหน้าที่”พ่อเมือง” เป็นอย่างไร “ประชาชน” ใน”จังหวัดยะลา คงรู้ดี โดยเฉพาะ”ข้าราชการ” ในพื้นที่ ซึ่งเคย”รับรู้” ถึง”นโยบาย”  ในสมัยที่”สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย” เป็น” ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา”

คดี”อาชญากรรม” ในพื้นที่”จังหวัดตรัง” โดยเฉพาะ”ฆ่าคนตาย” เกิดขึ้นค่อนข้างจะถี่ๆ รวมทั้ง”คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์” ทั้งที่”พล.ต.ต. ภัทรวิชย์ โมทนียกุล” ผบก.ภ.วจ.ตรัง มีการ”สั่งการ” ให้”ตำรวจในทุกพื้นที่”กวาดล้าง” อาวุธปืน” และ”ยาเสพติด” มาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่า”แค่การ”กวาดล้างอาวุธปืน”และ”ยาเสพติด” เพียงสองอย่างยังไม่เพียงพอและยัง”แก้ปัญหา”การก่อ”อาชญากรรม”ไม่ได้ ก็ฝากให้” ผู้บังคับการจังหวัดตรัง” ไป”ปรับแผน”และ”ปรับวิธีคิดใหม่” เพื่อแก้”ปัญหา” ให้”ถูกจุด”

ในพื้นที่ “อ.สทิงพระ “ จังหวัดสงขลา เกษตรกร ที่ปลูกพืชผลต่างๆ ทั้ง “กล้วย ,มะพร้าว และ อื่นๆ ได้รับความ”เดือดร้อน” จาก”มิจฉาชีพ” ที่เป็นผู้”ติดยาเสพติด” ที่”ลักขโมย” พืชผลทางการเกษตรเพื่อไป”ซื้อยาเสพติด” เรื่องนี้”ถ้า”นายอำเภอ” ที่เป็น”ฝ่ายปกครอง” กับ”ผู้กำกับ” ที่เป็นฝ่าย”รักษากฎหมาย” ไม่มีการ”จับมือ” เพื่อ”บูรณาการ” ในการ”ปฏิบัติหน้าที่” ชาวบ้านก็จะ”เดือดร้อน” อย่างที่เห็น ก็ฝากให้” โชตินรินทร์ เกิดสม” ผู้ว่าราชการจังหวัด และ”พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษ์” ผบก.ภ.จว.สงขลา “ติวเข้ม” ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้”ร่วมมือ” ในการ”ปราบปราม” ผู้ค้า ผู้เสพ ให้หมดจากพื้นที่ แล้วปัญหา”มิจฉาชีพ” ที่สร้างความ”เดือดร้อน” กับ”เกษตรกร” จะลดลง

เรื่องของ”ไฟใต้” ที่ยังคง”แผดเผา” ชีวิตเจ้าหน้าที่ ทรัพย์สินรัฐและประชาชน ทำลาย”โอกาส” ทาง”เศรษฐกิจ-ธุรกิจ-การค้าขาย” ทำลาย”สังคม” และ”อนาคต” ของคนในพื้นที่ ผ่านมาแล้ว 21 ปี วันนี้ยังคง”สภาพ” ที่เหมือนเดิม “ผู้หลักผู้ใหญ่” ทั้ง”รัฐบาล” และ”กองทัพ” มองปัญหาของ”ไฟใต้” ที่ไม่”มอดดับ” อย่างไรไม่รู้ แต่”ฝรั่งตาน้ำข้าว” อย่าง “ดร.ซาสชา เฮลบาร์ต” นักวิจัยเกี่ยวกับ”ไฟใต้” ให้ประเด็นของการที่”ไฟใต้”ไม่มีการ”มอดดับ”ไว้ 4-5 ประเด็น ที่มองว่าเป็นความ”ล้มเหลว” ของ”รัฐบาล” ในการ”ดับไฟใต้” ก็ฝากให้” เสี่ยอ้วน” หรือ”สหายใหญ่” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ”เสนาบดีกระทรวงทหาร” เอาความ”คิดเห็น” ที่มาจากงาน”วิจัย” ของ”ดร.ชาวเยอรมัน” คนนี้ไป”วิเคราะห์” ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

นี้ก็กลายเป็น”ประเด็น”ในการถูกนำไป”วิพากษ์วิจาณ์” หลัง” พ.ต.อ.ทวี สองส่อง” รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับ”ประชาชน” ใน”จังหวัดปัตตานี” ถึงเรื่องของ”ชาวอุยกูร์” ที่เป็น”มุสลิม” ในเขตปกครองตนเองมณทลชินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มี”ภาษาพูด” มี”วัตนธรรม” เป็นของตนเอง ทำให้มีการ”ตีความ” ว่า” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” หัวหน้าพรรคประชาชาติ “สนับสนุน” ให้”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็น”เขตปกครองตนเอง” นี้คือเรื่องของ”ไฟใต้” ที่ยังเต็มไปด้วยความ”ขัดแย้ง” และการ”ป้ายสี” ในทาง”การเมือง” เพราะ”การเมือง”คือการ”แข่งขัน” และการ”ทำลายล้าง” ที่ทุก”คำพูด” จาก”บุคคลการเมือง” ถูกนำไป”ขยายผล”ให้เป็นไปในทาง”ลบ” และ”บวก” จากผู้ได้”ประโยชน์”และผู้ที่”เสียประโยชน์”…..ส่วนสถานการณ์”ความรุนแรง” ยังคง”เดินหน้า” เหมือกับ”นาฬิกา” ที่ไม่มีการ”หยุดนิ่ง” ล่าสุด”วัดบ้านไทย” หรือ “วัดรัตนาราม” ใน อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ถูก”ก่อวินาศกรรม”ด้วย”ระเบิดแสวงเครื่อง”ที่มีกับ”รถสามล้อพ่วงข้าง” ที่”อนุภาพ”น้องๆของ”คาร์บอมบ์” เพราะ”ระเบิด” มี”น้ำหนัก”ถึง 50 กิโลกรัม “กำแพงวัด” ที่พักทหาร และ “บ้านเรือนประชาชน” ได้รับความ”เสียหายยับเยิน” มี”ทหารพราน” ได้รับ”บาดเจ็บ” 4 นาย เป็นไปตาม”สภาพ” ที่เห็นชัดถึงความ”หละหลวม” ในการ”ป้องกันฐานปฏิบัติการ”ที่ไม่การวาง”เวร ยาม” อย่าง”รัดกุม” ปล่อยให้”สามล้อพ่วงข้าง” ที่”บรรทุก” เอา”ระเบิดแสวงเครื่อง”มา”จอด”ที่”หลังโรงนอน” ของ”ทหาร” และหลังการ”บึ้ม”คนร้าย ก็”หลบหนี” อย่าง”ลอยนวล” แบบเดิมๆ คือมี”คนร้าย” ใช้”จยย.” มารับตัวไปจากที่เกิดเหตุ การที่”ทหาร” ไม่สามารถ”ป้องกันฐานปฏิบัติการ”ของตนเองให้”ปลอดภัย”จาก”แนวร่วม”ได้ แล้วจะให้”ประชาชน” เชื่อใจอย่างไรว่าจะ”รักษาความปลอดภัย”ให้กับ”ประชาชน” และสร้างความ”สงบ” ให้กับ”พื้นที่”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้

ส่วนที่ “อำเภอบันนังสตา” จังหวัดยะลา ซึ่งเป็น”พื้นที่” ไม่เคยมี”ความสงบ”ในรอบ 21 ปี ล่าสุด”อาสารักษาดินแดน” ของ”ชคต.บาเจาะ”ก็กลายเป็น”เหยื่อ” ของ” กองกำลังติดอาวุธ” ด้วยการ”ซุ่มยิง”ไปอีกหนึ่งราย วันนี้”สถานการณ์”ของ”กองอาสารักษาดินแดน” ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ยัง”เสียชีวิต” เป็น”ใบไม้ร่วง” นายอำเภอ ,ผู้วาราชการจังหวัด ,อธิบดีกรมการปกครอง” และ”เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย” คิดเห็นอย่างไร และจะ”แก้ไข” อย่างไรกับ”ความตาย” ของ”อาสารักษาดินแดน”ที่เกิดขึ้น หรือ”ทุกศพ” จบที่”เยียวยา” และ”เปิดรับสมัคร อส.ใหม่มาทดแทน โดยมีการ”จ่ายส่วย” ในการเป็น”อส.” คนละ 120,000-150,000 บาท อย่างที่มีการ”นินทา”ใน”ร้านน้ำชา” ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”…..ในส่วนของ”บีอาร์เอ็น” วันนี้มีความ”ก้าวหน้า” ไปอีก”หนึ่งขั้น” เพราะมีการ”ฝึกภาคสนาม” ให้กับ”กำลังรบ” ที่เรียกว่า”มินิคอมมาโด” โดยการใช้”พื้นที่” ใน”เชิงเขา” หลัง”หมู่บ้านจัดตั้ง” เป็น”ที่ฝึก” และมี”ฝ่ายฝึก” ใน”รัฐเคดาห์” ประเทศมาเลเซีย ไม่ไกลจาก “อำเภอสะบ้าย้อย” จังหวัดสงขลา อีกแห่งหนึ่ง ก็ต้องถาม”หน่วยรบพิเศษ” จาก”ศูนย์สงครามพิเศษ” หรือ”กองทัพภาค 5 “ที่เข้ามา”ปฏิบัติการ” สนับสนุน”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” และ”กองกำลังสันติสุข” ว่าจะ”ปฏิบัติการ” ต่อ” กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” อย่างไร ถ้า” สถานการณ์” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ยังมีการ”ขับเคลื่อน” จาก” บีอาร์เอ็น” อย่างที่เห็น เชื่อหรือว่า ปี 2570 จะเป็นปีแห่งการ”ปิดจ๊อป” ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฝันไปหรือเปล่า เจ้านาย ทั้งหลาย อย่างไรเสียก็เป็น”หน้าที่” ใน ขณะนี้ของ” พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า, พล.ต.วรเดช เดชรักษา” รองแม่ทัพภาคที่ 4 “ และ” พล.ต.เศฏฐวุฒิ จันทนะ” เลขาธิการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ต้อง”ผนึกกำลัง” ในการ”บูรณาการ” กับ”ตำรวจ”และ”ปกครอง”ซึ่งก็ต้องถามว่า”ปกครอง”ทำหน้าที่แบบ”ลอยตัว” หรือ”ไม่เต็มที่” ในการดับ”ไฟใต้” อย่างที่มีการ”นินทา”ให้”แซด” จริงหรือไม่

ปิดท้าย ด้วยเรื่องของ”การเมืองท้องถิ่น” การ”เลือกตั้ง” ระดับ”เทศบาล” ที่กำลัง”ทวีความเข้มข้น” มากขึ้น “หัวคะแนน” กำลัง”ทำงานหนัก” ในการ”รวบรวมรายชื่อ” เพื่อทำ”บัญชี”ส่งให้”ทีมผู้สมัคร” เพื่อ”รับเงิน” มาจ่ายให้กับ”ผู้มีสิทธิ์” ในการ”เลือกตั้ง”  สำหรับ”ประเทศไทย” การ”เลือกตั้ง” ไม่ต้องมี”นโยบาย” ในการ”บริหารท้องถิ่น” ไม่ต้องมีการ”ปราศรัย” สิ่งที่ต้องมีคือ”เงิน” และ”หัวคะแนน” ในการ”รวบรวมรายชื่อ” เพื่อการ”จ่ายเงิน” วันนี้หลาย”ท้องถิ่น” มีการ”จ่ายมัดจำ” กันแล้ว 500 บาท และ “จ่าย”ก่อนวัน”เลือกตั้ง”อีก 1,000 บาท หลายพื้นที่ซึ่งเป็น”เทศบาลนคร” มีการ”ตกลง” ค่าหัวๆละ 2,000 บาท เรื่อง”ซื้อสิทธิ์ –ขายเสียง” จะไปโทษ”นักเลือกตั้ง” อย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะ”คำแรก”ของ”ผู้มีสิทธิออกเสียง” ที่ถาม”หัวคะแนน” ไป”ขอเสียง”คือ” จะจ่ายหัวละเท่าไหร่ นี่คือ”ประชาธิปไตย” สำหรับประเทศไทย ( หรือประชาธิปไตยแบบไทยๆ)…..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก