วันศุกร์, 6 มิถุนายน 2568

สังคมภูมิภาคใต้ตอนล่าง…มาแน่! ปรับ ครม. จับตาปรับทัพสร้างผลงาน หรือแค่สมบัติผลัดกันชม

25 เม.ย. 2568
32

ภาพใหญ่ทางการเมือง หลัง”เทศกาลสงกรานต์” ที่ผ่านความ”ชุ่มฉ่ำ” จากการ”รดน้ำดำหัว” คือความ”ร้อนแรง” ทาง”การเมือง” เรื่องการ”ปรับ ครม.” ที่เป็นข่าว”สะพัด” เกือบทุกชั่วโมง ท่ามกลางเสียง”ปฏิเสธ” จาก”แกนนำ” ของ”เพื่อไทย” ที่บอกกับ”สังคม” ว่าไม่มีอะไร”ในกอไผ่” ที่พรรคยัง”รักกัน” และพร้อมที่จะ”กอดคอ” เพื่อ”ลุยไฟ”ในการ”แก้ปัญหา” ของประเทศด้วยกัน แต่”เชื่อเถอะ” มี”มีควัน” ก็ต้อง”มีไฟ” การ” ปรับ ครม.” เกิดขึ้นแน่นอน ช้า หรือ เร็ว จะมีการ”ปรับใน ปลายเดือน เมษายน หรือ ต้นเดือน พฤษภาคม เพราะ “รัฐบาล” หรือ”เพื่อไทย” มีเวลาในการ ปรับ ครม. เพราะ ขณะนี้เป็นเวลา”ปิดสมัยประชุมสภาฯ”จึงไม่มี”ผลกระทบ”ทาง”การเมือง”……ปัญหาที่”ประชาชน” ให้ความ”สนใจ” คือ”ปรับอย่างไร” และปรับแล้ว”ประชาชน” ได้อะไร เพราะการ”ปรับ ครม.” ทุกครั้งของ”รัฐบาล” ไม่ได้ปรับเพื่อเอา” คนดี” หรือ”คนมีความรู้” ที่เข้ามาเพื่อการ”แก้ปัญหา”ของ”ประเทศชาติ” เช่นมีข่าว”สะพัด” การปรับ ครม.ครั้งนี้ “เพื่อไทย” จะยึด”กระทรวงมหาดไทยคืน” จะยึด”กระทรวงศึกษาธิการ” คืนจาก”ภูมิใจไทย” แต่สิ่งที่สำคัญคือ”เพื่อไทย” จะให้ใครมาเป็น”เสนาบดี”ของทั้งสองกระทรวงนี้ และคนที่จะมาเป็น”เสนาบดี” เก่งกว่า”ดีกว่า”อนุทิน ชาญวีรกุล” หรือ” เสี่ยหนู” และสามารถที่จะ”สร้างสุข” และ”ปลดทุกข์” ให้กับ”ประชาชน”หรือไม่ หรือจะให้ใครมาเป็น”เสนาบดี”กระทรวงศึกษาธิการแทน” พล.ต.อ.เพิ่มพูล ชิดชอบ” เสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ และจะทำให้”กระทรวงศึกษาธิการ” ดีขึ้น” โดยเฉพาะ”การศึกษา” จะมีการ”ตอบโจทย์” ของ”ประเทศ” อย่างไร นี่ต่างหากที่เป็น”หัวใจ” ของการ”ปรับ ครม.” ไม่ใช่ปรับเรื่องของ”สมบัติผลัดกันชม” ภายใน”เพื่อไทย” ที่เป็นเรื่อง”ต่างตอบแทน” ทาง”การเมือง” หรือปรับเพื่อการ”ยึดกุม” กระทรวงใหญ่ เพื่อความ”ได้เปรียบ” ในการ”เลือกตั้ง” วันนี้เห็นได้ชัดคือ”เพื่อไทย” ที่มี”แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” และมี”ทักษิณ ชินวัตร” เป็นที่”ปรึกษาใหญ่” ของ”ครม.” ทำทุกอย่างไม่ใช่เพื่อให้”ประชาชน”มีการ”อยู่ดีกินดี” แต่ทำทุกอย่างเพื่อการ”กระชับอำนาจ” ให้”เพื่อไทย” และ”แพทองธาร ชินวัตร” อยู่ใน”อำนาจ” ให้นานที่สุด จนกว่าจะมี”โอกาส”มีความ”ได้เปรียบ” ทาง”การเมือง” เพื่อ”ยุบสภาฯ” เพื่อการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่

วันนี้”ประชาชน” ได้รับความ”เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า” จากเรื่อง”ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ” และ”สินค้าแพง” ส่วน”ค่าแรงถูก” กระทรวงที่ต้องเร่งในการปรับเปลี่ยน” เสนาบดี” คือ”กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์”กับ”กระทรวงพาณิชย์” รวมทั้ง”กระทรวงพลังงาน” ที่มีแต่”ราคาคุย” แต่ไม่สามารถแก้ปัญหา”พลังงาน” ให้ประชาชนได้ใช้”ไฟฟ้า” ใช้”ก๊าซ” ให้”น้ำมัน” ในราคาที่”เป็นธรรม” วันนี้”หมูเป็น” ราคาถูก”แต่”เนื้อหมู” มีราคา”แพง”จน”คนจน” หมดสิทธิ์ที่จะ”กินเนื้อหมู” จะหันไป”กินไข่” ปรากฏว่า”ไข่ไก่” ขึ้นราคาโดยอ้างว่า”อากาศร้อน” ทำให้”ไก่ไข่น้อยลง” จนต้องขึ้นราคา วันนี้”ประชาชน” ต้องซื้อ”ข้าวสาร” ใน”ราคาแพง” และราคา”ข้าวสาร” ขยับขึ้นทุกเดือน แต่”ชาวนา” ผู้”ปลูกข้าว” ขาย”ข้าวเปลือก” ในราคา”เกวียนละ 6,000 บาท ยก”ตัวอย่าง” ให้เห็น เพียงแค่นี้ก็รู้ว่า”รัฐบาล”นี้ ไม่”ใส่ใจ” กับ”ปัญหาปากท้อง”ของประชาชน ดังนั้นถ้า”ปรับ ครม.” เพื่อการ”กระชับอำนาจ” ของ”รัฐบาล” จะ”ปรับ” หรือจะ”อยู่” อย่างที่”เป็นอยู่” ก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่มี”ประโยชน์” กับ”ประชาชน” แต่อย่างใด

เรื่อง”คอร์รัปชั่น” ที่”เบ่งบาน”ไป”ทั่วประเทศ” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเป็น”รากเหง้า” ที่นำพา”ประเทศชาติ”ไปสู่ความ”ล่มสลาย” ใน”อนาคต” วันนี้” รัฐบาล” ที่นำโดย”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ให้ความ”สนใจ” มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มีเรื่อง”อาคารสูง 30ชั้น” ของ”สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ”สตง.” เกิดขึ้น รัฐบาล” ชุดนี้จะให้ความ”สนใจ” ในเรื่องของการ”ฉ้อราษฎร์บังหลวง” หรือการ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” หรือไม่ เพราะเกือบ 2 ปีของ”รัฐบาล”ชุดนี้ เรื่องการ”ทุจริตคอรัปชั่น” มีแต่”เบ่งบาน” มากขึ้น เพราะ”รัฐบาล”ไม่มีความ”จริงจัง” ในการ”ปราบโกง” …..ตึก สตง.ที่”ถล่มทลาย” จากเหตุ”แผ่นดินไหว” ที่”ประเทศเมียนมา” ในครั้งนี้เป็นเรื่องของ”น้ำลดตอผุด” ที่ยิ่ง”เปิดโปง” ยิ่งทำให้เห็นถึงความ”เละเทะ”  ซึ่งคาดว่าในหน่วยงานอื่นๆที่เป็น”ของรัฐ” ก็คงมีเรื่อง”ทุจริต” อย่างนี้”ซุกอยู่ใต้พรม” เป็นจำนวนไม่น้อย “รัฐบาล” ต้องถือโอกาสในการ”สะสาง”  เพื่อการ”ตรวจสอบ” หน่วยงานต่างๆ เพื่อที่จะเป็น”ผลงาน” ของ”รัฐบาล” ในการ”ปราบโกง” หรือการ”ฉ้อราษฎร์บังหลวง”เพื่อเรียก”ศรัทธา” จาก”ประชาชน”……

@เรื่องการ”ทุจริต” ในการ”ก่อสร้างที่ทำการตรวจเงินแผ่นดิน” วันนี้”สังคมไทย” ยัง”มุ่งเป้า” ไปที่”บริษัทจีน” ซึ่งเป็นผู้”ก่อสร้าง”ใน”ฐานะ” ของ”จำเลย” จน”ละเลย” ความ”เป็นจริง” ว่าการ”ถล่มทลาย”ของ”ตึก สตง,” ไม่ได้มาจากการ”ก่อสร้าง” ที่ไม่ได้”มาตรฐาน” แต่มาจากการ”ทุจริต” ที่เป็น”เนื้อร้าย” ที่ทำให้การ”ก่อสร้าง” ผิดรูป ผิดแบบ ดังนั้นคนที่ต้อง”รับผิด” และ”ติดคุก” ไม่ใช่”ผู้บริหาร”ของ”ไช่น่าเรลเวย์นับเบอร์วัน 10 (ประเทศไทย”) และ”บริษัทร่วมค้า” เท่านั้น แต่” ข้าราชการ”ที่”เกี่ยวข้อง” ต้องถูกนำตัวไปสู่”ตะแลแกง”ด้วย เพราะเป็น”ต้นเหตุ” ที่ทำให้เกิดความ”สูญเสีย” และ”เสียหาย” ทั้งต่อ”ชีวิต” ของ”คนงาน” นับร้อยคน ต่อ”งบประมาณแผ่นดิน” ต่อ”ชื่อเสียง” ของ”ประเทศชาติ”และสาเหตุ”อาคาร สตง.” ที่”ถล่มทลาย” ในครั้งนี้อาจจะนำมาถึงความ”สัมพันธ์”ระหว่าง”รัฐบาลไทย” กับ”รัฐบาลจีน” เพราะ”สื่อ” ใน”ประเทศจีนเองมีการตั้ง”คำถาม”ต่อ”รัฐบาล”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ว่า ทำไม”ความผิด” จึงอยู่ที่”คนจีน” ทั้งที่”ต้นตอ”ของ”ความผิด” มาจากเรื่อง”คอร์รัปชั่น”เรื่อง”ตึกถล่ม”ที่เกิดขึ้น”จึงกลายเป็นความ”เสื่อมเสีย” ของ”คนจีน”ที่”รัฐบาล” จีน แสดงความ”ไม่พอใจ” ใน”ฐานะ” ที่ต้องเป็น”จำเลย”แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นความ”ไม่พอใจ” ของ”รัฐบาลจีน” อาจจะ”ส่งผล” ต่อ”ประเทศไทย”ในเรื่องของ”เศรษฐกิจ”การค้าและการ”ส่งออก” ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

ชวนผู้อ่านไปดูการ”เลือก สส.เขต 8 “ ที่”จังหวัดนครศรีธรรมราช” แทน”มุกดา เลื่องสีนิล” สส.ของ”ภูมิใจไทย” ที่ถูกให้”ใบแดง” จนต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น ล่าสุดมีเสียงลือกันหนาหูว่า ในการ”เลือกซ่อม” ครั้งนี้ มีการ”ใช้เงินสีเทา” ที่มาจาก”บ่อนออนไลน์”ของ”นักการเมืองสีเทา” ซื้อเสียง เป็น”พายุ” ที่หวังเพียง”ชัยชนะ”เพียงอย่างเดียว ตาม”ใบสั่ง” ของผู้มี”บารมี” ทำเอาผู้สมัครบางคนต้อง ล้มคว่ำคะมำหงาย” ก็ต้องติดตามดูว่า”สูตรสำเร็จ” ในการใช้เงินจาก”บ่อนออนไลน์” ที่เคย”สำเร็จ” ในบางเขต”เลือกตั้ง” โดยไม่มีการ”เกรงใจ กกต.” และไม่มีความ”เกรงกลัว”ต่อ”กฎหมาย” หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องมีการ”แจกใบแดง” เกิดขึ้นอีกครั้ง

ยิ่ง”หนักหนาสาหัส”ขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ”สถานการณ์ความไม่สงบ”ที่เกิดขึ้นใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ล่าสุด”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ยิง”สามเณร” เสียชีวิต 1 รูป บาดเจ็บสาหัส 1 รูป ที่ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ก่อนหน้านี้มีการ”กราดยิง” ชาว”ไทยพุทธ” ที่ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มี”คนไทยพุทธ” บาดเจ็บจำนวน 7 คน รวมทั้งการใช้”ระเบิดแสวงเครื่อง” ต่อ”เป้าหมาย” คือ” สภ.โคกเคียน “ อำเภอเมือง  จังหวัดนราธิวาส” ระเบิด”น้ำหนัก 70 กิโลกรัม  ที่ถูกใช้ในการ”ก่อวินาศกรรม” นอกจากทำให้”เด็กๆ”และ”ตำรวจ” ได้รับ”บาดเจ็บ” 8 ราย ยังทำลาย”ทรัพย์สิน” บ้านเรือน และ รถยนต์ ไปจำนวนหนึ่ง   สถานการณ์ของ”ไฟใต้” กำลัง”เลวร้าย” ลงไปเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่า”บีอาร์เอ็น” ต้องการใช้”ความรุนแรง” ในการ”บรรลุ”ถึง”เป้าหมาย” โดยไม่ได้”คำนึง”ถึงเรื่อง”มนุษย์ธรรม” และเรื่องของ”บาป บุญ,คุณโทษ” แต่ แปลก ที่”กลุ่มสิทธิมนุษย์ชน” และ”เอ็นจีโอ” ทั้ง”ใน และนอก พื้นที่” กลับ”เงียบกริบ” ไม่ออกมา”เคลื่อนไหว” เพื่อ”ประณาม” การ”ปฏิบัติการ”ของ”บีอาร์เอ็น” แต่อย่างใด รวมทั้ง”โอไอซี” ซึ่งเป็น”องค์กรอิสลามโลก” ก็”เงียบเหมือนเป่าสาก” ไม่เหมือนการ”เสียชีวิต” ของ”ครูสอนศาสนา” ที่”ถูกยิง” ที่  ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ที่ หลังเกิดเหตุเพียง 1 ชั่วโมง “บีอาร์เอ็น” ก็มีการ”ไอโอ” ว่าเป็น”ฝีมือ” ของ” เจ้าหน้าที่รัฐ” และ “เรียกร้อง”ให้”คอมมานโด ฮารีเมา” ที่เป็น”กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ออกมา” แก้แค้น” และ นี่อาจจะเป็น” ที่มาที่ไป” ของการ”กราดยิงชาวไทยพุทธ “ และการยิง”สามเณร” ที่เกิดขึ้นในพื้นที่”อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และหลังจากการ”ยิงสามเณรเสียชีวิต” ครั้งนี้ทำให้”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ”เสนาบดี”กระทรวงกลาโหม “ยกเลิก” กำหนดการเดินทางมายัง”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ในทันที และเรียกประชุม ด่วน รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผบช.ภ.9 แทนการลงพื้นที่

ในขณะที่” ฉัตรชัย บางชวด” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ”สมช. “ ก็มีการเรียกประชุม” พุดคุยสันติสุข” ในวันที่ 1 พฤษภาคม นี้ โดยเชิญ อดีต”หัวหน้าคณะพูดคุย”กับ”บีอาร์เอ็น” ตั้งแต่สมัยของ”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” นั้นคือ”พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร หรือ”เสธแมว” และ”แม่ทัพเมา” หรือ” พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” พล.อ.อักษรา เกิดผล พล.อ. พัลลพ รักเสนาะ  และ”ประธานการพูดคุยคนล่าสุด คือ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก” หรือ”บิ๊กแปะ” เป็นการ”ประชุมเชิงสัมมนา” มีการ”อภิปราย” ในหัวข้อ”จากอดีตสู่ปัจจุบันของการพูดคุยสันติสุข” ณ ห้องประชุม โรงแรม”อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ” โดยมี รศ.ดร.มาร์ค ตามไท” เป็นผู้นำการ” อภิปราย” ….. ซึ่งเป็น”บริบท” แบบ”เก่าๆ” ที่ไม่ได้ช่วยในการ”แก้ปัญหา”ของการ”ดับไฟใต้” และไม่ได้ทำให้การ”เจรจาสันติภาพ” มีความ”คืบหน้า” ที่นำไปสู่ความ”สำเร็จ” ของการ”ดับไฟใต้” แต่อย่างใด เพราะ”บุคคลเหล่านั้น เป็น”บุคคล” ที่ไม่”ประสบความสำเร็จ” ในการ”ดับไฟใต้” โดยเฉพาะ”รศ.ดร.มาร์ค ตามไท” ที่อยู่ใน”วงจร” ของงาน”วิชาการ” เพื่อ”ดับไฟใต้”มากว่า 20 ปี  ข้อเสนอ ที่ให้กับ”รัฐบาล” และ”หน่วยงานความมั่นคง” ถ้าเป็นการ”ชี้ทิศทาง” ที่”ถูกต้อง” ป่านนี้”ไฟใต้” คง”มอดดับ”ไปนานแล้ว การ”ประชุมสัมมนา” การลงพื้นที่เพื่อ”พบปะ” กัลป์”กลุ่มคน” ที่ “สมช.” ทำมาแล้ว หลายปี ถูกมองว่าเป็นเรื่องของการ”ใช้งบประมาณ” ไม่ใช่การ”ดับไฟใต้” วันนี้”ทิศทาง” ในการ”ดับไฟใต้” ต้อง”เปลี่ยนแปลง” ต้องมี”ถนนสายใหม่”ไม่ใช่การ”ย่ำเท้า” อยู่กับ”บริบท”เดิมๆ ที่”ทำมาแล้วทำอยู่ และ ทำต่อ” ซึ่งเป็นการ”สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน”โดยใช่เหตุ

เรื่อง “ความรุนแรง” ของ”สถานการณ์” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เห็นชัดว่า” ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกลาโหม ยัง”อ่อนด้อย” กับเรื่องของ”ขบวนการบีอาร์เอ็น” เรื่องของ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ไม่เข้าใจ”สังคมของคนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้” บางเรื่องต้องทำเป็น”ความลับ” เช่น”การขอให้”อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ช่วยเหลือเพื่อ”จัดการ”กับ”บีอาร์เอ็น” ต้องทำเป็น”ความลับ” และเป็นงาน”ใต้ดิน” การที่” อันวาร์ อิบราฮิม” แถลงข่าว”เปิดตัว” ในการ”จัดการ”กับ”บีอาร์เอ็น” ตามคำ”ร้องขอ” ของ”รัฐบาลไทย” คือ”ดาบสองคม” ที่สร้างความ”ไม่พอใจ” ให้กับ”บีอาร์เอ็น” และ”พรรคพาส” ที่เป็น”พรรคฝ่ายค้าน” ที่เป็น”ไม้เบื่อไม้เมา” กับ”รัฐบาลกลาง” ดังนั้น” เคราะห์กรรม” จากการที่”อันวาร์ อิบราฮิม” มาพบกับ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่”ประเทศไทย”และกลับไป”แถลงข่าว” ที่”มาเลเซีย” ถ้านำมา”ต่อจิ๊กซอร์” ก็จะเห็นว่าการ”ก่อเหตุความรุนแรง” ที่เกิดขึ้น มาจากความ”อ่อนหัด” ในการแก้ปัญหา” ของ”รัฐบาล” ที่มี”ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้”กำกับดูแล”ดังนั้นการ”ปรับ ครม.” ครั้งนี้ จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องมีการ”เปลี่ยนตัว” รองนากรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อ”รับมือ” กับ”สถานการณ์”ความรุนแรง” ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้”

สำหรับ “พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สิ่งที่ต้องทำในขณะนี้คือ”การยกระดับการรักษาความปลอดภัย” ให้กับ”ประชาชน” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” อย่าง “เร่งด่วน” และต้องมีการ”ปิดล้อม ตรวจค้น” เพื่อ “จำกัด เสรีภาพ” ของ”กองกำลังติดอาวุธ” การพัฒนางาน”การข่าว” ให้สามารถ”เข้าถึง” ข่าวความ”เคลื่อนไหว” ของ”แนวร่วม” ในพื้นที่ และต้องทำการ”คลี่คลาย” ประเด็นการ”เสียชีวิต” ของ” อุตต๊าส “หรือ”ครูสอนศาสนา”อับดุลรอนิง ลาเต๊ะ” ที่ถูกยิงเสียชีวิต ที่ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส  ว่าเป็น” ฝีมือ”ของใคร เป็น”บีอาร์เอ็น” ยิงทิ้ง เพื่อ”สร้างสถานการณ์” เพื่อ”ป้ายสี” ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะ”รบพิเศษ” หรือไม่ คดีนี้ ถ้า”ตำรวจ” จับ”คนร้าย”ไม่ได้ จะเป็น”เงื่อนไข” ให้”บีอาร์เอ็น” นำไป”ไอโอ” ให้ “ประชาชน” ที่เป็น”มวลชน” ของ”บีอาร์เอ็น” หลงเชื่อว่าเป็น”ฝีมือ” ของ” เจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งทำให้”สถานการณ์”ในพื้นที่”ย่ำแย่” ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ”หลักฐาน” ที่เป็น” หัวกระสุน” บ่งบอกถึง” ที่มาที่ไป” ของ”อาวุธปืน” ที่ใช้ ที่สำคัญ เช็คประวัติของ” อับดุลรอนิง เจ๊ะเต๊ะ” ที่เป็น”อุสต๊าซ” แล้ว ไม่”ธรรมดา” ดังนั้นการ”เสียชีวิต” ของ”อับดุลรอนิง” ถ้าไม่มี”พยานหลักฐาน” ที่ชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ”เจ้าหน้าที่รัฐ”  คน”ไทยพุทธ” และ”เจ้าหน้าที่” ยังต้อง”เดือดร้อน” ต่อไป

นี่ก็เป็นเรื่องความ”ล้มเหลว” ของ”รัฐบาล” อีกเรื่อง คือเรื่องการ”ปราบปรามยาเสพติด” ที่วันนี้”ยาเสพติด” ยังคง”ระบาด”ไปทั่วทุกพื้นที่ ที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ยังเป็นพื้นที่ ซึ่งเต็มไปด้วย”ยาเสพติด” ตั้งแต่”น้ำกระท่อม” จนถึง”ยาบ้า” และ”ยาไอซ์”  สาเหตุของการ”ระบาด” เพราะ”ซื้อง่าย ขายคล่อง” มี”คนมีสี” ตั้งแต่”ผู้นำท้องถิ่น” และ”ท้องที่” อยู่ใน”วงจร” ของการค้า”ยาเสพติด” มี”เจ้าหน้าที่บางหน่วย” ที่เป็นผู้”เก็บส่วย” จาก”ผู้ค้า” และ”ผู้เสพ” ส่วนการ”จับกุม” ก็เป็นการ”จับกุม” เพื่อสร้าง”ผลงาน”  ตาม”ตัวเลข” ที่มีการ “กำหนด” ว่าเดือนละกี่ราย ได้”จับกุม” เพื่อให้”ผู้ค้า” และ”ผู้เสพ” หมดจากพื้นที่ เรื่องนี้” พล.ต.ท.ปิ ยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ 9 ต้องรีบแก้ไขด่วน

กลับมาที่การ”เลือกตั้ง” ระดับ”เทศบาล” ที่กำลังเข้า”โค้งสุดท้าย” ของการ”แข่งขัน” ซึ่ง”นโยบาย” เป็นเพียง”ส่วนประกอบ” ในการ”หาเสียง” เพราะการ”ลงพื้นที่” ของ”หัวคะแนน” สิ่งที่”ประชาชน” ผู้”มีสิทธิ์” ในการ”เลือกตั้ง” สอบถามคือ” จ่ายเท่าไหร่” ดังนั้นการ”เลือกตั้ง” คือ”เทศกาล”ของการ”ซื้อเสียง”ของ”นักเลือกตั้ง” และได้”ขายสิทธิ์”ของ”ประชาชน” ผู้มีสิทธิ์ในการ”เลือกตั้ง” ที่”ทั้ง”สองฝ่าย” คือ”เข้าข้าง”ตนเองว่าไม่ใช่การ”ซื้อสิทธิ์ขายเสียง” แต่เป็นเรื่องการ”ช่วยเหลือ” เพื่อเป็น”ค่าใช้จ่าย”ค่า”เสียเวลา” ในการไป”เลือกตั้ง” ของ”ประชาชน”  วันนี้”สังคมไทย” ก้าวมาถึง”จุดนี้” ซึ่งเป็นจุด”หายนะ” ของ”ประชาธิปไตย” แบบ”ไทยๆ”

ปัญหาของ”โพงพาง” ที่”ทะเลสาบสงขลา” และปัญหา”โฮมสะเตย์” ที่ รอบ”เกาะยอ “ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา คือ ปัญหาที่ทำให้เห็นถึงการที่”เจ้าหน้าที่” ทุกฝ่ายของ”บ้านเมือง” ไม่กล้าใช้”กฎหมาย” ในการแก้ปัญหาที่”หมักหมม” โดยปล่อยให้ผู้ที่ทำ”ผิดกฎหมาย” สามารถที่จะทำในสิ่งที่”ผิดกฎหมาย” โดยไม่มีการ”จับกุม” การที่จะ”บังคับใช้กฎหมาย” เพื่อให้”ประชาชน”ปฏิบัติตาม”กฎจราจร” แต่ไม่ใช่”กฎหมาย” ในการ”จัดการ”กับเรื่อง”โพงพาง” และ”โฮมสะเตย์” จึงเป็นเรื่อง”สองมาตรฐาน” สำหรับ”จังหวัดสงขลา” ที่มีการ”วิพากษ์วิจารณ์” ซึ่ง” โชตินรินทร์ เกิดสม” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา คงจะได้ยิน เหมือนที่คน”สงขลา” ได้ยินได้ฟัง…… แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

ไชยยงค์ มณีพิลึก