การเมืองยัง”ยุ่งเหยิง” และเป็นตัวที่”ฉุด”ให้ทุก”ปัญหา” ของ”ประเทศไทย” อยู่ในสภาพของความ”เสื่อมทรุด”และ”ตกต่ำ” โดยเฉพาะ”ความรู้สึก” ของ”ประชาชน” ที่เป็นคน”ส่วนใหญ่” ของ”ประเทศนี้” คือความ”ไม่ไว้วางใจ” ต่อคนของ”ตระกูลชิน” ที่เป็นเจ้าของ”พรรคการเมือง” และเป็น”ผู้นำ” ในการ”บริหารประเทศ” สังเกตได้ว่า ณ วันนี้ ไม่ว่า”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จะ”พูด” จะ”ทำ” อะไรก็ถูกมองว่า”ผิดไปหมด” ทั้งที่”บางเรื่อง” ก็เป็นเรื่องที่”ดี” และ”ถูกต้อง” นี่คือปัญหาของ”ความรู้สึก” ที่เป็น”ปมร้าวลึก” ของ”การเมืองไทย” ภายใต้”เงื้อมมือ”ของ”สองพ่อลูก” ของ”ตระกูลชิน”…..เรื่องความ”ขัดแย้ง” ระหว่าง”ไทย”กับ”กัมพูชา” ในเรื่องของ”เขตแดน” ที่มีความ”ผิดพลาด”ในการ”แก้ปัญหา” ตั้งแต่ใน”อดีต”ที่เป็นเรื่อง”คาราคาซัง” และ”ปะทุ”ด้วยการ”ปะทะ” ด้วย”กำลังทหาร” เป็นเป็นระยะๆ วันนี้ก็ยังไม่เห็น”ทางออก” จาก”ปัญหา”ของความ”ขัดแย้ง” หาก”กัมพูชา” ยัง”ยืนยัน” ที่จะใช้”แผนที่” 1 ต่อ 200,000 ที่ จัดทำโดย”ฝรั่งเศส” ซึ่งเป็น”แผนที่” ที่ไม่มี”ประเทศไหน” ยอมรับ” รวมทั้ง”จุดยืน”ของ”กัมพูชา” คือการ”ฟ้องศาลโลก” ที่”ประเทศไทย” ไม่ยอมรับการ”ตัดสิน”ของ”ศาลโลก”
ปัญหาความ”ขัดแย้ง” ระหว่าง”ไทย”กับ”กัมพูชา” คือ”ไม่มีทางออก” ที่จะใช้”กลไก”ของ”ทวิภาคี” ในการ”แก้ปัญหา” เช่นการ”ประชุม เจบีซี “ ที่ผ่านไปหยกๆ เป็นการ”ประชุม” ที่”สูญเปล่า” และหลัง จบการประชุม ยังถูก”กัมพูชา” ทำการ”เคลม” ว่า ทั้ง”สองฝ่าย” หมายถึง”ไทย” และ”กัมพูชา” ตกลง ในการใช้”แผนที่ 1/200000 ในการ”เจรจา ทวิภาคี” นี่คือการที่”กัมพูชา” ต้องการให้”คนไทย” เข้าใจผิด และให้เห็นว่า” รัฐบาล” ของ” แพทองธาร ชินวัตร” อ่อนแอ และ”อ่อนข้อ” ยอมเดินตาม ความต้องการของ”ฮุน” สองพ่อลูก” นั้นคือ”ฮุนเซน” และ”ฮุนมาเนต” ที่เป็น”สองผู้นำ” ของ”กัมพูชา” รวมทั้ง หลัง”เสร็จสิ้น” การ”ประชุม เจบีซี” ไม่ทัน”ข้ามวัน” ฝ่ายของ”กัมพูชา” โดย”ฮุนเซ็น” ก็ออกมา”ขู่คำราม” ให้”ไทย” เปิดด่านพรมแดน” ทุกด่าน หากไม่ทำตาม”กัมพูชา” จะไม่ให้”ไทย” ส่งสินค้า” เข้าไปยัง”กัมพูชา” ในทุกกรณี นี่เป็นการ”แสดงความเหนือชั้น” ใน”เชิงการทูต” ของ”กัมพูชา” ที่มี”ต่อไทย”…..ซึ่ง”ประชาชน” ทั้ง”ประเทศ” ต่าง”จับตามอง” ว่า”รัฐบาล” จะ”แก้เกม” อย่างไร “เช่น”กระทรวงการต่างประเทศ” ที่มี”มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จะ”ตอบโต้” อย่างไร ที่ให้”ประชาชน”เห็นว่า”ไม่ตกเป็น”เบี้ยล่าง” ให้”กัมพูชา” ทำการ”โขกสับ” อยู่”ทุกเมื่อเชื่อวัน” อย่างที่เกิดขึ้น
เรื่องการ”พิพาท” ในเรื่อง”ดินแดน”ระหว่าง”ไทย”กับ”กัมพูชา” ณ วันนี้ ไม่ใช่เรื่องของการ”ได้”เสีย” ในเรื่องของ”แผ่นดิน” ของ”ประเทศไทย” เพียงอย่างเดียว แต่มี”ผลกระทบ” กับ”เศรษฐกิจการค้า” ใน”ทุกจังหวัด” ที่มี”ด่านพรมแดน” ซึ่งต้องยอมรับว่า”ไทย” มีการ”ส่งออก” สินค้าไปยัง”กัมพูชา” จำนวนไม่น้อย การ”ปิดด่าน” ไม่ว่าจะเป็น”ฝั่งไทย” หรือ”กัมพูชา” ต้องมี”ผลกระทบ” กันทั้ง”สองประเทศ” อยู่ที่ว่าใครจะได้รับ”ผลกระทบ”มากกว่าใคร เท่านั้น และถ้า” ฮุนเซน” กล้าที่จะ”ปิดพรมแดน” ทุกจุด ใน”ระยะยาว” ผู้ที่ได้รับ”ผลกระทบ” ก็คือ”ประชาชน”ของ”กัมพูชา” ซึ่ง”ยากจน” อยู่แล้วก็จะ”ย่ำแย่” ยิ่งขึ้น …..สำหรับ”คำขู่” ของ”ฮุนเซน” เรื่องให้”แรงงานกัมพูชา” เดินทาง”กลับประเทศ” เพื่อต้องการให้”ไทย” ได้รับความ”เดือดร้อน” ในการ”ขาดแคลนแรงงาน” นั้น ถ้า”เป็นจริง” ก็ไม่ได้”ส่งผลกระทบ” กับ”ไทย” มากนัก เพราะยังมี”แรงงาน” จาก”เมียนมา” และ” สปป.ลาว” เข้ามา”แทนที่” และ”ท้ายสุด” นโยบายของ”ฮุนเซน” ในเรื่อง ให้”คนกัมพูชา” ที่อยู่ใน”ประเทศไทย” เดินทาง”กลับประเทศ” ก็จะเป็นการสร้าง”ปัญหา” ให้เกิดขึ้นกับ”กัมพูชา”เอง แต่สิ่งที่”คนไทย” ต้องการ” เห็น” และ”ได้ฟัง” จาก” รัฐบาลเพื่อไทย” คือ”การออกมา”สื่อสาร” เพื่อให้เห็นว่า”รัฐบาล”นี้ ไม่มี”ผลประโยชน์”ที่”ทับซ้อน” กับ”คนของ”ตระกูลฮุน” ที่มีการ”เกี่ยวดอง” กับ”ตระกูลชิน” และไม่ได้”ตกเป็นเบี้ยล่าง” ในทาง”การเมือง”แบบที่”พ่ายแพ้”ทุก”ประตู” และ”พ่ายแพ้”แบบ”รายวัน” จน”ประชาชน” อยู่ในอาการ”สิ้นความเชื่อถือ” ต่อการ”บริหารประเทศ” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” ผู้เป็น”นายกรัฐมนตรี”ไปแล้ว ถ้า” ตระกูลชิน” ยังมี”นโยบาย” ในการให้”พรรคเพื่อไทย” เป็น”ผู้นำ” ในทาง”การเมือง”ต่อไป และยัง”วางตัว” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี” คนต่อไปหลังการ”ยุบสภา”และมีการ”เลือกตั้งใหม่” วันนี้” พรรคเพื่อไทย” และ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ต้องใช้”วิกฤต” ของการ”พิพาท” กับ”กัมพูชา” ในการ”สร้างศรัทธา” และความ”เชื่อมั่น” ให้เกิดขึ้น ก่อนที่จะ”ยุบสภา” เพื่อการ”เลือกตั้ง” ครั้งใหม่
สถานการณ์ความ”ขัดแย้ง” ระหว่าง”ไทย”กับ”กัมพูชา” ที่เกิดขึ้น ผู้ที่”ประชาชน”ให้ความ”ไว้วางใจ” และ”เชื่อมั่น” จึงกลายเป็น”กองทัพ” โดยเฉพาะ”กองทัพภาคที่ 2 “ ที่มี” พล.ท.บุญสิน”พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบ”พื้นที่ชายแดน”ด้าน”สุรินทร์,ศรีสะเกษ” และ”อุบลราชธานี” ซึ่ง ณ วันนี้” ก็มี”ขบวนการ” ที่ออกมา”ปั่นข่าว” ทาง”โซเชียล” ให้เกิดความ”แตกแยก” ระหว่าง”กองทัพ”กับ”รัฐบาล” ประเด็นนี้ก็เป็นอีก”ประเด็น” ที่”สำคัญ” ที่ฝ่ายของ”กัมพูชา” ต้องการให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างความ”แตกแยก” และ”กัมพูชา” อาจจะอยู่”เบื้องหลัง” ของการ”ปั่นข่าว” เพื่อให้เกิดความ”แตกแยก” ระหว่าง”กองทัพ”กับ”รัฐบาล”…..”จุดอ่อน” ของ” รัฐบาล” คือการที่ไม่มีการ”สื่อสาร” ถึง”ข้อเท็จจริง” และ”ไม่ทันการ” ในการ”ขับเคลื่อน”ของการแก้”ปัญหา” ในขณะที่”ฮุนเซน” ออกมา”รณรงค์” ให้”ประชาชน” เห็นด้วยกับ”แนวทาง” ยึด”ดินแดน”ของ”ประเทศไทย” และสร้างความ”คลั่งชาติ” ให้เกิดขึ้น เพื่อ”สนับสนุน” นโยบายของ”รัฐบาล” เพื่อสร้าง”ฮุนมาเนต” ผู้เป็น”ลูกชาย” และเป็น”นายกรัฐมนตรี”ให้เป็น”ฮี่โร่” เป็น”พระเอก” ของ”กัมพูชา” แต่ใน”ประเทศไทย” กลายเป็น”ประชาชน” ต้องออกมา”เคลื่อนไหว” ให้”รัฐบาล”มีความ”รักชาติ” และ”รักแผ่นดิน” กลับกันที่”กัมพูชา” ทั้งหมดคือ”จุดอ่อน” ของ”รัฐบาล” ที่นำโดย”พรรคเพื่อไทย”ที่กำลังถูก”ตั้งคำถาม”ว่าเป็น”คนไทยหัวใจเขมร” หรือไม่
ปัญหา”เขตแดนไทย-กัมพูชา” วันนี้เมื่อ”กลไก”ของการ”เจรจา”ในแบบ”ทวีภาคี” ไม่มีผล ก็ต้องใช้”กำลังทหาร” ในการ”ตรึงแนวชายแดน” และให้”ทหาร” ทั้ง”สองฝ่าย” ถอยไปอยู่ใน”แนวเดิม” ก่อนที่จะมีการ”พิพาท” เพื่อ”รักษา”ดินแดน ของแต่ละ”ประเทศ”เอาไว้ ส่วนเรื่องของ”ศาลโลก” จะ”ตัดสิน” อย่างไร “ประเทศไทย” ไม่ต้อง”รับรู้”และ”รับฟัง” เพราะเป็นเรื่องของ”กัมพูชา” ฝ่ายเดียว …..และสิ่งที่”ต้องไม่มี” หรือไม่นำมาเป็น”ประเด็น” คือไม่มีพื้นที่ ที่เรียกว่า”โนแมนสแลนด์” ของ”ทั้งสองประเทศ” มีแต่”ดินแดนของประเทศไทย” และของ”ประเทศกัมพูชา” ที่อยู่ระหว่างการ”ปักปันเขตแดน”เท่านั้น ถ้า”กระทรวงต่างประเทศ” กำหนดให้”ชายแดนไทย-กัมพูชา” มีพื้นที่ที่เรียกว่า”โนแมนส์แลนด์” เมื่อไหร่” ปัญหาจะ”บานปลาย” และพื้นที่”โนแมนส์แลนด์” จะถูก”กัมพูชา” เข้า”ยึดครอง” โดยการใช้”ประชาชน” เป็นผู้”บุกรุก”เข้า”ยึดพื้นที่ ดังนั้นในพื้นที่ชายแดนที่เป็นกรณี”พิพาท” ต้องไม่มีพื้นที่”โนแมนส์แลนด์” ให้กลายเป็น”ปัญหา” ตามมา
เรื่องการ”ปรับ ครม.” ที่กลายเป็นปัญหา” ยักตื้นติดกึก ยังลึกติดกัก” ที่ผ่านมาแล้ว”นับเดือน” การ”ปรับ ครม.” ยังไม่”สำเร็จ” เพราะ”พรรคภูมิใจไทย” และ”พรรครวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งเป็น”สองพรรคการเมือง” ที่ยัง”ไม่ยอม” ให้มีการ”เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง” ใน “ครม.” ดังนั้นหาก”พรรคเพื่อไทย” ต้องการ”ปรับ ครม.” จึงต้อง”หักดิบ” โดยการใช้”อำนาจ” ของ”นายกรัฐมนตรี” เพียงอย่างเดียว ซึ่งในที่สุดพรรคภูมิใจได้ออกแถลงการณ์ ถึงกรณีการโทรศัพท์เจรจาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่ออธิปไตย ดินแดน ผลประโยชน์ของประเทศไทย และกองทัพไทย ตามที่ประชาชนได้รับทราบแล้วนั้น กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ได้ประชุมพิจารณาถึงกรณีที่เกิดขึ้น และมีมติให้พรรคภูมิใจไทย ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ทุกคน ได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไปและพรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทย ต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ทั้งนี้การสนทนายังมีการกล่าวถึง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ทำหน้าที่ปกป้องราชอาณาจักรไทย ปกป้องแผ่นดินไทย ว่าเป็นพวกอยู่ตรงกันข้าม พูดเอาเท่ จนในที่สุด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาแถลงขอโทษประชาชน โดยระบุว่าเป็นเทคนิคการเจรจา
กล่าวถึงเรื่อง”พลังงาน” มีการถามมาจาก”หลายฝ่าย” โดยเฉพาะ”ผู้ประกอบการค้าการลงทุน” ว่า” ณ วันนี้” วันที่”ทั้งโลก”กำลัง”ปั่นป่วน” ด้วยเรื่องของ”สงคราม” เรื่องการ”สู้รบ” ใน”หลายภูมิภาคของโลก” โดยเฉพาะใน”ตะวันออกกลาง” ที่ส่ง”ผลกระทบ”ในเรื่องของ”น้ำมัน” ในเรื่องของการ”ขนส่ง” ที่อาจจะมีการ”ปิดช่องแคบ” หรือ”สถานการณ์การสู้รบ” มี”ผลกระทบกับการเดินเรือ” เรื่องนี้” รัฐบาล”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี มีการ”เตรียมรับมือ” กับ”ผลกระทบ” ที่จะเกิดขึ้นกับ”ประเทศไทย” อย่างไร หรือปล่อยให้เป็น”กลไก” ของ”ตลาด” เป็นเรื่อง”อุปสงค์ อุปทาน” เพราะยังไม่เห็น” ครม.เศรษฐกิจ” ออกมา”แถลง” ให้”ประชาชนได้”รับรู้” ทั้งที่เป็นเรื่อง”ความเป็นความตาย” ของ”เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง”ของ”ประชาชน และนี่กระมั่งที่”รัฐบาล” ชุดนี้ถูกมองว่า”หน่อมแน้ม” ในทุกเรื่อง และถูกมองว่า”หมดเวลา” ในการ”บริหารประเทศ”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” แล้ว นั่นเอง
กลับมาที่”ปักษ์ใต้บ้านเรา” ที่กำลัง”เสดสา” กับ”ราคาผลผลิตทางการเกษตร” ที่ วันนี้ทั้ง”ปาล์มน้ำมัน” และ”ยางพารา” ที่”ราคาตกต่ำ” และ”เกษตรกร” ออกมา”เรียกร้องไปยัง”รัฐบาล” ผ่าน”ช่องทาง” ต่างๆ ยังไม่ได้รับการ”สนองตอบ” วันนี้”ราคายาง”ตกต่ำ” ซึ่ง”น้ำยางสด” เหลือเพียง”กิโลกรัมละ50 บาทกว่าๆ ส่วน”ราคาลูกปาล์ม”ของ”ชาวสวนปาล์ม” ราคาตกต่ำเหลือเพียง “กิโลกรัมละ 4 บาท” ยังไม่พอ “ชาวสวนปาล์ม” ยังต้อง”แบกรับ” ปัญหาไม่มี”ที่ขาย” เพราะ”ลานเท” ที่เปิด”รับซื้อ” ปิดไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ เพราะ”แบกขาดทุน”ไม่ไหว เนื่องจาก”โรงสกัดน้ำมันปาล์ม” ที่มีอยู่ใน”ภาคใต้” ไม่”รับซื้อ”นั่นเอง…..วันนี้”ชาวสวนปาล์ม” และ”ชาวสวนยาง” จึงต้อง”พึ่งตนเอง” เพราะ”รัฐบาล” ไม่ได้สนใจในการ”แก้ปัญหา” เป็น”รัฐบาล” ที่”พึ่งไม่ได้” เพราะ”เสนาบดี” ทั้งของ”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”กับ”กระทรวงพาณิชย์” เป็น”ผู้นำ” ที่”ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” กับความ”เดือดร้อน” ของ”เกษตรกร” รวมทั้ง”ปัญหายางเถื่อน” ที่มีการ”ลักลอบส่งออก” ทาง”ด่านศุลกากรอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา” และ”ปาล์มเถื่อน” ที่”ลักลอบนำเข้า” จาก”ชายแดนด้านประเทศเมียนมา” ฝั่ง” จังหวัดระนอง” ก็ไม่มีการ”จับกุม” และ”ไข่ไก่” ที่”ลักลอบนำเข้า” จาก”ประเทศมาเลเซีย” ฝั่ง” อ.ตากใบ”และ”อ.สุไหงโก-ลก” จ.นราธิวาส รวมทั้ง”มะพร้าว” จาก”อินโดนีเซีย” ที่นำขึ้นฝั่งด้าน อ.ตากใบ” จ.นราธิวาส ก็ไม่มีการ”ดำเนินการจับกุม”
ที่”สำคัญ” คือ”วัวเถื่อน” จาก”แม่สอด” จังหวัดตาก” จาก”ประจวบครีรขันธ์, และจาก”ชายแดนที่ดินกับ”ประเทศเมียนมา ที่มีการ”ส่งออก” โดย”ผิดกฎหมาย”ข้าม”แม่น้ำสุไหงโก-ลก” จ.นราธิวาส ก็มีการ”เปิดไฟเขียว” ให้”ขบวนการ” ทำ”ผิดกฎหมาย” อย่าง”เป็นล่ำเป็นสัน” เพราะ”ขบวนการ”ค้าวัวเถื่อน” เป็นของ”นักการเมือง” ดังนั้นการ”จับกุม”การ”นำเข้า” สินค้าทางการเกษตร” ที่อยู่ภายใต้การ”บริหารจัดการ”ของ”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ในยุคที่” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เป็น”เสนาบดี” ไม่ได้”ให้ความ”สนใจ” ในการ”แก้ปัญหา”ที่เกิดขึ้น ที่สร้างความ”เดือดร้อน” กับ”เกษตรกร”แต่อย่างใด ที่”สำคัญ” มี”ประชาชน”ถามว่า”ชุดเฉพาะกิจนาคราช” ที่ตั้งขึ้น ตั้งเพื่อ”จับกุม” สินค้าการ”เกษตร” ที่มีการ”ลักลอบ”นำเข้าประเทศ หรือตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์อะไร เพราะไม่เห็นมี”ผลงาน” ในการ”จับกุม” ทั้งที่มีการทำ”ความผิด” ในทุกพื้นที่ของ”เมืองชายแดน” ทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ของ”ภาคใต้”
เรื่องสำคัญของ”ชาวจังหวัดสงขลา”คือเรื่องการที่” ตำรวจกองปราบ” และ”ตำรวจไซเบอร์”สั่ง”ดำเนินคดี” กับ” สิรดนัย พลายด้วง” สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา” ลูกชาย”หัวแก้หัวแหวน” ของ”สมยศ พลายด้วง” สส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ จ.สงขลา ซึ่งวันนี้ “ตำรวจกองปราบ” มีการ”สรุปสำนวนสั่งฟ้อง” ในคดี”การทำร้ายร่างกาย”เจ้าหน้าที่ตำรวจ และในเรื่องของ”เส้นเงิน”ของการ”พนันออนไลน์” ซึ่งมี”เส้นเงิน” ที่”เกี่ยวพัน”กับ”กลุ่มนักการเมือง”…..เรื่องของ”นักการเมือง” ที่เข้ามา”พัวพัน” กับ”บ่อนการพนัน” รวมทั้ง”ยาเสพติด” กลายเป็นความ”เสื่อมเสีย” ของ”ประชาชน” ใน”จังหวัดสงขลา” ที่เป็นผู้”ใช้สิทธิเลือกตั้ง” และไปเลือก” บุคคลเหล่านี้” เข้ามาเป็น”ตัวแทน” ทาง”การเมือง” และกลายเป็นเรื่องที่ถูก”วิพากษ์วิจารณ์” กันมากถึงการ”เปลี่ยนแปลง”ใน”พฤติกรรม” การ”เลือกตั้ง” ของคน”สงขลา” ที่ในอดีตเป็น”จังหวัด”ที่ถูก”ยกย่อง” เลือก “สส.เป็น”และเลือก”คนดี” เข้าไปทำหน้าที่”ผู้แทน” แต่วันนี้ทุกอย่าง”เปลี่ยนไป”เพราะ”คนส่วนใหญ่” ที่”มีสิทธิ์”ในการ”เลือกผู้แทน” ไม่ได้เลือก”คนดี” ผลที่ออกมา วันนี้คน”สงขลา” จึงต้อง”แบกรับ” ความ”เสื่อมเสีย” ที่เกิดขึ้นอย่าง”หลีกเลี่ยง”ไม่พ้น นี่คือ”บทเรียน” ที่คน”สงขลา”ต้อง”จดจำ”เพื่อในการ”เลือกตั้ง”ในครั้งต่อไปจะได้”ไม่เลือก” ผู้ที่มี”ธุรกิจผิดกฎหมาย” มาเป็น”ผู้แทน”อย่างที่เกิดขึ้น
ชาว”บางแฟบ” เทศบาลบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา”ร้องกันมา”ว่าให้” พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม” ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไป”ตรวจสอบ” หน่อย ว่า”โต๊ะแทงพนันบอล” ที่”บางแฟบ” เป็นของใคร” เพราะ”เปิดแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย” มี”นักการพนัน” เดิน”เข้า-ออก” ทั้งวันทั้งคืน จน”ชาวบ้าน”เขา”เดือดร้อน” ระวังถ้าบอกแล้ว ไม่”สนใจ” ชาวบ้านจะ”กล่าวหา”ว่า “ตำรวจรับส่วย”แล้วจะ”เสียหาย”ถึง” พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี” ผบช.ภ.9 นะจะบอกให้
เรื่อง”โดรน” จำนวน 2 ลำ ที่ถูก”ตรวจพบ” ในพื้นที่”ต.สำนักขาม” อ.สะเดา จ.สงขลา หลังจาก”สืบสวน”พบว่าเป็นของ”กลุ่มจีนเทา” ที่”กระสานซ่านเซ็น”มาจากการ”ปราบปราม”แก็งค์คอลเซ็นเตอร์” และ”ขบวนการค้ายาเสพติด” ที่”ชายแดนภาคเหนือ” เป็น”โดรน” ที่”ลักลอบ”นำเข้ามาเพื่อการ”ขนยาเสพติด” หลัง”เกิดเหตุ” ตำรวจ สามารถ”ติดตามจับกุม” สอง”คนจีนแผ่นดินใหญ่” ได้แล้วขณะที่อยู่ใน”จังหวัดหนองคาย”และเชื่อว่าจากการ”สอบสวน”ผู้ต้องหาที่เป็น” เจ้าของโดรน” ทั้ง 2 ลำ เชื่อว่า” พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม” ผกก.สภ.สะเดา คงสามารถ”จับกุม” ผู้ร่วม”ขบวนการ” ที่เป็นคนในพื้นที่ อ.สะเดา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ทั้งหมด และต่อแต่นี้ไป” พล.ต.ต.”เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์” ผบก.ภ.วจ.สงขลา ต้องให้ชุด”สืบสวน” หา”แก็งค์จีนเทา” ที่เข้ามา”ปักหลัก” ใน”แนวชายแดน” เพื่อทำ”ธุรกิจสีเทา” ทั้งเรื่องของการ”ค้ายาเสพติด” และ”แก็งค์คอลเซ็นต์” ซึ่งเป็นการ”ร่วมมือ” กับ”ขบวนการค้ายาเสพติด”และ”แก็งค์”คอลเซ็นเตอร์” ที่เป็น”ชาวจีนมาเลเซีย” ถ้าทั้ง”สองฝ่าย” จับมือกันได้ “หายนะ” จะเกิดขึ้นกับ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” รีบ”ตัดไฟ”แต่”ต้นลม” จะเป็นการดีที่สุด…..แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
ไชยยงค์ มณีพิลึก