รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เรื่องของการเมือง ยังเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับประเทศไทยการขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพราะวันนี้การเมืองของไทยอยู่ที่ปากเหว และพร้อมที่จะลงเหวได้ทุกเมื่อ หากเดินผิดเพียงก้าวเดียวโดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของแพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างรอการพิจารณา เรื่องของคลิปเสียง การสนทนากับฮุนเซ็น ที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ซึ่งเป็นผู้นำตัวจริงของประเทศกัมพูชา ซึ่งกูรู ทางกฎหมายและเซียนการเมือง ส่วนใหญ่ ต่างวิเคราะห์ ว่า โอกาสมีอยู่สูง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะลงดาบ ให้พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นชะตากรรมเดียวกันกับ เศรษฐา ทวีสิน ที่มีการทำผิดจริยธรรมของนักการเมือง แต่ในส่วนของแพทองธาร ชินวัตร นั้น มีมากกว่า อดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เพราะมีการร้องใหปปช.ทำการตรวจสอบเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตด้วย รวมทั้งถูกแจ้งความจากประชาชน ต่อตำรวจ ให้ทำการเอาผิดอีกต่างหาก
และหากแพทองธาร ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั่นหมายความว่า สภาผู้แทนราษฎร ต้องมีการแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรี คนใหม่ ซึ่งในฝั่งของเพื่อไทย ก็จะเหลือเพียงชัยเกษตร นิติศิริ เพียงคนเดียวในฐานะของแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ซึ่งคงไม่ง่าย ต่อเสียงสนับสนุน จากทุกพรรคการเมือง ประเด็นนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของรัฐบาล และของประเทศ ไทย และเป็นจุดเสี่ยงของพรรคเพื่อไทยในการที่ คนของพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนหากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญทำให้แพทองธาร ชินวัตร ต้องมีชะตากรรมเดียวกับเศรษฐา ทวีสิน การที่รักษาการนายกรัฐมนตรี อย่างภูมิธรรม เวชยชัย จะมีอำนาจ ในการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะนำการเมือง ในสู่การเลือกตั้ง ครั้งใหม่ได้หรือไม่นั้น วันนี้ถ้าฟังจากมุมของกฤษฎีกา นั้นหมายถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจ ในการยุบสภาฯ เพราะการยุบสภาฯ เป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรี ถ้าจะฟังจากกูรูทางกฎหมาย ที่ทำหน้าที่นิติบริกร ให้กับนายกรัฐมนตรี ทั้งฝ่ายเทพและฝ่ายมาร มาแล้วอย่างโชกโชน ก็จะเห็นว่ารักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจ ในการยุบสภาฯได้ แต่ต้องอยู่กับการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยง และไม่บังควร เป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดคือเรื่องของการเมือง ที่กำลังเข้าสู่โหมดของการยักตื้นติดกึก ยังลึกติดกัก
ที่สำคัญ การเมืองแบบนี้เป็นการเมืองที่ไปไม่รอด เพราะไร้ซึ่งเสถียรภาพ และ หนักหนากว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา ที่สุดท้ายคือการจอดไม่ต้องแจว ทุกราย อยู่ที่ว่าจะมีการถูลู่ถูกังไปได้สักกี่น้ำ และเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่ได้อยู่กับรัฐบาล ที่อยู่กับประชาชน ที่ต้องทนอยู่กับ รัฐบาล ที่เป็นเป็ดง่อย ไม่สามารถ ที่จะแก้ปัญหา ที่มะรุมมะตุ้ม อยู่ในขณะนี้ได้แม้แต่กระผีกริ้น
ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูการปรับคณะรัฐมนตรี หรือครม. ก็จะเห็นความจริง ที่ชัดเจน ว่า ไม่ได้ปรับเพื่อแก้ไขปัญหา ของประเทศชาติ และของประชาชน แต่เป็นการปรับ ครม. เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลผสม ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพื่อให้อุ๊งอิ๊ง หรือแพทองธาร ชินวัตร สามารถอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อไปโดยไม่ได้คำนึง ว่าจะมีความสามารถ ในการบริหารประเทศหรือไม่ ทุกตำแหน่ง ที่ถูกวางตั้ง ให้เป็นเสนาบดี ของกระทรวงต่างๆ จึงไม่ได้อยู่ที่การเป็นมืออาชีพ แต่เป็นมือจ่าย เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองเป็นสำคัญ
แต่เอาเถอะ โบราณ เขาว่าอย่าติเรือทั้งโกลน ต้องให้โอกาส เพื่อให้เสนาบดี กระทรวงต่างๆ ได้แสดงฝีมือ ให้ประจักษ์ ว่าเป็นผู้ที่มีกึ๋นหรือไม่ ก็ต้องติดตามดูว่ากระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นเสนาบดีจากนายพลตำรวจใหญ่ อย่าง พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ มาเป็น อาจารย์แหม่ม หรือ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคลัง จะมีอะไรที่เรียกว่าดีขึ้น กับวงการศึกษาหรือไม่
หรือกระทรวง ที่เกี่ยวกับปากท้อง ของประชาชน อย่างกระทรวงพาณิชย์ ที่เหลวเป๋ว ในมือของพิชัย นริททะพันธ์ มาแล้ว ก็ต้องดูฝีมือของจตุพร บุรุษพัฒน์ ที่ลาออกจากปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มาเป็น เสนาบดี ของกระทรวงการค้า ว่าจะมีกึ๋น แค่ไหนกับการค้าขาย จะสามารถตรึงราคาสินค้า อย่าให้ขึ้นราคาเป็นรายเดือนได้หรือไม่ หรือสามารถที่จะทำให้ราคาสินค้ามีราคาที่ถูกลง ตามราคาของวัตถุดิบ ที่ถูกลงได้หรือไม่
โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร ที่มีราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทุกตัว ตั้งแต่ข้าวเปลือก ที่มีราคาถู้กถูก แต่ทำไมจึงส่งออกไปต่างประเทศสู้เวียดนามไม่ได้ และต้องเสียแช็มป์ของการส่งออก ไปให้ประเทศอื่น ทั้งมีชาวนา ขายข้าวเปลือก ในราคาที่ถูกมาก
และทำไมราคาข้าวสารถึงแพ้งแพง ทั้งที่ข้าวเปลือก มีราคาถูก เรื่องที่เป็นหนามยอกอก ทั้งของชาวนา และของประชาชน ที่ต้องซื้อสารข้าว เพื่อการบริโภค ท่านเสนาบดี กระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ช่วยตอบให้ประชาชน ชื่นใจหน่อยเถอะว่า ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ทั้งหมดมาจากกลไก อะไรกันแน่
จากข้าวเปลือก ก็เป็นเรื่องของยางพารา และปาล์มน้ำมัน ที่กลายเป็นวิกฤติ ของทั้งชาวสวนยาง และชาวสวนปาล์ม ที่รัฐบาล ที่ผ่านมา แก้ไขแบบไม่ตรงจุด จนทำให้ชาวสวนยาง และชาวสวนปาล์มต้องแบกรับ ความเสดสา แบบว่าประเทศนี้ ไม่มีรัฐบาลในการแก้ปัญหา ให้กับประชาชน
ตั้งแต่หม้อแปลงไฟฟ้าที่ ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา ถูกคนร้ายขโมยไปทำให้ไฟส่องถนนสายบ้านโคกเนียน – เกาะโอน ดับสนิทใช้การไม่ได้มาหลายเดือน จนกระทั่งล่าสุดเมื่อถนนมืดทำให้คนร้ายไม่ทราบจำนวนลักลอบมาตัดสายไฟใต้เสาไฟส่องถนนไปอีกยาวนับกิโล แต่ไม่เห็น เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเดือดร้อน อีกหน่อยคนร้ายคงจะลักลอบมาตัดเสาไฟส่องถนนไปชั่งเศษเหล็กขาย ชาวบ้าน ต.ท่าโพธิ์ วอน ตำรวจ สภ.คลองแงะ ช่วยติดตามจับคนร้ายที่ลักลอบมาขโมยหม้อแปลงไฟฟ้าและลอบตัดสายไฟให้ด้วย ครับ
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์