รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เรื่องของการเมืองภาพใหญ่ของประเทศไทย ที่สิงหาคม เป็นเดือดแห่งความรุ่มร้อน ที่ปรอทแตกของรัฐบาลเพื่อไทย และของตระกูลชิน เพราะ วันที่ 22 สิงหาคม เป็นวันที่ศาลชี้ชะตาของทักษิณ ชินวัตรในคดี 112 ซึ่ง ต้องมีการลุ้นว่าการตัดสินของศาล จะเป็นคุณ หรือเป็นโทษ ถ้าเป็นคุณ การเมืองก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ถ้าเป็นโทษ ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษ ก็ยังสามารถไปต่อ เพราะยังมีอุทรณ์ และฎีกาได้ตามกระบวนการยุติธรรม
ส่วนคดีคลิปเสียง ของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมที่มีการสนทนากับอังเคิล หรือ ฮุนเซ็น ผู้นำตัวจริง ของประเทศกัมพูชา ซึ่ง วันที่ 21 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญ จะเรียกให้ชี้แจง หรือแก้ข้อกล่าวหา พร้อมกับพยาน อีก 1 ปาก นั่นคือฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ซึ่งการแก้ข้อกล่าวหา ในเรื่องความไม่สุจริต และผิดจริยธรรม ตามข้อกล่าวหา ของสมาชิกวุฒิสภา ดังนั้นแม้ว่านายกรัฐมนตรี จะมีการส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเรื่องคลิปสนทนาไปแล้วก็จริง แต่การไปให้ปากคำ ต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 21 สิงหาคม มีความสำคัญ เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งกูรูทางการเมือง ต่างห่วงใย ทั้งในเรื่องภาษาพูดและภาษากาย ของแพทองธาร ชินวัตร ที่จะมีต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนการให้การของ ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคง หรือ สมช นั้น กูรู ทางการเมือง เชื่อร้อยเปอร์เซ็น ว่าเป็นการให้ถ้อยคำ ที่เป็นคุณ กับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย อย่างไม่มีข้อสงสัย…และหลังจากนั่น วันที่ 29 สิงหาคม จะเป็นวันที่คนทั้งประเทศ ให้ความสนใจ เพราะวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิพากษา อนาคตทางการเมือง ของแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นดีเอ็นเอ และลูกสาวหล้า ที่ทักษิณ ชินวัตร ฝากอนาคตทางการเมืองของตระกูลชิน ถ้าคำพิพากษา ออกมาเป็นคุณ กับแพทองธาร และตระกูลชิน เป็นความโชคดี ของตระกูลชิน แต่เป็นความโชคร้าย ของประเทศไทย และประชาชน ที่ต้องทนอยู่กับรัฐบาล ที่ไร้เสถียรภาพ และมีผู้นำที่ด้อยประสบการณ์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะพาประเทศไทยไปขึ้นเขาหรือลงห้วย อย่างไร
แต่ถ้าคำพิพากษา เป็นโทษ ต่อ แพทองธาร ชินวัตร เป็นโทษต่อตระกูลชิน และพรรคเพื่อไทย ก็จะเป็นโชคดี ของประเทศไทย และประชาชน เพราะจะได้มีการเปลี่ยนแปลง ทางการเมือง แม้ว่าพรรคเพื่อไทย อาจจะไปต่อ โดยการเข็น อดีตอัยการสูงสุด ที่อยู่ในบัญชีของแคนดิเดต คนสุดท้าย มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนแพทองธาร ชินวัตร เพื่อให้รัฐบาลยังไปต่อ เพื่อรอจังหวะ สร้างผลงาน และจัดทัพเลือกตั้ง ก่อนที่จะยุบสภา ในโอกาส ที่เป็นคุณ ต่อพรรคเพื่อไทย ก็ยังดีกว่าที่จะให้แพทองธาร ชินวัตร ต้องไปต่อ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกลายเป็นบุคคล ที่ประชาชน ส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่น และถูกมองว่า เป็นปัญหาของประเทศไทย
ส่วนคดีทางการเมือง ที่คงเป็นเรื่องคงค้าง อยู่ในองค์กรอิสระ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คือคดี 144 ที่เกี่ยวกับการโยกงบประมาณ ซึ่งหากการตัดสิน ที่เป็นคุณ กับประเทศ อาจจะมีนักการเมืองบางส่วน ที่ต้องรับผิด และถ้าการตัดสินออกมาไม่เป็นคุณ ก็จะกลายเป็นผลร้าย ต่อ สส. เป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกับคดีความของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน และ สส. 44 คน ในความผิดจริยธรรม และกบฏต่อราชอาณาจักร ที่ยังถูกดองจากองค์กรอิสระ ที่ถูกจับตามอง เพราะหากการตัดสินออกมาเป็นโทษ จำนวน สส. พรรคฝ่ายค้านจะหายไป จำนวนมาก ซึ่งก็จะมีผลในทางการเมือง ที่เป็นประโยชน์กับพรรครัฐบาล
ร้องกันมาก็เขียนกันไปว่า ตำรวจทางหลวงใกล้จุดชั่งน้ำหนักบ้านทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขยันตั้งจุดตรวจ ก็ไม่ทราบว่าตรวจเฉพาะขาดต่อทะเบียนรถหรือเปล่า แล้ว รถบรรทุกไม้ทั้งกระบะ และ สิบล้อ บางคันไม่ติดป้ายทะเบียน อุปกรณ์รถก็ไม่ครบ วิ่งบรรทุกไม้ผ่านสำนักงานตำรวจทางหลวง แถมยังมีรถทัวร์ และรถใหญ่ๆ สิบล้อขึ้นไป วิ่งเลนขวา กลับมองไม่เห็น ซ้ำร้ายบรรดารถขนน้ำมันเถื่อน บางคันวิ่งผ่านไป มา มีผลงานจับกุมกี่ครั้ง รวมทั้งสินค้าหลบหนีภาษี ปีหนึ่งจับได้กี่ครั้ง เรื่องนี้ ผู้ใหญ่ ของตำรวจทางหลวงลองตรวจสอบหน่อยเท็จจริงอย่างไรครับผม
นี่ก็ร้องกันมามาก ตำรวจจราจร บาง สภ.ขยันตั้งจุดตรวจจับ ไม่สวมหมวกกันน็อค ขาดต่อทะเบียน ไม่มีใบขับขี่ แล้วปรับขั้นต่ำถึง 400 บาท นั้นค่าแรงวันหนึ่งของคนบางคน หรือผู้ปกครองของนักเรียน ครับผิดนะผิด แต่ทำไม ตำรวจถึงไม่ใช้วิธีการ นำไปอบรมแทนค่าปรับ ชี้ให้เห็นถึงการไม่สวมหมวก ขาดต่อทะเบียน และไม่มีใบขับขี่ จะดีกว่าไหมครับ
ปัญหาผับเถื่อน โรงแรมเถื่อน ในบ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา กลับไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหน กล้าเข้าไปทำให้ถูกต้องแปลก
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์