วันพฤหัสบดี, 11 กันยายน 2568

เตรียมพร้อมต้อนรับผู้แทนหอการค้าทั่วประเทศและกลุ่ม YEC

11 ก.ย. 2025
17

ประธานหอการค้า จ.สงขลา นายทรงพล จังศิริวัฒนธำรง ได้กล่าวถึงความพร้อมในการจัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 43 ที่ จ.สงขลาเป็นเจ้าภาพ ในระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2568 โดยงานนี้นับเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงภาคธุรกิจเอกชนกับภาครัฐ ภายใต้แนวคิด “BCG” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เครือข่ายหอการค้าทั่วประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการท้องถิ่น ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจ และกำหนดข้อเสนอเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรม เพื่อส่งต่อถึงรัฐบาล ผ่านเอกสาร “สมุดปกขาว” ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสะท้อนปัญหาและแนวทางแก้ไขจากภาคธุรกิจโดยตรง

ในฐานะเจ้าภาพ จ.สงขลา ได้เตรียมโชว์ศักยภาพผ่านแนวคิด B-C-G ได้แก่ B = Business สงขลาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ภาคใต้ เชื่อมต่อด้วยสนามบินนานาชาติ รถไฟรางคู่ที่กำลังก่อสร้าง ท่าเรือน้ำลึก และพรมแดนติดกับมาเลเซีย รวมทั้งเป็นแหล่งการลงทุนที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม การศึกษา การแพทย์ และกีฬา พร้อมศักยภาพเป็น “ไมซ์ซิตี้” และ “สปอร์ตซิตี้” ของประเทศ
C = Cultural เมืองพหุวัฒนธรรมที่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สะท้อนผ่านอาหาร ศิลปะ และวิถีชีวิตที่หลากหลาย กำลังขับเคลื่อนสู่การเป็น Creative City of Gastronomy ของยูเนสโก
G = Gastronomy สงขลาขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์หลากหลาย และมีรากฐานจากการค้าขายระหว่างประเทศ ทั้งอาหารจีน มุสลิม ไทย และตะวันตก โดยทะเลสาบสงขลายังเป็นแหล่งอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยทั้งนี้ อยากให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้สัมผัสว่าสงขลา คือเมืองแห่งโอกาส ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว มาครั้งนี้รับรองว่าจะได้ประสบการณ์ใหม่ และความประทับใจกลับไปแน่นอน
ขณะเดียวกัน หอการค้าสงขลาเตรียมผลักดันประเด็นสำคัญในเวทีนี้ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน การดันเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา รวมถึงการต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอาหารฮาลาล เพื่อสร้างความ
แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจภาคใต้ และข้อเสนอถึงรัฐบาลนอกจากการยื่นสมุดปกขาวแล้ว หอการค้าสงขลายังเสนอรัฐบาลให้เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568–2569,การเร่งคืนภาษีให้ประชาชนและผู้ประกอบการโดยเร็ว,สนับสนุนอีเวนต์และเทศกาลระดับนานาชาติ เพื่อดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวเข้าประเทศ พร้อมทั้งเสนอแนวทางระยะยาวในการสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนใช้สินค้า แรงงาน และบริการในพื้นที่เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนกลับสู่ชุมชน ไม่ใช่เพียงการใช้พื้นที่โดยที่รายได้กลับไปส่วนกลาง
สำหรับสิ่งที่ จ.สงขลาจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่ จ.สงขลา จะได้แสดงศักยภาพด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมท้องถิ่นต่อสายตาผู้เข้าร่วมงานจากทั่วประเทศและตลอดระยะเวลาของการจัดประชุมซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาเข้าร่วมกว่า 1,500 คน ซึ่งจะช่วยสร้างเม็ดเงินสะพัดมหาศาลจากการพักโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ การท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าพื้นถิ่นและของฝาก โดยถือเป็นการใช้ไมซ์อีเวนต์ เป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างแท้จริง การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และธุรกิจบริการเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของสงขลาในฐานะ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้” ที่พร้อมก้าวสู่ภูมิภาคอาเซียน